คือ เมื่อปลายเดือนมกราคม แฟนผมได้ไปฉีด โบท็อค(ประมาณ100ยูนิต) ที่คลีนิคเสริมความงามแห่งหนึ่งมาตอนทำหมอก็พูดอัธยาศัยดี คุยแบบเป็นมิตรมาก แล้วได้ขอถ่ายรูปหน้าตรง ด้านข้าง เก็บไว้ก่อนเป็นประวัติก่อนฉีด
ผ่านไปสองเดือนแฟนรู้สึกว่าที่ฉีดโบท็อกไปรู้สึกไม่เห็นผล หน้าไม่เรียวลง(บานเท่าเดิม - -")
เมื่อปลายเดือนมีนาคม จึงได้ไปสอบถามที่คลีนิคอีกครั้งโดยการไปที่คลีนิค ขอแชคประวัติว่าเคยฉีดโบท็อคตัวยาตัวใหนบ้าง (เพื่ออยากรู้ว่าใช้โบท็อกตัวใหนที่มันไม่ลง จะได้ใช้ตัวยาที่แรงขึ้น) พอถึงห้องตรวจ หมอได้ขอจับดูแก้มและจับกรามบอกให้กัดฟัน หมอก็เลยบอกว่า
หมอ : ทำไมเพิ่งมานี่มัน2เดือนแล้วนะ ไหนบอกมาซิว่าที่บอกว่าไม่ลงคือไม่ลงยังไง
แฟน : ไม่มีคนทักว่าหน้าลงและรู้สึกเองได้
หมอ : ที่จับดูก็ไม่มีกรามนะครับถ้ามีรูปยืนยันจะได้รู้ว่าลงหรือไม่ลง " ได้ถ่ายรูปก่อนทำเก็บไว้ไหม " จะได้เห็นชัดๆเมื่อเทียบกับตอนนี้ว่ามันลงไม่ลง
แฟน : ครั้งที่มาฉีดจำได้ว่ามีถ่ายรูปเก็บไว้อยู่นะคะ
หมอเลยบอกให้พนักงานไปค้นประวัติว่า มีรูปถ่ายก่อนหน้านั้นใหม้
พนักงานไปค้นรูปซักพักก็กลับมาแจ้งหมอว่า "ไม่มีรูปคนไข้" หมอจึงแจ้งว่า
หมอ : เกิน1เดือนแล้ว หมอไม่รับฉีดซ้ำให้นะครับเพราะที่นี่รับประกัน1เดือน แล้วมีเพื่อนเคยมาทำที่นี่ไหม แล้วลงหรือเปล่า...."
แฟน : ไม่มีเพื่อนแนะนำ เห็นอยู่ใกล้เลยลองใช้บริการดู
แฟน : ที่บอกว่าให้มาติดตามผล นี่ 2เดือนแล้วหน้าก็บานเหมือนเดิมสรุปว่า โบท็อกของคลินิกมีผลแค่1เดือนถึง2เดือนอย่างนั้นหรือ
(คือแฟนเข้าใจผิดว่า2เดือนแต่ที่จริงมีประกันแค่1เดือน อันนี้แฟนยอมรับว่าเข้าใจผิด)
หมอ : แบบนี้ต้องมีรูปถ่ายก่อนเพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบให้เห็นว่ามันลงนะ แต่ที่ยังมีอยู่คือแก้ม....ก็ไม่มีหลักฐานก่อนฉีด แล้วจะให้ว่ายังไง
อีกอย่างลูกค้าส่วนใหญ่ก็แบบนี่แหละ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโบท็อกแล้วก็มาเข้าใจผิด(ประมาณว่าหมอบอกว่าฉีดโบท็อกไม่ได้ลดแก้ม แต่ลดกราม
อันนี้จริง...เข้าใจ)
แต่วันนั้นจุดประสงค์ที่เแฟนไปปรึกษาเพราะต้องการอยากให้ฉีดใหม่ในตัวที่แรงกว่า จะไม่ฉีดตัวเดิม
พอได้ยินหมอถามหาหลักฐานเลยเสียความรู้สึกและไม่พูดต่อว่าอยากทำใหม่
แฟนยอมรับว่าไม่ได้มีความรู้มากมายเรื่องโบท็อก แต่รู้สึกไม่ค่อยดีที่หมอพูดมาแบบนี้"
ประเด็นคือ กราม แก้ม ยุบลงไม่ลงแฟนไม่ได้ติดใจ เพราะถ้าไม่ลงจะได้ไปซ้ำใหม่ เสียตังหรือเครมแล้วแต่กรณีไม่ได้ว่า
แต่แฟนแค่เสียความรู้สึกของหมอที่ตอบกลับคนไข้ หรือลูกค้า ในการถามหาหลักฐานบนใบหน้า (ก็คือสายตาเธอที่เฉยเมยไม่เกี่ยว -_-") หรือคุณหมอกลัวแฟนจะมาเครมยาฟรีเลยต้องให้หาหลักฐาน
อยากรู้ว่ารูปที่ถ่ายไป หมอไม่ได้เก็บหรือเก็บไว้ได้แค่เดือนเดียว
