“ฉันเคยนับถือศาสนาอิสลาม แต่ตอนนี้ฉันคือ อศาสนิกชนที่เคารพคุณค่าของมนุษย์” หมายความว่าอย่างไร?

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ

กระทู้นี้จำกัดอยู่อยู่เฉพาะ กลุ่ม  ex-Muslim  หรือมุสลิมที่  ออกจากศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าใจว่า  ศาสนาอิสลาม มีหลักคำสอนทางคุณธรรมที่ สอนให้มุสลิมทุกๆคน "เคารพคุณค่าของมนุษย์"  ซึ่งเป็นหัวใจของศาสนาอิสลาม ในการสอนให้มุสลิม เข้าใจคุณค่าชิวิต มนุษย์เป็น เรื่องสำคัญที่สุด,  กระทู้นี้จะไม่รวม ผู้ที่เรียกตัวเองว่า "เป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา" ผู้ซึ่งมีฐานศรัทธาทางศาสนาดั้งเดิมไม่ใช่ศาสนาอิสลาม

ผมต้องขออภัยด้วยที่อาจจะทำให้ เพื่อนๆต้องเสียเวลา ในเรื่องของการตอบและอธิบายเรื่องราว ในกระทู้, "ความคิดเห็นของคำสารภาพของอดีตมุสลิม I am an ex-Muslim" ความจริงแล้วผมไม่อยากจะรบกวนเวลาของสมาชิกในเรื่องกระทู้นี้, เพราะ ในเวบสาธารณะเช่นนี้ทุกๆท่านมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ที่ตนสนใจ และ มีความต้องการจะแบ่งปัน ความรู้ความรู้สึกให้ กับ ทุกๆคนหรือบางคน

    สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คือสร้างความเข้าใจ เรื่องหลักการของศาสนาอิสลาม ตามอัลกุรอาน ที่เป็นแนวทางที่ถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ตามพระประสงค์ของพระเจ้า หรือ เราจะเรียกว่า เอกพลานุภาพ หรือ อะไรก็ได้ที่มี อานุภาพ หรือพลัง ในการ ควบ คุม ระบบธรรมชาติ ทั้งทางด้าน ชีววิทยา สรีระวิทยา,ทางกายภาพ ซึ่งรวมไปถึงหลักการและระบต่างๆ ทาง ฟิสิกส์ และ ทางตณิตศาสตร์ ที่ดำเนินไปในสุริยจักรวาล อย่างมีระเบียบ ทั้งนี้เพราะว่า ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา จะดำเนินไปอย่างมี ระเบียบ ต่อเนื่องไปไม่ได้ ถ้าไม่มี อำนาจหรือ พลังที่จะควบคุม, สิ่งต่างๆที่ผมกล่าวมา นี่คือความเชื่อและศรัทธาของผม ต่อเอกภาพนั้น ตามหลักการของศาสนาอิสลาม

การไม่เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง(impact of hadith to muslims)
เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มุสลิมละทิ้งอิสลาม
:

  วัตถุประสงค์ของผมคือปรับปรุงทัศนคติของสังคมมมุสลิมจากการเชื่อย่างไม่มีเหตุผล ตามคำสอน และเรื่องบอกเล่าที่เรียกันว่า ฮาดีษ ซึ่งมุสลิม ส่วนมาก ประมาณ 80-90% ยึดถือฮาดีษเป็นแนวทางของอิสลามแทนอัลกุรอาน  ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีสอนแต่ในเรื่องความรุนแรง และประเพณีอรับทะเลทราย ก่อนอิสลาม อยู่อย่างมาก, ผมเขียนเรื่องในแนวนี้นี้เป็นงานอดิเรกที่เสี่ยงชีวิต และการต่อต้านของสังคมมุสลิมมาเป็นเวลา หลายสิบปี พยายามทำความเข้าใจกับสมาชิกพุทธศาสนาให้เห็นความแท้จริงของหลักการอิสลามที่ ไม่มีการสอนการปฏิบัติ ในความรุนแรงและโหดร้ายทารุณตาม ที่ มุสลิมอรับ ทะเลทรายได้ทำการสอน การเรียน และปฏิบัติ อย่างผิดแนวทางมาจนถึงทุกๆวันนี้

    ผมพยายามที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนาในหลักคุณธรรมและหลักปฏิบัติว่าแตกต่างจากหลักการของอิสลามที่แท้จริงมากน้อบเท่าใด, จากการศึกษาตามความเป็นจริงก็ได้รับความรู้ มาข้อหนึ่งว่า ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้ ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพในรูปปั้นหรือ เจว็ดแต่อย่างใด, หรือหากมีการเคารพ ก็มีเหตุผล

