แชร์ประสบการณ์ อาชีพตำรวจ ลองผิดลองถูกกับธุรกิจ Ecommerce 1 ปีเต็ม เพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้ว...

สวัสดีครับ กระทู้นี้เขียนขึ้น เริ่มมาจากเห็นรุ่นน้องโพสต์ story เกี่ยวกับชีวิตตัวเองกับการทำสติ๊กเกอร์ไลน์ http://pantip.com/topic/33452121 อันนี้นี่แหละ ทำให้ผมอยากจะแชร์บ้างว่า ...ผมก็ทำธุรกิจนะ... ไม่ได้เบียดเบียนชาวบ้านนะ สิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ผม กล้าที่จะมาแชร์ประสบการณ์ทำธุรกิจ Ecommerce ถึงแม้ ไปอ่านกระทู้ของน้องเขามา เห็นน้องเขาโดนถล่มในกระทู้นั้นก็ตาม จนเกือบถอดใจ แต่.....ผมว่ายังดีกว่า >>ไปทำชั่ว! ร้าย!<<

ยาวไปละ เริ่มละนะ....



1.จุดที่มา
ไม่ต้องดราม่ามาก เดี๋ยวเจ็บตัว... ตัวผมนั้น จบมาจาก โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รับราชการอยู่ภาคอีสาน ทำงานมา 5-6 ปีแล้ว เป็นคนที่เรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไร แต่ถึก ขยัน ใช้แรงทำงาน สมงสมองก็ไม่ค่อยฉลาด ...และแล้ว มีอยู่วันนึง ประมาณต้นเดือน มี.ค.57 หลังจากเสร็จจากการเรียนปริญญาโท ศุกร์-เสาร์ ก็ได้ไปเดินเที่ยวห้าง เซ็นทรัลสกลนครก่อนกลับบ้านพัก ก็ได้เดินเข้าไปร้านหนังสือ "จุดเปลียนของชีวิต" ..กำลังจะเดินออก เพราะจริงๆแล้วเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ดั้นไปเจอหนังสือเล่มนึง .....มีชื่อตรงกับชื่อเล่นตนเอง "แพะ" จึงได้หยิบขึ้นมาอ่าน เปิดไปหน้ากลางๆ เอ๊ะ อัลลัยวะ! นำเข้าสินค้าจาก alibaba ,taobao มาขายได้กำไรหลักแสนบาทต่อเดือน ...เคยได้ยินแต่ รวยด้วยหุ้น รวยด้วยอสังหาริมทรัพย์ amazon , ebay หรืออื่นๆ บลาๆ โกหกป่าวเนี่ย (ขออนุญาติไม่ลงหน้าหนังสือ) จึงได้ซื้อกลับติดมือมาเล่มนึง จริงๆแล้วมันก็บางๆ ด้วยแหละ



2.จุดเปิดโลกทัศน์
พออีกประมาณ ชั่วโมงครึ่งถึงที่พัก จึงได้หยิบขึ้นมาอ่าน โอ้โห...โน๊ตบุ๊กอยู่ไหน รีบเอามาเปิดและทำตามทีละขั้นตอนเลย อะไรเนี่ย สินค้าจากโรงงานที่ต่างประเทศมันถูกขนาดนี้เชียวเรอะ...นี่เราโดนหลอกมาตลอดรึว่า ประตู้น้ำคือผู้ผลิตเสื้อผ้า คลองถมคือผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โรงเกลือผลิตรองเท้ามือสองฯลฯ (ปล.แค่คำอุทานในใจนะ อย่าคิดมาก เพิ่มอรรถรสในการเขียน) เข้าเว็ปไปเข้าเว็ปมา ก็ยังงงๆ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ภาพสินค้า ก็ไม่สวย แต่ราคานี่สิอยั่วยวนจริง ถ้าเอามาขายต้องรวยแน่เล้ย ....เอ่อ...(คิดไปเอง มโนไปเรื่อย) แต่เท่าที่รู้อ่านจบและรู้อย่างนึงว่ามันเปิดโลกทัศน์ มันตื่นเต้น มันเร้าใจ"คนเดียว"

3.จุดเริ่มต้นของ "สินนนท์"
ผมดีอยู่อย่างนึง ถ้าอยากทำอะไรแล้วจะทำทันที และหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้นเป็นเวลายาวนานมากๆ จึงได้เริ่ม!!! ทำตามหนังสือ หลังจากอ่านจบแล้ว ในวันรุ่งขึ้นทันที และนี่คือ keyword แรกที่ค้นหาสินค้า (ถ้าใครไม่รู้จัก alibaba ก้อลองไปsearch google ดูนะครับ)



