ภาพยนตร์ชุด Fast & Furious ดำเนินมาถึงภาค 7 ซึ่งภาคนี้เป็นการต่อยอดประเด็นที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อนหน้า ทั้งเรื่องการตายของฮาน, โทรศัพท์ปริศนาที่โทรมาหาดอม และที่สำคัญภาคนี้ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของนักแสดงหนุ่ม Paul Walker อีกด้วย
การดำเนินเนื้อเรื่องยังคงเน้นฉากแอคชั่นที่ทำออกมาอย่างบ้าระห่ำ คอหนังแอคชั่นคงจะชื่นชอบไม่ใช่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเน้นเรื่องแอคชั่น ความสมเหตุสมผลของการกระทำในเนื้อเรื่องคงต้องเป็นประเด็นรองลงมา
ภาคนี้เป็นเสมือนการเริ่มต้นฉีกแนวใหม่ของตระกูล Fast & Furious อีกครั้ง โดยได้เพิ่มความไฮเทคและเทคโนโลยีเข้าไปมากซึ่งแปลกจาก Fast ภาคอื่นๆพอสมควร จุดที่อยากจะติสำหรับภาคนี้คือการพยายามเน้นแอคชั่นมากเกินไป จนทำให้บทบางส่วนไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่นัก อีกทั้งการนำ เจสัน สเตแธม มารับบทวายร้ายหลักของเรื่อง ซึ่งควรจะมีบทบาทสำคัญในภาคนี้ แต่กลับถูกกลบด้วยหลายตัวละคร เนื่องจากฝั่งตัวร้าย ไม่ได้มีเพียงฝ่ายเดียว บทของเจสันจึงเน้นไปที่การต่อสู้กับดอมเพียงคนเดียว ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวละครอื่นๆเท่าไหร่นัก ส่วน โทนี่ จา นักแสดงชาวไทยที่ไปรับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะออกไม่มาก แต่ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญ และถูกวางบทมาให้เป็นคู่ปรับของ ไบรอั้น โอคอร์นเนอร์ (พอล วอล์กเกอร์) ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง
จุดที่ขอชื่นชมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตอนจบของเรื่อง ที่ต้องการจะสื่อถึงพอล แต่เป็นการสื่อผ่านตัวละครในทีม ไปสู่ไบรอั้น โอคอร์นเนอร์ ซึ่งตอนจบของเรื่องนั้น ได้สร้างบทสรุปที่ดีพอสมควรสำหรับตัวละครไบรอั้น สำหรับแฟนคลับพอลหลายคน คงซึ้งใจกับฉากนี้แน่นอน
สรุปการให้คะแนน
บท 7/10
แอคชั่น 9/10
การเกลี่ยบทตัวละคร 8/10
สรุป 8.5 เต็ม 10
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆได้ที่:
https://www.facebook.com/TheFilmReviews
[CR] รีวิวภาพยนตร์ "Fast & Furious 7" [8.5/10]
การดำเนินเนื้อเรื่องยังคงเน้นฉากแอคชั่นที่ทำออกมาอย่างบ้าระห่ำ คอหนังแอคชั่นคงจะชื่นชอบไม่ใช่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเน้นเรื่องแอคชั่น ความสมเหตุสมผลของการกระทำในเนื้อเรื่องคงต้องเป็นประเด็นรองลงมา
ภาคนี้เป็นเสมือนการเริ่มต้นฉีกแนวใหม่ของตระกูล Fast & Furious อีกครั้ง โดยได้เพิ่มความไฮเทคและเทคโนโลยีเข้าไปมากซึ่งแปลกจาก Fast ภาคอื่นๆพอสมควร จุดที่อยากจะติสำหรับภาคนี้คือการพยายามเน้นแอคชั่นมากเกินไป จนทำให้บทบางส่วนไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่นัก อีกทั้งการนำ เจสัน สเตแธม มารับบทวายร้ายหลักของเรื่อง ซึ่งควรจะมีบทบาทสำคัญในภาคนี้ แต่กลับถูกกลบด้วยหลายตัวละคร เนื่องจากฝั่งตัวร้าย ไม่ได้มีเพียงฝ่ายเดียว บทของเจสันจึงเน้นไปที่การต่อสู้กับดอมเพียงคนเดียว ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวละครอื่นๆเท่าไหร่นัก ส่วน โทนี่ จา นักแสดงชาวไทยที่ไปรับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะออกไม่มาก แต่ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญ และถูกวางบทมาให้เป็นคู่ปรับของ ไบรอั้น โอคอร์นเนอร์ (พอล วอล์กเกอร์) ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง
จุดที่ขอชื่นชมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตอนจบของเรื่อง ที่ต้องการจะสื่อถึงพอล แต่เป็นการสื่อผ่านตัวละครในทีม ไปสู่ไบรอั้น โอคอร์นเนอร์ ซึ่งตอนจบของเรื่องนั้น ได้สร้างบทสรุปที่ดีพอสมควรสำหรับตัวละครไบรอั้น สำหรับแฟนคลับพอลหลายคน คงซึ้งใจกับฉากนี้แน่นอน
สรุปการให้คะแนน
บท 7/10
แอคชั่น 9/10
การเกลี่ยบทตัวละคร 8/10
สรุป 8.5 เต็ม 10
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆได้ที่: https://www.facebook.com/TheFilmReviews