คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบในฐานะอดีตเด็กนิติ มธ นะคะ รหัส 48. รุ่นพี่น้อง 10 ปีพอดี. รู้สึกเริ่มแก่ 5555
หลักสูตรของ มธ เน้นหลากหลายตามอาจารย์ค่ะ 55. จริงๆนะ คือวิชาเดียวกันเปลี่ยนอาจารย์สอนคนละแบบเลย
แต่ทุกท่านสอนดีมากนะคะ การเรียนปีเเรกจะเรียนวิชากฎหมายเทอมละตัว ปีสองเป็นต้นไปเรียนกฎหมายทั้งหมดค่ะ
วิชากฎหมายส่วนใหญ่ (อันที่จริงพี่ว่าทั้งหมดนะ ถ้ายังเหมือนเดิม) ไม่เช็คชื่อค่ะ เพราะงั้นการเรียนต้องมีความรับผิดชอบพอสมควร
แต่สมัยพี่มีพวกเทพ อ่านหนังสืออยู่หอไม่เคยโผล่มาเรียนแต่คะแนนโคตรดีก็อเยอะอยู่
การสอบไม่มีสอบกลางภาคค่ะ. สอบปลายภาคอย่างเดียว 5 ข้อ 100. คะแนน ตัดผ่านที่ 60. ถ้าตกสอบซ่อมได้ ไม่เอาเกรดครั้งแรกมาคิดรวม
แต่ถ้าตกจะอดได้เกียรตินิยมนะ รายงานแทบไม่มี งานกลุ่มแทบไม่เคยเจอ การเรียน 600 คน มักจะถูกแย่งเป็น 2 section sec ละ 300 คน
แต่ไม่ต้องกลัวว่าอาจารย์จะเรียกถามไม่ทั่วถึง เพราะบางท่านถ้าท่านถามท่านถามได้อยู่แล้ว แถมตั้งชื่อใหม่ให้เราเสร็จสรพพ
บางวิชามีการส่งไมค์ต่อไปเรีอยๆ พออาจารย์ถามไมค์อยู่ที่ใคร คนนั้นตอบ ข้อสอบไม่เน้นฎีกา (ไม่เน้นเลยจริงๆ สอนน้อยนิด )
เน้นหลักกฎหมาย ตอบผิดยังพอมีคะแนน อาจารย์ส่วนใหญ่ใจกว้าง. ตอบไม่ตรงท่านใจแต่เหตุผลดีคะแนนยังไหลมาเทมาได้
หลักสูตร มธ จะไม่แยกสาขาเหมือนจุฬา แต่จะมีวิชาเลือกเสรีให้เลือกเรียนได้ตามใจชอบ ต้องลง 8 ตัวเป็นอย่างน้อย. ใครอยากลงอะไรก็ตามใจ. แต่คณะจะกำหนดรายวิชามาให้ว่าใครลงวิชา นั้นๆ ครบจะได้ประกาศเพิ่มอีกใบ แต่ไม่บังคับ เป็นเลือกเสรีจริงๆ ถ้าตารางสอนโอเคไปเลือกวิชาคณะอื่นก็ได้. มีคนลงอังกฤษ และ JC เป็นวิชาโทมาแล้ว ใครบ้าพลังอยากเรียนเกินก็ตามสบายอีกเหมือนกัน
เนีองจากเป็นคณะใหญ่ สังคมในคณะจะถูกจัดแบีงเป็นโต๊ะกลุ่ม 25 โต๊ะเพีอความสะดวกในการจัดกิจกรรมและแจ้งข่าวสาร. แต่ก็ไม่บังคับ จะอยู่ก็ได้ไม่อยู่ก็ได้
คนเป็นฟรีแลนไม่อยู่โต๊ะก้อมีเยอะ. ไม่มีการแอนตี้ใดๆ แต่เรียนคณะใหญ่แบบนี้ต้องทำใจว่ารุ้จักเพีอนไม่หมดแน่. บางคนเพิ่งเคยเห็นหน้าวันรับปริญญาก็มี
ภาษาอังกฤษไม่เน้นเลยซักนิด. แต่จุฬาเท่าที่ถามๆก้อไม่เน้นนะ เรียนแค่ตัวบังคับเหมือนกันแหละ. ความสามารถด้านภาษาอังกฤษในคณะมีตั้งแต่แข่งศาลจำลองภาษาอัวกฤษกับต่างชาติได้สบายไปจนถึงงูงูปลาปลาแบบสุดๆ. เรื่องนี้แล้วแต่คนจริงๆ. มีวิชากฎหมายบรรยายเป็นองวกฤษล้วนให้เลือกเรียนพอกรุบกริบ