เพราะอะไรน่ะหรือ ตอนนั้นลูกกำลังคลอดได้ประมาณ 2-3 เดือน และในหนังสือก็บอกว่า ต้องหาสินค้าที่อยู่รอบตัวเรา ถนัดอะไร ชอบอะไร ก็เอาสิ่งนั้นมาขาย (ในหนังสือบอกเยอะกว่านี้นะ... อย่างที่บอก เป็นคนเรียนไม่เก่ง จับใจความได้น้อย อิอิ) แต่พอดูไปดูมาสินค้าใน alibaba ถูกก็จริง แต่ภาพมันไม่สวยเลย ปรึกษาภรรยาหลายวัน งง! มึน! ทำตามหนังสือไม่ถูก ไม่เข้าใจ หาสินค้ามั่วไปหมด รู้อย่างเดียว ราคาถูกกว่าไทยแน่นอน แต่!!! ภาพมันไม่สวยเลย (สำคัญมาก) เพราะมันมีผลต่อจิตใต้สำนึกผม ผมใช้เวลา 1 สัปดาห์กับ alibaba แต่ไม่ได้อะไรเลย.... ทำให้ผมมุ่งหาสินค้าจากเว็ป amazon (ในหนังสือเขาก็เขียน) และทำให้ผมเจอสิ่งนี้.....สิ่งที่เขาเรียกว่า >>สินค้าชิ้นแรก<<



โอ้โห!! ภาพสวยกว่าตั้งเยอะ จัดลำดับสินค้าเป็นหมวดหมู่ ที่สำคัญ มีสินค้าในหมวด best seller ด้วย เอาล่ะว่ะ....และแล้วก็อยู่กับ amazon ไปอีก 1 สัปดาห์ แต่ครั้งนี้ ผมได้สิ่งที่เรียกว่า"สินค้า" คัดเองมาแล้ว จำนวน 7 ชิ้น (คัดมาเองนะ) ต้องขายได้แน่ๆเลย search google มีขายเยอะแยะ คนก็ซื้อเยอะแยะ และแล้วก็ถึงวิธีการนำเข้าสินค้าล่ะครับ search google "รับหิ้วสินค้าจาก amazon" คุยกับชิปปิ้ง 2 วัน ตกลงเป็นเงิน 70,000 กว่าบาท ใช้เวลาขนสินค้าอีกประมาณ 4 สัปดาห์จะมาถึงไทย

4.จุดเอาจริงละนะ
ระหว่างเริ่มรู้จักหนังสือ เล่มที่มีชื่อเดียวกับผม จนถึงวันนี้ก็ ประมาณ 3 สัปดาห์ไปแล้วนะ และในห้วงที่รอสินค้าอีก 1 เดือน หนังสือบอกว่า ขายง่ายๆ ในเฟสบุ๊กก็ขายได้ จึงเริ่มสร้างเพจขึ้นมาเพจนึงเกี่ยวกับขายของนี้แหละ



และนี่ก็คือ โพสต์ขายของชิ้นแรกในเฟสบุ๊ก (ปล.ของยังไม่มานะ)
โอ้ย ทำไมไม่มีคนไลค์เลย ไม่มีเห็นมีคนโทรมาเลย เพื่อนก็ขายอันเดียวกัน ทำไมเขาขายดี๊ขายดี งงสิครับ ...จึงได้ตัดสินใจ ไปเรียนคอร์ส "รวยด้วย alibaba" กับเจ้าของหนังสือนี่แหละ แต่มันเรียนเสาร์อาทิตย์ จึงต้องโดดเรียน ป.โท ให้เพื่อนเซ็นต์ชื่อให้ มุ่งหน้าสู่ กทม.เพื่อหวังว่าจะรู้มากขึ้น

เรียนผ่านไป 2 วัน น่าจะรู้มากขึ้น น่าจะเก่งมากขึ้น น่าจะหาสินค้าได้เก่งมากขึ้น รู้ขั้นตอนวิธีการทั้งหมดมากขึ้น และที่สำคัญอีกแล้ว...
ก่อนหน้านี้ เราทำผิดขั้นตอนและกระบวนการมาตลอด...... จึงเริ่มใหม่ ทำเป็นระบบ โดยต่อยอดจากสินค้าเดิมนี่แหละ สร้างเว็ปไซต์ ทำให้น่าเชื่อถือเข้าไว้ สร้างยอดไลค์เยอะๆ เพื่อความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้นก็รอสินค้าเข้ามาถึง แต่ในระหว่างนั้นก็ทำการ search หาสินค้าจาก alibaba และจากแหล่งอื่นอยู่ตลอดเพื่อหวังว่าจะเจอ "สินค้าทำเงิน"

5.จุดขาย(ของ)
สินค้ามาแล้ว...ค่าขนส่ง หมื่นกว่าบาท เอาวะ! คำนวนแล้วยังไงก็กำไร ขายหมด กำไร หมื่นหว่าบาทแน่นอน
จึงเริ่มต้นด้วย "แจก....ก่อนสิครับ" การตลาดแบบบ้านๆ ที่คนเค้าทำกัน..เราก็ทำตาม



