http://pantip.com/topic/33431078 วันที่ 1-3 (Floating Garden Observatory, NARA, ปราสาทโอซาก้า)
http://pantip.com/topic/33442805 วันที่ 4-5 (วัดโทไดจิ, Dotombori, Kyoto Tower, วัดคิโยะมิซุ, ศาลาทองคินคาคุจิ,ทะเลสาบKawaguchiko)
วันที่หก เราตื่น 8 โมงเช้ามาที่สถานีรถไฟ คาวากูชิ วันนี้เราจะนั่งรถไฟ เอาละรถไฟออก 8.44น. จะไปถึงปลายทาง 9.44น ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วเต็ม ที่ญี่ปุ่นนาทีเป็นนาทีนะค่ะ ไม่มีช้าไม่มีรอ ต้องตรงต่อเวลามากๆเลยค่ะ วันนี้เราจะไปโตเกียว... ตอนที่ซื้อตั๋วรถไฟเราก็บังอฺยไปเจอกลุ่มสาวไทย ที่เมื่อคืนเราเจอ ภาพนั้นก็ลอยมาหาเรา เราก็ขำกร๊าก ออกมาเลยค่ะ 5555+ บ้าเปล่าว่ะ (เราอะ) บ๊ายๆ ทะเลสาบ ไว้จะมาอีก
ระหว่างทางวิวภูเขาไฟฟูจิสวยมาก และก็ชัดมากๆด้วย เราก็หลับๆตื่นๆ เอาละพอนั่งรถไฟบนดินจบสิ้นก็ต้องไปต่อ JR สีชมพูด้วยเวลา 10.04น.จะไปถึงปลายทาง 11.05น. แหมมนาทีแป๊ะมากๆ เราหลับตลอดทางเลยค่ะ พอถึง Shinjuku เราก็ลงค่ะแล้วก็หาที่ฝากกระเป๋า เพราะรู้สึกมันหนักขึ้นๆอะ ไม่มีช่องว่างเลย เดินวนอยู่หลายรอบ วันนี้คนเยอะมากๆ เราเลยตัดสินใจไปที่โรงแรมแล้วเอากระเป๋าไปวางด้วยเลย แต่ระหว่างทางเดินมีล๊อกเกอรืเหลืออยู่เราเลยยัดเข้าไปเลยค่ะ.... เดินออกมาจากสถานีรถไฟ ผู้คนเยอะมากๆ ทำเอาเรางงเลย ตึกก็ใหญ่ๆทั้งนั้น
เราก็เดินกลับไปที่นั่ง JR แล้วหาที่ซื้อตั๋วสำหรับวันนี้ หุหุ เราจะไปนั่งรถไฟสายโรแมน แต่ดูราคาแล้วจะเป็นลม เลยไว้ก่อน ฮ่าๆ สรุปเราไปเดินเล่นที่ Shinjuku โอ้ว ใหญ่จริงๆ เราต้องหาจุดที่ใหญ่ๆไว้นะเนี้ย ขากลับเดียวหลงอีก เอาละมุ่งหน้าเดินเลยช๊อปปิ้ง แต่ว่ามันมีแต่เสื้อขนนก ขนไก่อะ จะซื้อมาใส่ที่ประเทศไทยก็ไม่ได้ ก็เลยเดินๆชมไป คนเยอะสุดๆ เราเจอร้าน Gyunoya ซึ่งเป็นร้านอร่อยของเราเลยแถวพระราม4 เราก็ดีใจที่ได้มากินที่ญี่ปุ่นเราเลยเข้าไปเลย แล้วสั่งข้าวหน้าเนื้อไม่นาน อาหารก็มา เราตักกินด้วยความหิวแต่รสขาติมันไม่อร่อยเลยอ่า...เสียใจ เราว่าที่พระราม4 อร่อยกว่า แต่ก็กินนะ เสียดายอะ พอทานเรียบร้อยเราก็เดินวนๆอยู่แถวนั้น จนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนแล้ว พอมองออกไปทางฝั่งถนนเจอคนมุ่งเพียบเลย เราเลยเข้าไปเผือกสักหน่อย โอ้วว เป็นแกงค์มาริโอ้ แล้วก็หัวเห็ด น่ารักเชียว
