[CR] The Ultimate Iceland Winter Adventure

สวัสดีครับทุกคน เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทำตามฝันด้วยการไปล่าแสงเหนือที่ประเทศไอซ์แลนด์เป็นเวลา 13 วัน ผมเลยจะมาเล่าถึงประสบการณ์ในทริปนี้เผื่อจะมีประโยชน์และเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่กำลังสนใจจะไปเยือนประเทศนี้กันครับ

หลักๆแล้ว ทริปของผมได้แนวทางมาจากทริปของพี่หมอสองคนนี้ครับ ใครอยากได้คู่มือท่องเที่ยวไอซ์แลนด์แบบละเอียดโคตรๆ ขอแนะนำให้เข้าไปอ่านเลยครับ ส่วนที่ผมจะมารีวิวนี้ จะเน้นส่วนที่แตกต่างไปจากของพี่หมอก็แล้วกันนะครับ

ลิงค์กระทู้ของพี่หมอครับ http://pantip.com/topic/32164247

Pre-departure Preparation

ต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนต่างๆก่อนเดินทาง ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ
1. ขอ Schengen Visa ก่อนดิ: แหงล่ะ เพราะไอซ์แลนด์เป็นประเทศในกลุ่ม EU จะเข้าประเทศเค้าก็ต้องขอวีซ่าเชงเก้น สำหรับขั้นตอนการขอก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ลองเสิร์ชกูเกิ้ลแล้วทำตามได้เลยครับ (ของผมจะต่างไปนิดหน่อยเพราะผมเรียนอยู่ที่อังกฤษ จะต้องเข้าไปยื่นเอกสารที่ VFS London ถ้าขอจากไทยรู้สึกว่าต้องไปขอที่ Alma Link Building ชิดลมนะครับ)

2. จองที่พัก: ของผมจองผ่าน Booking.com ทั้งหมด เน้นเป็นประเภท Guesthouse เพราะถูกกว่าโรงแรมครับ
Day 1: Igdlo Guesthouse (Reykjavik)
Day 2: Guesthouse Fagrilundur (Reykholt)
Day 3: Skogar Guesthouse (Skogar)
Day 4-5: Dynjandi Guesthouse (Höfn)
Day 6: Birta Guesthouse (Egilsstadir)
Day 7: Dimmuborgir Guesthouse (Mývatn)
Day 8: Lónsá Guesthouse (Akureyri)
Day 9-10: Suður-Bár Guesthouse (Grundarfjörður)
Day 11: Borgarnes Hostel (Borgarnes)
Day 12-13: Guesthouse Borg (Grindavik)
Remarks: ทริปนี้ผมใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลและวางแผนอยู่นานหลายเดือนเลย เพื่อที่ว่าพอถึงเวลาจริงจะได้ไม่ต้องปรับเปลี่ยนแผนมาก ผลที่ออกมาก็นับว่าน่าพอใจมากคือทำตามแผนได้เกือบทั้งหมด เลยอยากแนะนำว่าถ้าไม่อยากจะต้องมานั่งปวดหัวคิดแผนใหม่หรือ improvise กันหน้างาน ก็วางแผนมากันให้ดีๆนะครับ

3. การเช่ารถ: เนื่องจากว่าผมมีความจำเป็นต้องหยุดถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆเป็นเวลานาน (ทั้งภาพนิ่งและ time-lapse) จึงคิดว่าการซื้อ Holiday Package ไม่น่าจะเหมาะ เพราะต้องเผื่อเวลาในการถ่ายรูปเยอะ เลยคิดว่าเช่ารถขับน่าจะดีที่สุด การเช่าก็ง่ายมากครับ เข้าเวปนี่เลย http://www.rentalcars.com/  ตอนเลือกรถมีข้อสังเกตนิดหน่อยว่าให้เลือกที่เป็น Unlimited Kilometers กับ Winterization (หากมาในหน้าหนาว) ตอนแรกผมจอง Opel Corsa (รถขนาด Mini Compact) ของบริษัท Sixt ด้วยความอยากจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พอไปถึงที่รับรถ พนักงานแนะนำ(แกมโน้มน้าว)ว่าควรจะอัพเกรดเป็น SUV เพราะขับรอบประเทศเป็นเวลาหลายวันอาจจะเจอพายุหิมะและอากาศแปรปรวนมาก รถ SUV ปลอดภัยหายห่วงกว่า พร้อมกับยังแนะนำให้ซื้อประกันอุบัติเหตุต่างๆมากมาย (ยังกะขายประกันชีวิต) สุดท้ายผมอัพเกรดรถเป็น Chevrolet Trax และซื้อประกันกระจกแตกมาอย่างเดียวเพราะดูแล้วสำคัญและมีโอกาสที่กระจกจะแตกเพราะสภาพอากาศเลวร้ายจริงๆ รวมราคาทุกอย่างเบ็ดเสร็จประมาณ 600 euro ครับ (ราคานี้ไม่รวมเงินมัดจำรถประมาณ 300 euro นะครับเพราะยังไงเดี๋ยวก็ได้คืนอยู่ดี)
Remarks:
3.1 ขอเสริมนิดนึงว่า ตอนรับรถนั้นจะมี shuttle van ของทางบริษัทรถมารับจาก terminal ของสนามบินพาไปรับรถที่จอดอยู่ที่บริษัท (ซึ่งอยู่ห่างออกไปนิดนึง) ตอนไปรับน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนคืนรถนี่สิ อยากจะขอเตือนเพื่อนๆว่า หากใครมีนัดคืนรถตอนเช้าตรู่ (ตีห้าครึ่ง) เพราะต้องบินกลับไฟล์ทเช้าอย่างผม แนะนำว่าให้ไป drop สัมภาระในอาคารผู้โดยสารก่อน ไม่งั้นอาจจะต้องเดินลากกระเป๋าเดินทางฝ่าหิมะจากจุดคืนรถมาอาคารผู้โดยสารอย่างผมเพราะรถ shuttle van จะเริ่มให้บริการตอนหกโมงเช้า ถ้ารอรถก็อาจจะตกเครื่องได้ (แม้จะไม่ไกลมาก แต่ถ้ามีสัมภาระเยอะอย่างผมก็อาจจะหอบตายได้)
3.2 จากที่ศึกษามาพบว่าถ้าเช่า GPS เพิ่มจะแพงมากและไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น (หากไม่ได้ขับลุยเข้าไปใน Highlands) ผมเลยซื้อแผนที่กระดาษมาแผ่นเดียว (ราคา 12 euro) อยากบอกว่าคุ้มมากๆ ขอแนะนำเลย แต่หากใครขับรถแบบไม่มี GPS แล้วจะไม่สบายใจเพราะกลัวหลงทางจะจัดมาซักอันก็ไม่ว่ากันครับ