หลังจากนั้นก็ ทำโฆษณา Ads facebook ตามที่ อาจารย์สอน จดมามั่วๆ กับชีตอาจารย์อีก 1 เล่ม ......ผมทำแบบนี้



คนที่ทำเป็นแล้วอาจจะบอกผมกระจอก ใช่! ผมกระจอกจริง ในตอนนั้น ก็มันไม่เข้าใจ มันเร็วเกินไป มันเริ่มผิดตั้งแต่การนำสินค้าเข้ามาโดยไม่ต้องศึกษาตลาดความต้องการก่อน ....บทสุดท้าย ค่าโฆษณา หมดไป หมื่นกว่าบาท ขายของได้ สามหมื่นกว่าบาท รวมขาดทุน "60,000 กว่าบาท...." ยอมรับว่ากระจอกจริง แต่ก่อนเอามาขายคิดว่ารวยแน่นอน และมักจะมีคนพูดเสมอว่า กว่าผมจะทำธุรกิจและรวยประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ได้ ผมเจ็บมาเยอะมาก (concept คนมีตังค์ เขาก็พูดกันทั้งน้าน) จึงปลอบใจคนเองว่า เออ..."มันเป็นประสบการณ์"

6.จุดเปลี่ยน(สินค้า)
ขณะนี้เดือน เมษายน 2557 มาคราวนี้ผมรู้มากขึ้นแล้ว ..พวกคุณรู้สึกไหมว่าผมใช้เวลาไม่นาน จนผมเริ่มขายของจนได้ (บอกแล้วไง ผมถึก..ทำทุกวัน)

วันนี้ผมเริ่มรู้มากขึ้น เดินอย่างมีสเตป และแล้วผมก็ไปเจอสินค้าตัวนึงในเว็ป alibaba เจ้าเก่า (ตอนนี้มุ่งกลับมาทางนี้แล้ว เพราะมันคือของจริง) สินค้าตัวนี้คือ nich product ในช่วงเมษาหน้าร้อน ฮั่นแน่...รู้มากละ ใช้ google keyword planner วิเคราะห์สินค้าของผม จดโดเมน สร้างเว็ปทิ้งไว้ และเริ่มต้น search หาโรงงาน ติดต่อเมลล์คุยกับโรงงาน เลือกโรงงาน เลือกสินค้า  ติดต่อชิปปิ้ง จ่ายเงิน เอามาเทสว่าดีหรือไม่ดี บลาๆ (จริงๆมีมากกว่านี้นะ ไม่ได้ลงในลายละเอียด) และก็จบ.....(รอ....) เกิดเป็นเว็ปนี้ขึ้นมา ปล.ได้ products มาทั้งหมด 4 ชิ้น ตกประมาณ 30,000 กว่าบาท (ทั้งแตกทั้งพังหลายสิ่งหลายอย่าง 555)



7.จุดทุ่มสุดตัว
วันที่ 16 เม.ย.57 เจอสินค้าตัวนึง " จักรยาน "กำลังดังมากในเมืองนอก และในเมืองไทยเริ่มมีกันบ้างแล้ว 2-3 คัน มันแปลกดี จากการวิเคราะห์เท่าที่ศึกษามาและเรียนมาทั้งหมดทั้งมวล พูดได้คำเดียวว่า "รวย" จึงเริ่มทำทุกสิ่งทุกอย่างและก็ทุ่มสุดตัว(เหมือนเดิม) ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้ "ต้นแบบ" สินค้าจากโรงงานจีน มาถึงหน้าบ้านตัวนึง



และอีกไม่นาน เว็ปไซต์ผมขึ้นหน้าแรกของ google (เพราะผมทำเจ้าแรก) ผู้คนโทรมาวันนึงไม่ต่ำกว่า 2-3 คน แต่ก็ยังไม่มีคนซื้อ (ถึงซื้อก็ไม่มีของ ...มีคันเดียว) แต่รู้อย่างเดียวว่าถ้ามีของ..รวยแน่ๆๆๆๆๆ จึงเริ่มติดต่อกับโรงงานเดิมอีกครั้ง ปรับปรุงคุณภาพสินค้า ปรับแต่งตามโมเดล ที่เราวางไว้ และตกลงจะสั่งผลิตในแบรนต์ "สินนนท์"
จักรยานโดยคนไทยเพื่อคนไทย 555 ลอกเขามา โรงงานตกลงผลิตให้ตามที่เราต้องการ แต่.....