อยากรู้ว่า หมอพูดแบบนี้ได้ด้วยหรือว่า ต้องมีหลักฐานก่อนทำ หมอจะได้เอามาเทียบให้เห็นว่าลงไม่ลง คือเงิบกับคำพูดนี้มากกว่า
แฟนไปทำโบท็อกมา ต้องเงิบเมื่อหมอถามหาหลักฐานรูปหน้า
ผ่านไปสองเดือนแฟนรู้สึกว่าที่ฉีดโบท็อกไปรู้สึกไม่เห็นผล หน้าไม่เรียวลง(บานเท่าเดิม - -")
เมื่อปลายเดือนมีนาคม จึงได้ไปสอบถามที่คลีนิคอีกครั้งโดยการไปที่คลีนิค ขอแชคประวัติว่าเคยฉีดโบท็อคตัวยาตัวใหนบ้าง (เพื่ออยากรู้ว่าใช้โบท็อกตัวใหนที่มันไม่ลง จะได้ใช้ตัวยาที่แรงขึ้น) พอถึงห้องตรวจ หมอได้ขอจับดูแก้มและจับกรามบอกให้กัดฟัน หมอก็เลยบอกว่า
หมอ : ทำไมเพิ่งมานี่มัน2เดือนแล้วนะ ไหนบอกมาซิว่าที่บอกว่าไม่ลงคือไม่ลงยังไง
แฟน : ไม่มีคนทักว่าหน้าลงและรู้สึกเองได้
หมอ : ที่จับดูก็ไม่มีกรามนะครับถ้ามีรูปยืนยันจะได้รู้ว่าลงหรือไม่ลง " ได้ถ่ายรูปก่อนทำเก็บไว้ไหม " จะได้เห็นชัดๆเมื่อเทียบกับตอนนี้ว่ามันลงไม่ลง
แฟน : ครั้งที่มาฉีดจำได้ว่ามีถ่ายรูปเก็บไว้อยู่นะคะ
หมอเลยบอกให้พนักงานไปค้นประวัติว่า มีรูปถ่ายก่อนหน้านั้นใหม้
พนักงานไปค้นรูปซักพักก็กลับมาแจ้งหมอว่า "ไม่มีรูปคนไข้" หมอจึงแจ้งว่า
หมอ : เกิน1เดือนแล้ว หมอไม่รับฉีดซ้ำให้นะครับเพราะที่นี่รับประกัน1เดือน แล้วมีเพื่อนเคยมาทำที่นี่ไหม แล้วลงหรือเปล่า...."
แฟน : ไม่มีเพื่อนแนะนำ เห็นอยู่ใกล้เลยลองใช้บริการดู
แฟน : ที่บอกว่าให้มาติดตามผล นี่ 2เดือนแล้วหน้าก็บานเหมือนเดิมสรุปว่า โบท็อกของคลินิกมีผลแค่1เดือนถึง2เดือนอย่างนั้นหรือ
(คือแฟนเข้าใจผิดว่า2เดือนแต่ที่จริงมีประกันแค่1เดือน อันนี้แฟนยอมรับว่าเข้าใจผิด)
หมอ : แบบนี้ต้องมีรูปถ่ายก่อนเพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบให้เห็นว่ามันลงนะ แต่ที่ยังมีอยู่คือแก้ม....ก็ไม่มีหลักฐานก่อนฉีด แล้วจะให้ว่ายังไง
อีกอย่างลูกค้าส่วนใหญ่ก็แบบนี่แหละ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโบท็อกแล้วก็มาเข้าใจผิด(ประมาณว่าหมอบอกว่าฉีดโบท็อกไม่ได้ลดแก้ม แต่ลดกราม
อันนี้จริง...เข้าใจ)
แต่วันนั้นจุดประสงค์ที่เแฟนไปปรึกษาเพราะต้องการอยากให้ฉีดใหม่ในตัวที่แรงกว่า จะไม่ฉีดตัวเดิม
พอได้ยินหมอถามหาหลักฐานเลยเสียความรู้สึกและไม่พูดต่อว่าอยากทำใหม่
แฟนยอมรับว่าไม่ได้มีความรู้มากมายเรื่องโบท็อก แต่รู้สึกไม่ค่อยดีที่หมอพูดมาแบบนี้"
ประเด็นคือ กราม แก้ม ยุบลงไม่ลงแฟนไม่ได้ติดใจ เพราะถ้าไม่ลงจะได้ไปซ้ำใหม่ เสียตังหรือเครมแล้วแต่กรณีไม่ได้ว่า
แต่แฟนแค่เสียความรู้สึกของหมอที่ตอบกลับคนไข้ หรือลูกค้า ในการถามหาหลักฐานบนใบหน้า (ก็คือสายตาเธอที่เฉยเมยไม่เกี่ยว -_-") หรือคุณหมอกลัวแฟนจะมาเครมยาฟรีเลยต้องให้หาหลักฐาน
อยากรู้ว่ารูปที่ถ่ายไป หมอไม่ได้เก็บหรือเก็บไว้ได้แค่เดือนเดียว
อยากรู้ว่า หมอพูดแบบนี้ได้ด้วยหรือว่า ต้องมีหลักฐานก่อนทำ หมอจะได้เอามาเทียบให้เห็นว่าลงไม่ลง คือเงิบกับคำพูดนี้มากกว่า