ก่อนอื่นขอกล่าวก่อนว่าผมไม่ใช่คนเขียนเรื่องนี้ เป็นเพียงคนมาตั้งกระทู้แทน เนื่องจากเจ้าตัวไม่อยากเปิดเผยตัวตนในพันทิป จึงขอให้ผมช่วยตั้งกระทู้แทนครับ
จาก กระทู้
http://pantip.com/topic/33177441 และกระทู้
http://pantip.com/topic/33206009 ทำให้เราได้รู้จักกับโรงเรียนวรรณวิทย์เป็นครั้งแรก แค่อ่านก็เกิดความประทับใจแล้ว จิตใจที่งดงามของผู้ก่อตั้งและผู้สานต่อคือหม่อมผิวและหม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์ บรรยากาศของโรงเรียนทำให้เรานึกถึงนวนิยายเรื่องโปรดคือวังดอกหญ้าของว. วินิจฉัยกุล บ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้อยู่ท่ามกลางตึกสูง เราบอกได้เลยว่าอยากไปเห็นอยากไปสัมผัสกับโรงเรียนวรรณวิทย์สักครั้ง ด้วยความกลัวว่าถ้าหากในอนาคตทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปโรงเรียนแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
จนเมื่อเราได้มีโอกาสเดินทางมากรุงเทพฯ เราจึงตัดสินใจว่าเราจะไปละนะ จะไปเจอโรงเรียนวรรณวิทย์ให้เห็นกับตาตัวเอง เก็บความรู้สึกบรรยากาศของโรงเรียนไว้ด้วยตัวของเราเอง
เราเลือกใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และลงที่สถานีนานาตามคำแนะนำของพี่คนนึง พอลงจาก BTS เรายอมรับว่าไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไหร่ อะไรอยู่ตรงไหนไม่รู้จริงๆ เลยเลือกที่จะใช้บริการพี่วิน เราบอกว่าจะไปโรงเรียนวรรณวิทย์อยู่ซอยสุขุมวิท 8 ซึ่งเราไม่รู้ว่าซอยสุขุมวิท 8 อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง พอลงจาก BTS เราสังเกตว่าเรายืนอยู่ที่หน้าซอยสุขุมวิท 11 เราถามพี่วินว่ารู้จักโรงเรียนวรรณวิทย์ไหม พี่แกบอกรู้จัก เราถามราคา เขาบอกสี่สิบบาท ด้วยความไม่รู้นะก็คิดว่าไม่แพงเท่าไหร่ก็เลยตกลง และพอถึงเราถามพี่วินว่าพี่แค่นี่นะสี่สิบบาท เราแทบอยากจะบีบคอพี่วินแกเครียดกับอากาศร้อนกันเลยทีเดียว พี่แกบอกก็ราคาปกตินะน้องแล้วก็ไป เราแบบเฮ่อถ้าหาข้อมูลเพิ่มอีกนิดคงจะลง BTS แล้วเดินเอาค่ะ เพราะโรงเรียนอยู่แทบจะต้นซอยสุขุมวิท 8 ห่างจากปากซอยจากสายตาเราไม่น่าจะเกิน 200 เมตร
พอพี่วินไปแล้วด้วยความร้อนและอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนเพิ่มเติม เราก็เลยเลือกที่จะเดินไปซื้อโอเลี้ยงจากรถเข็นขายน้ำที่หน้าโรงเรียนและถามว่าเราจะเข้าไปในโรงเรียนได้ไหมเพราะเป็นวันหยุด พี่สาวบอกว่าเข้าได้เราก็เลยถือวิสาสะเข้าไป แต่ขอบอกเพิ่มเติมนะคะว่าถ้าจะให้ดีไปวันปกติดีกว่าคุณครูที่โรงเรียนฝากบอกมา เพราะจะได้เจอคุณครูและดูบรรยากาศการเรียนการสอนได้ด้วย
พอเดินเข้าไปภายในโรงเรียนเรานึกถึงบรรยากาศโรงเรียนประถมเลยค่ะ แต่ถ้าไปตอนนี้คงไม่มีสภาพแบบนี้แล้ว เราวางกระเป๋าที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ นั่งพักให้หายร้อนจากนั้นจึงเดินดูภายในบริเวณโรงเรียน โรงเรียนวรรณวิทย์มีอาคารเรียนหลักสองอาคารค่ะ คือเรือนไม้สีน้ำตาลและตึกปูนสีเขียว เราเดินถ่ายรูปและไล่นั่งเก้าอี้ไม้ที่เรือนสีน้ำตาล ชอบมากค่ะ พอเดินเข้าไปใต้ตึกเขียวเป็นสถานที่ตั้งของโรงอาหารและร้านขายของของโรงเรียน เราเหลือบไปเห็นคนแก่คนนึงอ่านหนังสืออยู่บ้านไม้ใกล้ตึกเขียว เราลองเดินเข้าไปใกล้ๆ ประมาณสองรอบก็ไม่เกิดการรู้สึกตัว จนสุดท้ายเราตัดสินใจทักไปและสวัสดีจึงได้รู้ว่ายายเป็นเป็นครูเวรค่ะ เราได้พูดคุยกันหลายเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนวรรณวิทย์