อาชีพการงานในอนาคตก็หลากหลาย ไปอยู่สายตุลาการก็เยอะ law firm ก็มาก เป็นแอร์ก็หลายคน ทำสวนก็มี. ข้อนี้ไม่น่าเป็นปัจจัยในการเลือกเรียนะท่าไหร่นะ
ขึ้นอยุ่กับตัวนัองแล้วล่ะ
มธ เรียนรังสิต 4 ปีนะ. เป็นปัจจัยที่ต้องคิดเหมือนกัน. เด็กส่วนใหญ่อยู่หอ. ต้องคุยกับที่บ้านด้วยว่าโอเคมั้ย
ความเห็นส่วนตัวพี่พี่คิดว่าการเรียนนิติขึ้นอยีกับคนเรียนมากกว่าสถาบัน และไมีว่าจะเป็นจุฬาหรือ มธ ก็ะป็นสถาบันที่ดีทั้งคู่ เลือกที่น้องอยากเข้าค่ะ
แต่การมาเรียนนิติต้องเตรียมใจไว้ล่วงหน้านะคะว่าต้องอ่านหนังสือค่อนข้างมาก และต้องอ่านไปตลอดแม้จะเรียนจบไปแล้ว. ถ้าเป็นคนไมีชอบอ่าน
ลำบากเหมือนกันนะคะ
หวังว่าที่ตอบมาคงเป็นประโยชน์นะคะ ยินดีต้อนรับน้องเข้ามาสายนิติศาสตร์เหมือนกันค่ะ สงสัยตรงไหนยังไงหลังไมค์มา จะช่วยตอบเท่าที่ตอบได้ค่ะ
หลักสูตรของ มธ เน้นหลากหลายตามอาจารย์ค่ะ 55. จริงๆนะ คือวิชาเดียวกันเปลี่ยนอาจารย์สอนคนละแบบเลย
แต่ทุกท่านสอนดีมากนะคะ การเรียนปีเเรกจะเรียนวิชากฎหมายเทอมละตัว ปีสองเป็นต้นไปเรียนกฎหมายทั้งหมดค่ะ
วิชากฎหมายส่วนใหญ่ (อันที่จริงพี่ว่าทั้งหมดนะ ถ้ายังเหมือนเดิม) ไม่เช็คชื่อค่ะ เพราะงั้นการเรียนต้องมีความรับผิดชอบพอสมควร
แต่สมัยพี่มีพวกเทพ อ่านหนังสืออยู่หอไม่เคยโผล่มาเรียนแต่คะแนนโคตรดีก็อเยอะอยู่
การสอบไม่มีสอบกลางภาคค่ะ. สอบปลายภาคอย่างเดียว 5 ข้อ 100. คะแนน ตัดผ่านที่ 60. ถ้าตกสอบซ่อมได้ ไม่เอาเกรดครั้งแรกมาคิดรวม
แต่ถ้าตกจะอดได้เกียรตินิยมนะ รายงานแทบไม่มี งานกลุ่มแทบไม่เคยเจอ การเรียน 600 คน มักจะถูกแย่งเป็น 2 section sec ละ 300 คน
แต่ไม่ต้องกลัวว่าอาจารย์จะเรียกถามไม่ทั่วถึง เพราะบางท่านถ้าท่านถามท่านถามได้อยู่แล้ว แถมตั้งชื่อใหม่ให้เราเสร็จสรพพ
บางวิชามีการส่งไมค์ต่อไปเรีอยๆ พออาจารย์ถามไมค์อยู่ที่ใคร คนนั้นตอบ ข้อสอบไม่เน้นฎีกา (ไม่เน้นเลยจริงๆ สอนน้อยนิด )
เน้นหลักกฎหมาย ตอบผิดยังพอมีคะแนน อาจารย์ส่วนใหญ่ใจกว้าง. ตอบไม่ตรงท่านใจแต่เหตุผลดีคะแนนยังไหลมาเทมาได้
หลักสูตร มธ จะไม่แยกสาขาเหมือนจุฬา แต่จะมีวิชาเลือกเสรีให้เลือกเรียนได้ตามใจชอบ ต้องลง 8 ตัวเป็นอย่างน้อย. ใครอยากลงอะไรก็ตามใจ. แต่คณะจะกำหนดรายวิชามาให้ว่าใครลงวิชา นั้นๆ ครบจะได้ประกาศเพิ่มอีกใบ แต่ไม่บังคับ เป็นเลือกเสรีจริงๆ ถ้าตารางสอนโอเคไปเลือกวิชาคณะอื่นก็ได้. มีคนลงอังกฤษ และ JC เป็นวิชาโทมาแล้ว ใครบ้าพลังอยากเรียนเกินก็ตามสบายอีกเหมือนกัน