4. ซื้อตั๋วเครื่องบิน: ผมซื้อของ Icelandair ราคาไป-กลับประมาณ 200 ปอนด์ครับ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ผมซื้อจากอังกฤษราคาจึงถูกกว่า ถ้ามาจากไทยลองอ่านแนวทางของพี่หมอดูนะครับ
Remarks: สำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องถ่ายรูป ไปเที่ยวเอาบรรยากาศชิวๆ ทาง Icelandair เค้ามี Holiday Packages ให้เลือกมากมายเลย ลองเข้าไปดูกันนะครับ

Time-lapse Photography for Enthusiasts ส่วนนี้สำหรับผู้รักการถ่ายภาพครับ

Equipment มาดูอุปกรณ์กันก่อนครับว่ามีอะไรบ้าง
1. Canon EOS 7D DSLR ชัวร์ป้าดอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเอาอะไรถ่ายภาพ
2. Canon EF-S 17-55 mm f/2.8 IS เลนส์ช่วง normal zoom สำหรับกล้องตัวคูณ (ผมยังไม่มีปัญญาขยับไป full-frame ครับ ร้องไห้)
3. Tokina 11-16 mm f/2.8 DXII ตัวนี้ได้ช่วงกว้างขึ้นมาหน่อย เปิดได้กว้างสุดที่ 11 mm ช่วงจริงจะอยู่ที่ประมาณ 18 mm สำหรับกล้องตัวคูณ Canon (คูณ 1.6) แต่เวลาถ่ายจริงผมจะไม่เปิดสุดครับ จะเปิดกว้างสุดแค่ 12-13 mm แล้วแต่สถานการณ์ เพราะเวลาถ่ายผมจะใส่ฟิลเตอร์ ND1000 กับ C-PL เข้าไปด้วย ทำให้ถ้าเปิดกว้างสุดจะติดรอยดำของฟิลเตอร์ที่ขอบภาพครับ
4. Benro A300F tripod
5. Manfrotto 055PROB tripod with 486RC2 ballhead ตัวนี้เป็นรุ่นเก่า หนักสึด
6. Digislider time-lapse slider with SMS controller (SMS ย่อมาจาก Shoot-Move-Shoot ครับ คือกล้องจะไม่ขยับจนกว่าจะถ่ายเสร็จรูปนึง ช่วยให้ภาพคมชัดไม่เบลอครับ)
7. RS-80N3 Shutter Release Cable สำหรับถ่ายภาพนิ่ง ลดการสั่นไหวจากการกดชัตเตอร์ที่ตัวกล้องโดยตรง เพื่อความคมชัดยิ่งขึ้นครับ
8. A lot of memory cards ทริปนี้รวมทั้งหมดผมใช้เมมไปประมาณ 200 gb ครับ (ถ่าย RAW ประมาณหมื่นภาพครับ)

Basic Time-lapse Calculation:
สูตรที่ผมใช้ในการถ่าย time-lapse มีอยู่ 2 สูตรดังต่อไปนี้ครับ
สูตรแรกคือ
((Total Shooting Time (s))/FPS)/(Length of Timelapse (s))=Shooting Interval (s)
โดยที่
Total Shooting Time คือ ระยะเวลารวมทั้งหมดที่เราใช้ในการถ่าย time-lapse นั้นๆ มีหน่วยเป็นวินาทีครับ