และเรื่องสำคัญที่สุดว่าโรงเรียนต้องการความช่วยเหลือจากคนนอกไหม คุณครูบอกว่ามีหลายหน่วยงานหลายคนที่ได้เห็นข่าวได้อ่านบทความเกี่ยวกับโรงเรียนวรรณวิทย์และอยากจะช่วยเหลือ แต่ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนปฏิเสธด้วยความไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ในการเข้ามาช่วยเหลือ แ ต่ไม่ใช่ว่าไม่รับเลยนะคะ โรงเรียนจะรับเฉพาะความช่วยเหลือจากคนที่รู้จักเท่านั้นและส่วนใหญ่จะเน้นเป็นสิ่งของหรือความช่วยเหลืออื่นๆที่ไม่ใช่เงิน ยกตัวอย่างตอนที่เราไปพี่สาวขายน้ำบอกเขากำลังปรับปรุงสนามเด็กเล็ก ซึ่งพอเราคุยก็ทราบว่าเป็นคณะศิษย์ของโรงเรียนที่เข้ามาช่วยปรับปรุงให้
ในวันนั้นค่ะจู่ๆก็มีเด็กคนนึงจะเดินขึ้นไปบนอาคารไม้คุณครูจึงเรียกมาคุย เป็นเด็กต่างด้าวค่ะมาทางโซนพม่ามากับแม่ แม่พูดไทยยังไม่ชัดเลยค่ะ เด็กเองอายุประมาณหกเจ็ดขวบพูดไทยไม่ได้เลย เราถามครูว่าโรงเรียนรับเด็กลักษณะแบบนี้ด้วยเหรอ คุณครูบอกว่าจำเป็นต้องรับเพราะเด็กไม่มีที่พึ่ง ฟังแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ
จะบอกว่าคุ้มค่าจริงๆที่เราตัดสินใจ มาที่โรงเรียนวรรณวิทย์ในวันนั้น
TAG
การศึกษา - เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียน
โรงเรียน - ก็โรงเรียนจริงๆละนะ
แผนที่เดินทาง - การเดินทางไปโรงเรียนแห่งนี้
ภาพถ่าย - ภาพที่เจ้าตัวถ่ายมา
จิตอาสา - การช่วยเหลือโรงเรียนแห่งนี้
โรงเรียนวรรณวิทย์
จาก กระทู้ http://pantip.com/topic/33177441 และกระทู้ http://pantip.com/topic/33206009 ทำให้เราได้รู้จักกับโรงเรียนวรรณวิทย์เป็นครั้งแรก แค่อ่านก็เกิดความประทับใจแล้ว จิตใจที่งดงามของผู้ก่อตั้งและผู้สานต่อคือหม่อมผิวและหม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์ บรรยากาศของโรงเรียนทำให้เรานึกถึงนวนิยายเรื่องโปรดคือวังดอกหญ้าของว. วินิจฉัยกุล บ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้อยู่ท่ามกลางตึกสูง เราบอกได้เลยว่าอยากไปเห็นอยากไปสัมผัสกับโรงเรียนวรรณวิทย์สักครั้ง ด้วยความกลัวว่าถ้าหากในอนาคตทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปโรงเรียนแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
จนเมื่อเราได้มีโอกาสเดินทางมากรุงเทพฯ เราจึงตัดสินใจว่าเราจะไปละนะ จะไปเจอโรงเรียนวรรณวิทย์ให้เห็นกับตาตัวเอง เก็บความรู้สึกบรรยากาศของโรงเรียนไว้ด้วยตัวของเราเอง
เราเลือกใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และลงที่สถานีนานาตามคำแนะนำของพี่คนนึง พอลงจาก BTS เรายอมรับว่าไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไหร่ อะไรอยู่ตรงไหนไม่รู้จริงๆ เลยเลือกที่จะใช้บริการพี่วิน เราบอกว่าจะไปโรงเรียนวรรณวิทย์อยู่ซอยสุขุมวิท 8 ซึ่งเราไม่รู้ว่าซอยสุขุมวิท 8 อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง พอลงจาก BTS เราสังเกตว่าเรายืนอยู่ที่หน้าซอยสุขุมวิท 11 เราถามพี่วินว่ารู้จักโรงเรียนวรรณวิทย์ไหม พี่แกบอกรู้จัก เราถามราคา เขาบอกสี่สิบบาท ด้วยความไม่รู้นะก็คิดว่าไม่แพงเท่าไหร่ก็เลยตกลง และพอถึงเราถามพี่วินว่าพี่แค่นี่นะสี่สิบบาท เราแทบอยากจะบีบคอพี่วินแกเครียดกับอากาศร้อนกันเลยทีเดียว พี่แกบอกก็ราคาปกตินะน้องแล้วก็ไป เราแบบเฮ่อถ้าหาข้อมูลเพิ่มอีกนิดคงจะลง BTS แล้วเดินเอาค่ะ เพราะโรงเรียนอยู่แทบจะต้นซอยสุขุมวิท 8 ห่างจากปากซอยจากสายตาเราไม่น่าจะเกิน 200 เมตร
