Copy มาจากเฟสบุ๊ค: บรรจง ชีวมงคลกานต์
เมื่อคืนวันที่ 1 เม.ย.58 ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปช่วยงานพิธีกรที่งานกาชาดภายในบูทของสมาคมแม่บ้านทหารบก ในนามตัวแทนรายการ"หมายจับกับบรรจง"ที่ออกอากาศทางททบ.5 ซึ่งทางผู้จัดงานก็ได้จัดเตรียมอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่จอดรถไว้ภายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 โดยมีสติ๊กเกอร์แจกให้กับผู้ที่เป็นสต๊าฟหรือแขกพิเศษ
เผอิญว่าคืนวันดังกล่าวผมขับรถไปถึงบริเวณงานแล้วแต่ไม่สามารถเข้าไปจอดในกองทัพภาค 1 ได้เพราะมีการนำรั้วมาปิดถนนทางเข้า ประกอบกับไม่มีสติ๊กเกอร์ และคลาดกับทีมงานที่รอนำสติ๊กเกอร์ให้ผมอยู่หน้าทางเข้า ผมวนรอบงานอยู่ 2 รอบท่ามกลางรถติด และด้วยความที่ใกล้จะถึงเวลาคิวขึ้นเวทีจึงตัดสินใจไปจอดที่ถนนลูกหลวง"ริมคลองผดุงกรุงเกษม" ใกล้กับกระทรวงศึกษาธิการ
สิ่งที่ผมพบและจะเล่าวันนี้คือ "แก๊งโบกรถ"ที่คอยให้บริการสำหรับรถที่จะจอดโดยเรียกเก็บเงินค่าจอดในราคาคันละ"100 บาท"..!!
หลายต่อหลายครั้งที่ผมไปยังสถานที่ต่างๆที่จำกัดที่จอดรถ ต้องไปจอดริมถนน ผมก็เคยจ่ายให้กับ"เจ้าถิ่น"เป็นน้ำใจ และรับประกันว่ารถผมจะไปเป็นอะไร(สีถลอก,กระจกแตก,ล้อแบน) อย่างมากก็ 40-50 บาท
แต่สำหรับงานกาชาด งานบุญ งานกุศล ช่วยสังคม กลับมีบางกลุ่มหาประโยชน์ในราคามหาโหด ซึ่งแน่นอนว่าเงินเหล่านี้คงไม่ได้ไปบริจาคต่อให้สภากาชาดแน่นอน ผมไม่ได้เสียดายเงินจำนวนนี้ แต่เสียดายว่าทำไมหน่วยงานราชการไม่มาจัดเก็บซะเองเลย แล้วเอาเงินเข้ารัฐหรือเข้าช่วยกาชาดไป
ด้วยความจำเป็นและเร่งรีบ ผมควักแบงค์ร้อยจ่ายให้โดยไม่อิดเอื้อน ยิ้มพร้อมกล่าวคำขอบคุณที่ช่วยโบกรถให้ผมมีช่องจอด การโบกรถเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ระหว่างเดินออกมาจากถนนเส้นนั้น ผมหันกลับไปมองจำนวนรถที่จอดเรียงรายอยู่บนถนนริมคลองผดุงกรุงเกษมทั้ง 2 ฝั่งคลอง และคำนวนในใจเล่นๆว่างานกาชาด 9 วัน 9 คืน กับจำนวนรถมากมายขนาดนี้
ใครหนอ...กระเป๋าตุง!!
เครดิตเฟสบุ๊ค: บรรจง ชีวมงคลกานต์
เรื่องเล่าเกี่ยวกับกลุ่มคนที่หากินกับงานกาชาด"แก๊งโบกรถ"
เมื่อคืนวันที่ 1 เม.ย.58 ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปช่วยงานพิธีกรที่งานกาชาดภายในบูทของสมาคมแม่บ้านทหารบก ในนามตัวแทนรายการ"หมายจับกับบรรจง"ที่ออกอากาศทางททบ.5 ซึ่งทางผู้จัดงานก็ได้จัดเตรียมอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่จอดรถไว้ภายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 โดยมีสติ๊กเกอร์แจกให้กับผู้ที่เป็นสต๊าฟหรือแขกพิเศษ
เผอิญว่าคืนวันดังกล่าวผมขับรถไปถึงบริเวณงานแล้วแต่ไม่สามารถเข้าไปจอดในกองทัพภาค 1 ได้เพราะมีการนำรั้วมาปิดถนนทางเข้า ประกอบกับไม่มีสติ๊กเกอร์ และคลาดกับทีมงานที่รอนำสติ๊กเกอร์ให้ผมอยู่หน้าทางเข้า ผมวนรอบงานอยู่ 2 รอบท่ามกลางรถติด และด้วยความที่ใกล้จะถึงเวลาคิวขึ้นเวทีจึงตัดสินใจไปจอดที่ถนนลูกหลวง"ริมคลองผดุงกรุงเกษม" ใกล้กับกระทรวงศึกษาธิการ
สิ่งที่ผมพบและจะเล่าวันนี้คือ "แก๊งโบกรถ"ที่คอยให้บริการสำหรับรถที่จะจอดโดยเรียกเก็บเงินค่าจอดในราคาคันละ"100 บาท"..!!
หลายต่อหลายครั้งที่ผมไปยังสถานที่ต่างๆที่จำกัดที่จอดรถ ต้องไปจอดริมถนน ผมก็เคยจ่ายให้กับ"เจ้าถิ่น"เป็นน้ำใจ และรับประกันว่ารถผมจะไปเป็นอะไร(สีถลอก,กระจกแตก,ล้อแบน) อย่างมากก็ 40-50 บาท
แต่สำหรับงานกาชาด งานบุญ งานกุศล ช่วยสังคม กลับมีบางกลุ่มหาประโยชน์ในราคามหาโหด ซึ่งแน่นอนว่าเงินเหล่านี้คงไม่ได้ไปบริจาคต่อให้สภากาชาดแน่นอน ผมไม่ได้เสียดายเงินจำนวนนี้ แต่เสียดายว่าทำไมหน่วยงานราชการไม่มาจัดเก็บซะเองเลย แล้วเอาเงินเข้ารัฐหรือเข้าช่วยกาชาดไป
ด้วยความจำเป็นและเร่งรีบ ผมควักแบงค์ร้อยจ่ายให้โดยไม่อิดเอื้อน ยิ้มพร้อมกล่าวคำขอบคุณที่ช่วยโบกรถให้ผมมีช่องจอด การโบกรถเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ระหว่างเดินออกมาจากถนนเส้นนั้น ผมหันกลับไปมองจำนวนรถที่จอดเรียงรายอยู่บนถนนริมคลองผดุงกรุงเกษมทั้ง 2 ฝั่งคลอง และคำนวนในใจเล่นๆว่างานกาชาด 9 วัน 9 คืน กับจำนวนรถมากมายขนาดนี้
ใครหนอ...กระเป๋าตุง!!
เครดิตเฟสบุ๊ค: บรรจง ชีวมงคลกานต์