FPS ย่อมากจาก Frame-per-Second คือ จำนวนภาพถ่ายที่แสดงในคลิปใน 1 วินาที โดยทั่วไปแล้ว หากแสดงผลบนจอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ทั่วไป เพื่อความลื่นไหลไม่สะดุดของคลิป ผมแนะนำว่าให้ใช้ 24FPS ขึ้นไปครับ ส่วนผมใช้ 30FPS ครับ อ้อ แล้วถ้าหากเรารู้ FPS ที่เราต้องการแล้ว จะสามารถนำไปคำนวณจำนวนภาพที่เราต้องถ่ายสำหรับ time-lapse แต่ละครั้งได้จากสูตรที่สองครับ

Length of Timelapse คือ ความยาวของคลิป time-lapse ที่ render เสร็จแล้ว มีหน่วยเป็นวินาที

Shooting Interval มีหน่วยเป็นวินาทีเช่นกัน คือระยะเวลาที่กล้องใช้ในการเคลื่อนที่จากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งถัดไปบน slider (งงมั้ยครับ คือเวลาถ่าย time-lapse ด้วย slider กล้องจะถูกควบคุมด้วย motor พอถ่ายเสร็จภาพนึง motor ก็จะเลื่อนกล้องไปยังอีกตำแหน่ง ซึ่งระยะเวลากว่ากล้องจะถูกเลื่อนไปอีกตำแหน่งก็คือเจ้า Shooting Interval นี่เอง) ถ้าหากต้องการให้ time-lapse มี motion ที่ช้าลงแนะนำว่าให้ใช้ Shooting Interval น้อยๆครับ (ถ่ายถี่ขึ้น) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวแปรตัวนี้ต้องสัมพันธ์กับ Exposure Interval (shutter speed) ของกล้องด้วย เช่น หากสภาพแสงขณะนั้นต้องถ่ายที่ 1/60 s (0.01666 วินาที) ถึงจะได้แสงพอดี เราก็อาจจะตั้ง Shooting Interval ไว้ที่ 2 วินาที (อย่าลืมเผื่อเวลาที่กล้องต้องใช้ในการบันทึกภาพลง memory card ด้วยนะครับ และถ้าเป็นไปได้ให้ปรับ Long Exposure Noise Reduction กับ High ISO Noise Reduction เป็น Disable ทั้งสองอันด้วยนะ เพราะกล้องจะบันทึกภาพได้เร็วขึ้นมากครับ)

สูตรที่สองคือ
(Number of Shots)/FPS=Length of Timelapse (s)
โดยที่ Number of Shots คือจำนวนภาพทั้งหมดใน time-lapse นั้นๆครับ

Example เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ผมขอยกตัวอย่างให้ดูดังนี้ครับ
ถ้าหากเราต้องการให้ time-lapse มีระยะเวลา 5 วินาที (นี่คือ Length of Timelapse) โดยแสดงผลบนหน้าจอที่ 30FPS
เพราะฉะนั้น Number of Shots = Length of Timelapse x FPS = 5x30 = 150 shots
หมายความว่าเราต้องถ่ายภาพอย่างน้อย 150 ภาพถึงจะได้คลิป time-lapse เป็นเวลา 5 วินาทีที่ 30FPS ครับ
และถ้าหากเราต้องการให้ Shooting Interval = 3 วินาที
เราจะต้องใช้เวลาถ่าย time-lapse ครั้งนั้นทั้งหมด = 3x5x30 = 450 วินาที หรือประมาณ 7 นาทีครึ่งครับ

Post-processing
การปรับแต่งแสงสีต่างๆผมทำใน Lightroom เกือบทั้งหมดครับ (มีใช้ photomerge ใน Photoshop นิดหน่อยสำหรับทำ panorama และใส่ logo) ข้อดีของ Lightroom สำหรับ time-lapse ก็คือความสามารถในการ synchronize ค่า settings ต่างๆได้ เหมาะมากสำหรับการ process ภาพครั้งละหลายๆพันภาพ ซึ่งคิดว่าเพื่อนๆหลายคนคงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ดังนั้นผมขอไม่กล่าวถึงรายละเอียดแล้วกันนะครับ ส่วนการ Render คลิป time-lapse ผมใช้ซอฟท์แวร์ LRTimelapse ซึ่งสะดวกดีมาก ใช้งานง่าย มีลูกเล่นที่เป็นประโยชน์เยอะ เช่น De-flickering สำหรับการถ่าย time-lapse ช่วง Holy Grail เป็นต้น
Remarks: Flickering คือสภาวะแสงกระพริบวับๆเนื่องจากสภาพแสงที่แตกต่างกันชั่วขณะระหว่างการถ่าย time-lapse ครับ ส่วน Holy Grail หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Day-to-Night Time-lapse คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน (เปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน) ซึ่งช่วงนี้สภาพแสงเรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าครับ ถ่ายยากกว่า time-lapse ธรรมดามากและต้องใช้ความชำนาญสูงแต่ก็ย่อมสวยกว่าแบบธรรมดาเช่นกันครับ

นี่เป็นคลิป Time-lapse ของผมนะครับ กว่าจะทำเสร็จเกือบอ้วกกันเลยทีเดียว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ชื่อสินค้า:   Iceland
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่