พอพี่วินไปแล้วด้วยความร้อนและอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนเพิ่มเติม เราก็เลยเลือกที่จะเดินไปซื้อโอเลี้ยงจากรถเข็นขายน้ำที่หน้าโรงเรียนและถามว่าเราจะเข้าไปในโรงเรียนได้ไหมเพราะเป็นวันหยุด พี่สาวบอกว่าเข้าได้เราก็เลยถือวิสาสะเข้าไป แต่ขอบอกเพิ่มเติมนะคะว่าถ้าจะให้ดีไปวันปกติดีกว่าคุณครูที่โรงเรียนฝากบอกมา เพราะจะได้เจอคุณครูและดูบรรยากาศการเรียนการสอนได้ด้วย
พอเดินเข้าไปภายในโรงเรียนเรานึกถึงบรรยากาศโรงเรียนประถมเลยค่ะ แต่ถ้าไปตอนนี้คงไม่มีสภาพแบบนี้แล้ว เราวางกระเป๋าที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ นั่งพักให้หายร้อนจากนั้นจึงเดินดูภายในบริเวณโรงเรียน โรงเรียนวรรณวิทย์มีอาคารเรียนหลักสองอาคารค่ะ คือเรือนไม้สีน้ำตาลและตึกปูนสีเขียว เราเดินถ่ายรูปและไล่นั่งเก้าอี้ไม้ที่เรือนสีน้ำตาล ชอบมากค่ะ พอเดินเข้าไปใต้ตึกเขียวเป็นสถานที่ตั้งของโรงอาหารและร้านขายของของโรงเรียน เราเหลือบไปเห็นคนแก่คนนึงอ่านหนังสืออยู่บ้านไม้ใกล้ตึกเขียว เราลองเดินเข้าไปใกล้ๆ ประมาณสองรอบก็ไม่เกิดการรู้สึกตัว จนสุดท้ายเราตัดสินใจทักไปและสวัสดีจึงได้รู้ว่ายายเป็นเป็นครูเวรค่ะ เราได้พูดคุยกันหลายเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนวรรณวิทย์
และเรื่องสำคัญที่สุดว่าโรงเรียนต้องการความช่วยเหลือจากคนนอกไหม คุณครูบอกว่ามีหลายหน่วยงานหลายคนที่ได้เห็นข่าวได้อ่านบทความเกี่ยวกับโรงเรียนวรรณวิทย์และอยากจะช่วยเหลือ แต่ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนปฏิเสธด้วยความไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ในการเข้ามาช่วยเหลือ แ ต่ไม่ใช่ว่าไม่รับเลยนะคะ โรงเรียนจะรับเฉพาะความช่วยเหลือจากคนที่รู้จักเท่านั้นและส่วนใหญ่จะเน้นเป็นสิ่งของหรือความช่วยเหลืออื่นๆที่ไม่ใช่เงิน ยกตัวอย่างตอนที่เราไปพี่สาวขายน้ำบอกเขากำลังปรับปรุงสนามเด็กเล็ก ซึ่งพอเราคุยก็ทราบว่าเป็นคณะศิษย์ของโรงเรียนที่เข้ามาช่วยปรับปรุงให้
ในวันนั้นค่ะจู่ๆก็มีเด็กคนนึงจะเดินขึ้นไปบนอาคารไม้คุณครูจึงเรียกมาคุย เป็นเด็กต่างด้าวค่ะมาทางโซนพม่ามากับแม่ แม่พูดไทยยังไม่ชัดเลยค่ะ เด็กเองอายุประมาณหกเจ็ดขวบพูดไทยไม่ได้เลย เราถามครูว่าโรงเรียนรับเด็กลักษณะแบบนี้ด้วยเหรอ คุณครูบอกว่าจำเป็นต้องรับเพราะเด็กไม่มีที่พึ่ง ฟังแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ
จะบอกว่าคุ้มค่าจริงๆที่เราตัดสินใจ มาที่โรงเรียนวรรณวิทย์ในวันนั้น
TAG
การศึกษา - เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียน
โรงเรียน - ก็โรงเรียนจริงๆละนะ
แผนที่เดินทาง - การเดินทางไปโรงเรียนแห่งนี้
ภาพถ่าย - ภาพที่เจ้าตัวถ่ายมา
จิตอาสา - การช่วยเหลือโรงเรียนแห่งนี้