สงสัยเกี่ยวกับการให้ทาน

กระทู้คำถาม
เข้าใจว่าการให้ทานเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง อาจเรียกว่าบริจาคบ้างไม่ว่าจะเป็นตัวเงิน สิ่งของ หรืออาหาร
แต่ว่าการให้นี้ถ้าให้กับคนสนิทใกล้ชิดเช่น ญาติพี่น้อง เพื่อน พ่อ แม่ ครู เวลาเราให้ไม่เรียกว่าเป็นการบริจาค แบบนี้เป็นการให้ทานด้วยหรือเปล่าคะ

เช่น แม่ซื้อข้าวให้ลูกกิน หรือลูกซื้อขนมอร่อยๆมาฝากพ่อแม่ กินขนมอยู่ยื่นให้เพื่อนแบ่งกันกินด้วยกัน

พ่อแม่ให้เงินลูกใช้ ลูกที่ทำงานแล้วส่งเงินให้พ่อแม่ใช้

เป็นต้น มันเป็นการให้ทานอย่างหนึ่งหรือเปล่าคะ แล้วได้บุญเทียบเท่ากับการนำเงินไปบริจาคตามจุดรับบริจาคหรือตามสถานสงเคราะห์ต่างๆหรือเปล่า

เพราะเดี๋ยวนี้จะเห็นว่ามีคนนำเงินไปบริจาคให้เด็กยากไร้บ้าง ให้เป็นค่ารักษาพยาบาลหมาแมวบ้าง แต่บางคนกลับละเลยคนที่อยู่ใกล้ตัว เอาเงินไปบริจาคให้กับคนอื่นที่เห็นว่าน่าสงสารแต่กลับไม่คิดเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ดี ญาติพี่น้องเดือดร้อนไม่คิดช่วยเหลือหรือทำอย่างเสียไม่ได้

ถ้าได้บุญพอๆกันจริงๆก็อยากให้คนหันมาใส่ใจกับคนรอบข้างให้มากกว่านี้ค่ะ

ปล.เคยได้ยินมาว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้าแบบนั้นการให้พ่อให้แม่น่าจะได้บุญสูงสุดหรือเปล่าคะถ้าไม่นับสังฆทาน ถ้าใช่บุญไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย อยู่ในบ้านเรานี่แหละค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ทาน - การให้ การสงเคราะห์ผู้อื่น (ที่เดือดร้อน) จะให้ใครให้อย่างไรก็เป็นกุศล

แต่ถ้าจะคิดกันขนาดว่าให้ใคร ให้อย่างไร เอาให้ละเอียดเอาให้ทราบเป็นที่สุด อ่านสองเว็บนี้
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm  อานิสงค์ของการสร้างบุญบารมี (ทาน, ศีล, ภาวนา) โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

ที่ว่าให้คุณพ่อคุณแม่ จขกท ก็สงเคราะห์ลงไปในความรู้ที่ได้จากข้างต้นครับ เอาให้ละเอียดที่สุดมีปัจจัยเยอะครับ ไม่ใช่มาเป็นเรื่องเป็นก้อน ๆ เป็นบุคคลว่าคนนั้น คนนี้ อย่างนั้นอย่างนี้

เรื่องการทำทาน ต่อให้ทราบว่าอะไรจะมีผลมาก มีกุศลมาก ก็ไม่ใช่ว่าแต่ละท่านที่ทราบจะทำตามนั้น แล้วแต่การสะสมกันมา เช่นชอบไปในทางไหน ชอบทำอะไร (ย้ำอีกที ไม่นับรวมปัจจัยอีกมากที่ว่าจะให้อานิสงฆ์มโหฬาร ฯลฯ)

กับพ่อแม่ หรือญาติใกล้ชิด ถ้าเข้าใจได้มากไปอีก ท่านเหล่านั้นเป็น (ขอเรียกวัตถุ) แห่งการเจริญกุศลได้มากกว่าทานเยอะ เป็นวัตถุแห่งการเจริญศีล (ตัวอย่างเช่น สติของ จขกท ที่จะไม่ล่วงเกินท่านด้วย กาย วาจา หรือไปได้ถึงขนาด ใจ) เป็นที่ตั้งแห่งการเจริญขันติ เป็นที่ตั้งแห่งการเจริญเมตตา (ธรรมที่ตรงข้ามกับโทสะ ตัวอย่างก็คือโมโหท่านก็ระงับ ด้วยเมตตา) หรือเมื่อเห็นท่านเจ็บ ร่วงโรย อาจเจริญสติได้ถึงความไม่เที่ยงแห่งสังขาร (เกิด แก่ ตาย) ฯลฯ

จบตรง ป.ล. กุศลนะอยู่ไม่ไกลตามที่ว่านั่นแหละครับ อยู่ที่เจริญกุศลนั้น ๆ เป็นหรือไม่เป็น รู้หรือไม่รู้ว่าจะเจริญยังไง อะไร เมื่อไร ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่