เนีองจากเป็นคณะใหญ่ สังคมในคณะจะถูกจัดแบีงเป็นโต๊ะกลุ่ม 25 โต๊ะเพีอความสะดวกในการจัดกิจกรรมและแจ้งข่าวสาร. แต่ก็ไม่บังคับ จะอยู่ก็ได้ไม่อยู่ก็ได้
คนเป็นฟรีแลนไม่อยู่โต๊ะก้อมีเยอะ. ไม่มีการแอนตี้ใดๆ แต่เรียนคณะใหญ่แบบนี้ต้องทำใจว่ารุ้จักเพีอนไม่หมดแน่. บางคนเพิ่งเคยเห็นหน้าวันรับปริญญาก็มี
ภาษาอังกฤษไม่เน้นเลยซักนิด. แต่จุฬาเท่าที่ถามๆก้อไม่เน้นนะ เรียนแค่ตัวบังคับเหมือนกันแหละ. ความสามารถด้านภาษาอังกฤษในคณะมีตั้งแต่แข่งศาลจำลองภาษาอัวกฤษกับต่างชาติได้สบายไปจนถึงงูงูปลาปลาแบบสุดๆ. เรื่องนี้แล้วแต่คนจริงๆ. มีวิชากฎหมายบรรยายเป็นองวกฤษล้วนให้เลือกเรียนพอกรุบกริบ
อาชีพการงานในอนาคตก็หลากหลาย ไปอยู่สายตุลาการก็เยอะ law firm ก็มาก เป็นแอร์ก็หลายคน ทำสวนก็มี. ข้อนี้ไม่น่าเป็นปัจจัยในการเลือกเรียนะท่าไหร่นะ
ขึ้นอยุ่กับตัวนัองแล้วล่ะ
มธ เรียนรังสิต 4 ปีนะ. เป็นปัจจัยที่ต้องคิดเหมือนกัน. เด็กส่วนใหญ่อยู่หอ. ต้องคุยกับที่บ้านด้วยว่าโอเคมั้ย
ความเห็นส่วนตัวพี่พี่คิดว่าการเรียนนิติขึ้นอยีกับคนเรียนมากกว่าสถาบัน และไมีว่าจะเป็นจุฬาหรือ มธ ก็ะป็นสถาบันที่ดีทั้งคู่ เลือกที่น้องอยากเข้าค่ะ
แต่การมาเรียนนิติต้องเตรียมใจไว้ล่วงหน้านะคะว่าต้องอ่านหนังสือค่อนข้างมาก และต้องอ่านไปตลอดแม้จะเรียนจบไปแล้ว. ถ้าเป็นคนไมีชอบอ่าน
ลำบากเหมือนกันนะคะ
หวังว่าที่ตอบมาคงเป็นประโยชน์นะคะ ยินดีต้อนรับน้องเข้ามาสายนิติศาสตร์เหมือนกันค่ะ สงสัยตรงไหนยังไงหลังไมค์มา จะช่วยตอบเท่าที่ตอบได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน สังคม ของ นิติ มธ และ นิติ จุฬา
แต่คะแนนแอดก็พอยื่นนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ หลายคนเลยเชียร์ให้เรารอแอดค่ะ
ซึ่งลังเลมากๆ ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ถ้าจะไปแอดก็ต้องทิ้งรับตรงไป
เลยอยากจะมาสอบถามหลายๆท่านเรื่องหลักสูตร/การเรียนการสอน/สังคมของนิติมธและนิติจุฬา
ส่วนตัวแล้วเราอยากไปสายตุลาการค่ะ แต่ก็กลัวสอบเน สอบอัยการ ผู้พิพากษาไม่ได้ อาจจะได้ทำlaw firmแทน ได้ยินมาว่านิติจุฬามีconnectionด้านนี้มาก และภาษาอังกฤษเข้มด้วย เหมาะกับการเปิดอาเซียนพอดี
ส่วนทางฝั่งมธ ได้ยินมาว่าจะเด่นเรื่องสายตุลาการ รู้สึกมีนักเรียนเกือบ600คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก จะเป็นปัญหาต่อการเรียนอะไรมั้ยคะ?
ขอคำแนะนำจากทุกคนทีค่ะ รบกวนอย่ามาพาดพิง/เกทับ สถาบันกันนะคะ เราแค่ต้องการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ขอบคุณค่ะ