เมื่อพ่ออยากกินราเมง

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากผมโดยตรง ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้และเตือนใจตนเอง

เรื่องของผมมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ครับ พ่อของผมทำอาชีพรัฐวิสาหกิจ และพอเลิกงานก็มาขับแท็กซี่บ้างแล้วแต่อารมณ์ครับ (เป็นรถของตัวเองครับ เค้าบอกผมว่าอย่างน้อยก็ไม่เสียค่าน้ำมัน กลับบ้านเร็วก็ไม่มีอะไรทำ) วันนั้นเป็นช่วงที่โบนัสพ่อออกครับ ก็จะมีเงินมาใช้เยอะขึ้น พ่อก็แบ่งให้ผมกับแม่แล้วก็แบ่งไว้ใช้จ่ายอะไรต่างๆในบ้านและกับผม วันนึงผมชวนพ่อผมไปดูหนังครับ ก็เรื่อง Fast 7 นี่แหละ ก็ได้รอบ2ทุ่ม ระหว่างรอพ่อก็ชวนผมเดินหาอะไรกินก่อนเข้าโรงหนัง พ่อผมก็พูดขึ้นว่า "พ่ออยากกินบะหมี่ที่มีหมูแผ่นๆอยู่ข้างบนอ่ะ ที่นี่มีไหม" แว้บแรกผมก็คิดถึงราเมงเป็นอันดับแรก ผมเลยถามว่า "ราเมงหรอพ่อ" พ่อเค้าก็บอกว่าน่าจะใช่ ผมก็เลยบอกให้พ่อเดินมากินที่ ฮะจิบัง ด้วยกัน แต่พอเดินผ่านศูนย์อาหารพ่อเค้าก็เลยบอกผมว่าที่นี่ก็น่าจะมีมั้งไม่ต้องไปกินที่ร้านนั้นหรอก (ผมคิดว่าพ่อคงเสียดายตัง) โดยส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากกินที่ศูนย์อาหารอยู่แล้วด้วย ผมก็เลยพาพ่อไปที่ร้าน พอถึงหน้าร้านพ่อก็ถามตามเมนูหน้าร้านว่าอันนี้อะไร รสชาติเป็นยังไง ข้างบนมันมีอะไร ถามเพราะว่าเค้าไม่เคยอ่ะครับ พอเข้าร้านไปผมก็สั่งให้เค้า เค้าก็ถามอีกว่าเครื่องปรุงมีอะไรบ้าง ต้องใส่มั้ย ผมก็อธิบายไป ระหว่างรอผมก็คิดได้ว่าพ่อเค้าไม่เคยกินอะไรแบบนี้เลย ในขณะที่ผมกับแม่ไปกินกันบ่อยๆโดยที่ชวนเค้าบ้างไม่ชวนบ้าง เพราะบางทีเค้าก็วิ่งรถอยู่ไกล พ่อมุ่งหน้าทำงานพอเลิกงานก็มาขับรถต่อ พ่อหิวก็หาบะหมี่ข้างทางกินชามละ 30-40บาท เพื่อเก็บเงินมาจุนเจือครอบครัว ให้แม่และผมใช้อย่างสบาย ผมรู้สึกผิดมากๆที่ในทุกๆวันผมนัดไปกินข้าวกับเพื่อนมื้อนึงก็หลายตัง แต่ในขณะพ่อยอมกินอาหารข้างทาง ผมเสียใจมาก แต่ก็เก็บไว้ไม่อยากให้พ่อรู้ ผมเลยบอกพ่อไปว่า "เดี๋ยวผมทำงานได้ ผมจะพาพ่อไปกินอะไรที่พ่อยังไม่เคยกินอีกเยอะแยะเลย ผมสัญญา" พ่อผมก็ยิ้มๆ ผมรู้สึกได้เลยว่าถ้าโบนัสไม่ออกพ่อก็คงไม่กล้ากินอะไรแบบนี้ วินาทีที่ผมมองพ่อนั่งกิน มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ทำให้ผมคิดได้ว่าพ่อดูเหนื่อยเหลือเกิน ลำบากเหลือเกิน และหลังจากกินไปซักพัก ผมก็ถามพ่ออีกว่า ถ้าพ่อเกษียณไปแล้วพ่อจะทำอะไร พ่อตอบว่า ก็ต้องดูสภาพร่างกายก่อน(เค้าสูบบุหรี่ด้วยครับ) ผมเลยตอบสวนกลับไปเลยว่า "พ่อไม่ต้องทำหรอก อายุ 60 แล้ว อยู่บ้านใช้ตังดีกว่าเดี๋ยวผมทำเอง เหนื่อยมาเยอะแล้วไม่ต้องทำแล้ว" ตอนนี้ผมอายุ 21 ปี ผมอยากจะให้ผมได้ทำงานเร็วๆ เพื่อที่พ่อผมจะได้พักสักที ผมอาจจะสนิทกับแม่ก็จริง แต่ผมก็รักพ่อไม่น้อยกว่ากันเท่าไหร่เลย แต่กับพ่อผมไม่เคยพูดคำว่ารักกับเค้าเลย เพราะด้วยความเป็นผู้ชายด้วยกัน มันเขินแปลกๆ จะพูดทีไรก็จะร้องไห้ทุกที หลังจากวันนั้นผมก็รู้สึกอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการใช้ชีวิต การใช้เงิน ได้เปลี่ยนไปในตัวผม อาจจะไม่ทันทีทันใดจนพลิกชีวิต แต่ก็รอบคอบมากขึ้น ณ เวลาที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ หน้าที่ของผมคือตั้งใจเรียนให้คุ้มกับแรงกายแรงใจของพ่อ ที่มองเราอยู่เบื้องหลังพร้อมที่จะผลักดันเราไปข้างหน้า แล้วคุณล่ะ หน้าที่ของคุณตอนนี้คืออะไร...?

ผมอยากจะให้เรื่องราวของผมเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้หยุดคิดและหันกลับมามองผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของตัวเราเอง ผมอาจจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในภายภาคหน้า แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อยังคงเป็นผู้ที่ส่งเสริม และผลักดันผมมาเสมอ ขอบคุณครับ

ปล. เป็นกระทู้เล่าเรื่องแรกๆของผม มีอะไรติชมได้ตลอดนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่