การซื้อสินค้าจากโรงงานผู้ผลิต มันมี MOQ ขั้นต่ำ แล้วขั้นต่ำของจักรยานของผมคือ................... 120 คัน................... (ช็อคสิครับ) คำนวนคร่าว ต้นทุนไปกลับ ตกอยู่ประมาณ 800,000 บาท โอ้โห แล้วผมจะเอามาจากไหน หาผู้ร่วมทุนก็ไม่มี เพราะทุกคนก็ยังไม่มั่นใจมั่นสินค้า ทุกคนยังไม่รู้จัก alibaba (ปีที่แล้วแจ็กหม่ายังไม่ดังเท่าปีนี้) เราก็อุตส่าห์ พยายามทุกวิถีทาง โดยรู้อย่างเดียวว่า ขายหมด "รวย" และเวลามันก็ล่วงเลยกับการทำตลาด เจ้านี่ มาถึงจนถึงเดือน สิงหาคม 2557 ...... ก็ยังไม่ได้ขาย แต่คนโทรมาทุกวัน แล้วจู่ๆ..ก็มีคนโทรมาเพื่อสอบถามถึงสินค้าตัวที่ 2 ....? เอ้ะ! สงสัยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร พออีก 3 วันต่อมามีคนโทรมาขอซื้อสินค้าตัวที่ 2 อีก.... ก็เลยไป search google และก็พบว่า...."ร้านเราขึ้นหน้าแรกของ google "            จนเป็นที่มา...จุดขายของจริงๆ

8.จุดขายของจริงๆ  แล้วนะ

คุณรู้ไหมว่านี่จะเป็นจุดจบของผม ที่ผมพยายามหาที่ลงสักที
จาก products ที่เราไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ไม่ได้ลงแรงลงเวลามากมาย แต่จากการที่เราเริ่มรู้เริ่มศึกษาเป็นอย่างมาก ทำให้รู้จักเลือกสินค้าและทำการตลาด อย่างชาญฉลาด(นิดหน่อย) จึงเริ่มนำสินค้า ตัวที่ 2 นี้มาขายจริงๆ ในเดือนกันยายน 2557 และขายหมดภายใน 1 เดือน แต่ของก็พังเสียหายเกือบครึ่ง สินค้าก็หมด (เพราะเอาเข้ามาน้อย 555) จึงเริ่มสั่งสินค้าล็อตใหม่ มากกว่าเดิม 2 เท่าอ(มีกำไรแล้วนิ) แต่......การขายของนี่มันไม่ง่ายเลย (ทั้งๆที่จริงมันง่ายแสนง่าย) อุปสรรคต้องมีตลอด สินค้าของผม ติดอยู่ท่าเรือ ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557 - ก.พ. 2558 รวม แล้ว 3 เดือนกว่า จนเงินที่เก็บมาหลายแสนบาท นำมาใช้จนหมดเกลี้ยงพร้อมหนี้สิน ....แต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แต่รอๆๆ



จนเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 58 สินค้าเข้ามาทั้งหมด ทั้งทางรถและทางเรือ เชื่อไหมว่า "ผมเกือบร้องไห้" เพราะผมใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของผมลงไปกับมัน >>ทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งครอบครัว งานก็เยอะ<< ผมต้องจัดสรรเวลามาทำธุรกิจของผมตอนกลางคืน ..จนตาบวม..

หลังจากนั้น ผมทำการตลาดทุกช่องทางที่ได้ศึกษามา  ผมใช้เวลาเพียง 1 เดือน อีกแล้ว ขายของเกือบหมด มียอดเงินในบัญชี(ภรรยา)ไม่ต่ำกว่า xxx,xxx บาท แน่นอนมันยังไม่ถึงคำว่า "ประสบความสำเร็จ" จากนี้ไปมันก็คือ .....จุดเริ่มต้นจริงๆแล้ว.....  "ธุรกิจของเป็ดน้อย" มาดูกันว่าเป็ดน้อยตัวนี้มันจะกลายเป็น >>หงส์<< ได้มั้ย

มาถึงตอนนี้แล้ว อาจมีคำถาม คำด่า คำว่า อยู่มากมาย ต่อผู้ที่ได้อ่านกระทู้นี้ ผมมีเพียงสิ่งเดียวที่อยากบอกว่า

"ถึงผมจะเป็นตำรวจ ก็ไม่เคยทำให้เสียเงินภาษีของประชาชน และผมก็หาเวลามาทำธุรกิจ (ที่เหมาะสม) เพื่อดูแลครอบครัวและคนที่รัก สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถึงแม้นผมจะทำธุรกิจมั่วๆ แบบเป็ด ผิดบ้าง อะไรบ้าง ก็ขอโปรดจงให้อภัยผม และเพิ่งรู้ว่า Ecommerce ที่จริงแล้วมันง่ายกว่าที่คุณคิด"

จากใจจริง

"ธุรกิจของเป็ดน้อย"
ปล.เขียนจากอินเนอร์ จะไม่ขึ้นไปอ่านทบทวนละนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่