  แต่ในทางตรงกันข้าม มุสลิมที่ เข้าใจคำสอนของ อิสลามที่ห้ามการ นับถือ บูชา หรือ นำ วัตถุมาสัมพันธ์กับ เอกพลานุภาพ หรือ พระเจ้า หรือ อัลลอฮ์ อย่างเด็ดขาด,แต่มุสลิมกลับไม่ปฏิตามคำสอนในอัลกุรอาน  หันมาจูบกอดก้อนหินอย่างไม่มีเหตุผล, รวมทั้งการต่อเติมศาสนาอธิบายว่า ก้อนหินดำนั้น เป็นหินที่ประเสริฐเนื่องจาก ถูกสัมผัสโดยมือของท่านศาสดามูฮัมมัด เป็นหินที่มาจากสวรรค์ และการสัมผัสหรือจูบกอดก้อนหิน จะเป็นผลให้ พระเจ้าทรงอภัยให้ผู้สัมผัส พ้นจากบาปกรรมที่เขามีอยู่  ซึ่งในทัศนของอิสลามตามหลักการ ที่ถูกต้องเป็นการสร้างภาคี หรือ ทำชิริก

นอกจากนั้น ในฮาดีษส่วนมาก ก็มีเรื่องราวทางอภินิหาร, มหัศจรรย์, เหนือธรรมชาติ, มายาการ(supernatural), มหัศจรรย์, อัศจรรย์, ปาฏิหาริย์, อภินิหาร, แปลก, เหลือเชื่อ (miraculous), ปาฏิหาริย์, อาเพศ, ความมหัศจรรย์, อภินิหาร, เรื่องอัศจรรย์, อิทธิปาฎิหาริย์ (miracle) ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ศาสนาอิสลามห้าม ทั้งนี้เพราะเป็นสิทธิของ เอกพลานุภาพที่สูงสุด เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องหรือเป็นสิทธิของมนุษย์ที่จะนำมายึดปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มนุษยที่มีใจอ่อนไหวและผู้ที่ปราศจากความรู้ หลงงมงายอยู่ในสิ่งดังกล่าว

ส่วนเรื่องสวรรค์นรกในศาสนาอิสลามนั้นเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบ ความสุขสบายที่มนุษย์จะได้รับจาก การทำความดี หรือ เรื่องของความทนทุกข์ทรมาน ทางPhysical ที่มนุษย์สามารถที่จะมีความรู้สึกสัมผัสได้จากความคิดและประสพการณ์ที่มีมาในชีวิตบนโลกนี้

การเข้าใจอัลกุรอานนั้น เป็นเรื่องสำคัญ ต้องแยกให้ออกว่า ส่วนใดเป็น บัญญัติให้มนุษย์ปฏิบัติ, ส่วนใดเป็นประวัติศาสตร์ซึ่งถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อการเปรียบเทียบ, ส่วนใดเป็นจิตวิทยาสุภาษิตเปรียบเทียบให้มนุษย์แต่ละระดับความคิดอ่าน เข้าใจได้

มีคำสอนที่ตักเตือนมุสลิม ให้ระวังนักวิชาการที่มีใจชั่ว ผู้ที่จะแก้ไขต่อเติม อัลกุรอานเพื่อก่อความยุ่งยาก การจลาจลในสังคมมนุษย์ อย่างที่เราเห็นอยู่ในสังคมมุสลิมในปัจจุบันนี้, ซึ่งได้ทำการสอนและการดัดแปลงความหมายของอัลกุรอานไปในทาง ส่งเสริมความโหดร้ายทารุณ, เป็นการ ต่อต้าน คุณธรรมทุกๆอย่างตามหลักการของศาสนาอิสลาม

ผมแน่ใจว่า EX-Muslims บางท่านไม่เคยเข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ตามที่ผมอธิบายมานี้ ในชีวิตของเขาเลย ผมศึกษา กลุ่มของ EX-Muslims เช่นนี้มาตลอดเวลาที่ผมอยู่ในอเมริกา, สมาชิกของกลุ่มซึ่งจะเรียกว่า atheist , secular humanism, หรือ agnostic อะไรก็ตาม  ไม่ว่าจะใช้คำอธิบายที่สวยหรูอย่างไร กลุ่มนี้ไม่อาจจะตอบได้ว่า เขาเอาคุณค่าคุณธรรม มาจากไหน เพราะความเชื่อของกลุ่มนี้  เชื่อตามสัญชาตญาณ ที่มนุษย์ เกิดมาตามธรรมชาติเท่านั้น  ซึ่งไม่ต่างจากสัตว์โลกต่างๆ

   การที่กลุ่มนี้กล่าวว่า เป็น  “ศาสนิกชนที่เคารพคุณค่าของมนุษย์นั้น” ไม่ได้บอกอะไรที่ต่างจากหลักการของทุกๆศาสนาในสังคมมนุษย์ ในปัจจุบันเลย,การเคารพคุณค่าของมนุษย์ เป็นหลักสำคัญในทุกๆศาสนา,ทุกๆศาสนา ไม่มีศาสนาใดในสังคมมุษย์ ที่ไม่สอนให้ สมาชิกผู้ศรัทธาในศาสนานั้นๆ “เคารพคุณค่าของมนุษย์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสอนของพุทธศาสนา, ศาสนายิว, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม

ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม atheist , secular humanism, หรือ agnosticนั้น มีตั้งแต่คนที่มีความรู้สูงสุด ทางด้านวิทยาการ, จน ต่ำลงมาถึง ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาการเลย, และส่วนมากของสมาชิกในกลุ่ม นี้ มีความรู้ อิสลามที่มีการเรียนการสอนทาง ฮาดีษเป็นหลัก และความรู้ทางอัลกุรอานจากการอธิบายด้วยฮาดีษ และส่วนมากไม่เคยปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำตามหลักการของศาสนาอิสลาม หรือ ไม่เคยเรียนและพยายามเข้าใจอิสลามตามหลักของศาสนาอิสลามที่ถูกต้องเลย จึงทำให้ EX-Muslims เกิดความเบื่อหน่ายในคำถามทางศาสนาที่หาคำตอบตามเหตุผลไม่ได้เลย และก็จนด้วยปัญญาหาทางออกไปจากศาสนาอิสลามด้วยเหตุผลที่ว่า มีแต่ความงมงาย

    การที่เขานับถือศาสนาอิสลามเพราะเกิดมาในครอบครัวของผู้ปกครองที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น และ เมื่อเขาได้พบกับความยากลำบากในการเข้าสังคมกับมุสลิมหรือผู้ต่างศรัทธา ก็เลย Identify ตนเองว่า เป็น  ศาสนิกชนที่เคารพคุณค่าของมนุษย์, ซึ่งไม่อาจจะตอบได้ว่า กลุ่มนี้ เคารพคุณค่าของมนุษย์อย่างไร? และมีกิจกรรม อย่างไร ที่ชี้แสดงว่า เคารพในคุณค่าของมนุษย์?  มีหลักการอะไร และมีผลงานอะไรที่แสดงออกถึงอุดมการณ์ของกลุ่ม?  นอกจาการ หาเหตุผล ด้วยการเขียน หรือ การพูด เพื่อ Compensate  หรือ ลบล้างความรู้สึกที่ แยกตัวเองออกมาจากอิสลาม

ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า

“ฉันเคยนับถือศาสนาอิสลาม แต่ตอนนี้ฉันคือ อศาสนิกชนที่เคารพคุณค่าของมนุษย์” จึงเป็นคำกล่าวที่ Offended ต่อ อิสลามและมุสลิมทุกๆคนในสังคมมนุษย์, แสดงให้เห็นและเข้าใจผิดว่า อิสลามไม่มีการสอนมุสลิมให้เคารพคุณค่าของมนุษย์มาเลย  ผมจึงสงสัยว่า กระทู้ ดังกล่าว “มีความจริงตามหลักการของศาสนาอิสลามหรือ เขียนความจริงตามการปฏิบัติตัวของผู้เขียน, ผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติศาสนกิจของอิสลามมาอย่างถูกต้องและไม่มีความรู้ทางศาสนาอิสลามเลย”  

   ซึ่งข้อเขียนตามหัวข้อกระทู้ คำสารภาพของอดีตมุสลิม I am an ex-Muslim  จึงไม่ใช่ความรู้สึกของมุสลิมที่  เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง และปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอเช่นมุสลิมผู้ศรัทธาต่ออิสลาม ทั้งหลาย ในสังคมมุสลิม

    นี่คือคำอธิบายจากความคิดเห็นส่วนตัวของผมโดยตรงที่สุด และอยากจะยืนยันต่อบรรดาผู้ที่มีศรัทธาต่อศาสนาหนึ่งศาสนาใด อย่าได้สิ้นหวังในศรัทธาของท่าน เพราะว่า หลักคุณธรรมทางศาสนานั้นช่วยในการบ่มจิตใจผู้ศรัทธาให้ เห็นผิดเห็นชอบ และเลือกทางเดินชีวิตและปฏิบัติตัวในสังคมมนุษย์ได้อย่างสันติร่วมกัน   และจะต้องตระหนักว่า,หลักศาสนาของทุกๆศาสนานั้นได้สอนถึง "การเคารพคุณค่าของมนุษย์" มานานแล้ว พุทธศาสนา สอนในเรื่องนี้ มานานเกือบ 3 พันปีแล้ว, สำหรับศาสนาอิสลาม "การเคารพคุณค่าในความเป็นมนุษย์" นี้ ถือว่าเป็นหลักสำคัญที่มุสลิมจะต้องเรียนรู้และเข้าใจ ไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ในกลุ่มของผู้ที่เรียกตัวเองว่า "อศาสนิกชน"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่