เราก็เดินดูของโน้นนี่ เสื้อผ้าตัดออกไปเลย มันไม่สามารถจะมาใส่บ้านเราได้ สุดท้ายเราได้รองเท้ามา 1 คู่ ถูกใจจริงๆ โอ้วเค้าว่ากันว่าถ้ามาแถวนี้ต้องเข้าไปที่ สตาร์บัค จะเห็นวิวคนข้ามถนนที่ Shibuya เราก็สั่งโก้โกมากิน ปกติไม่กินนะ แพง!!! เราก็รอให้มันไฟแดง เพื่อดูคนข้าม เออ คนเยอะจริงๆ ไม่หลงกันหรอ?? ตอนนี้ประมาณ 4 โมงกว่าๆ ฟ้ามึดอีกแล้วเร็วจังเลย...เราเดินไปเจอร้านเครปที่คนต่อแถวประมาณ 3กม. เราก็บ้าไปรอนะ แต่รู้สึกจะนานเกินไปเราเลยเปลี่ยนร้านอีกฝั่งของถนน พนักงานน่ารักมาก ขาวจั๊ว แค่มองด้านหลังยังน่ารักเลยอะ ร้านส่วนใหญ่จะเป็นตู้กด แล้วเราก็กดผิดด้วย สรุปต้องกิน 2 อัน!!
พอละกลับไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน โรงแรมนี้เราอ่านจากคอมเม้นไว้ว้า เดินไม่ไกลจากรถใต้ดินแต่เราเดินมาประมาณ 40 นาทีละ ยังไม่ถึงเลย เราก็เลยถามคนที่เดินผ่านมาเค้าบอกว่าเดินไปอีก 2 แยกไฟแดงเลี้ยวซ้าย โอ้ว.....แหะๆๆ ไฟแดงแรกกูยังมองไม่เห็นเลย เราก็เดินเรื่อยๆชิวๆ อากาศก็หนาวมาก เดินฟันชนกันละนี่ เดินจนขาสั่นไปหมดและแล้วก็ถึงเรานอนที่ “Hotel Horidome Villa” โรงแรมใหญ่เลยที่เดียว เราเลยบอกกับพนักงานว่า เดินมาจากสถานีรถไฟใกล้มากเลยค่ะ พี่แกตอบอย่างภูมิใจว่า ใช่ค่ะ โรงแรมเราใกล้รถไฟที่สุด ....หร๊า!!!!! เอาละทำเรื่องเช็คอินแปปเดียว พนักงานก็ส่งถาดมาให้เรา มันเป็นพวกที่พอกหน้า กระดาษเช็ดชู ที่โกนหนวด พี่เค้าบอกว่าให้หยิบไป3อันอะไรก็ได้ เราเลยหยิบที่พอกหน้ามา ฮ่าๆๆ แล้วก็ขึ้นห้องเลย แหมม ห้องแบบเดียวกันแป๊ะเลย ขนาดเท่าๆกัน เราวางกระเป๋าพักขาสักแปป คืนนี้เราจะไปต่อด้วย โตเดียวทาวเวอร์
ว่าแล้วก็ไปเลยสิ รอไรล่ะ .... เราก็นั่งรถไฟอีก วันๆนั่งแต่รถไฟอะ แล้วเดินไปนิดหน่อย ก็เห็นแล้ว สีส้มปี๊ดเห็นมาแต่ไกล ก็เดินตามทางไปเลยค่ะ ขึ้นไปด้านบนชมวิว นั่งเสวยสุขสักแปป มองลงมาถนนเป็นรูปดาวเลยอะ สักพักก็เดินลงมาเราไม่ค่อยตื่นเต้นกับวิวที่สูงเท่าไร
นี่ก็จะ 5 ทุ่มละ หิวอะ ร้านอาหารก็ปิดหมดละ แต่ยังมีร้านหัวมุมติดถนนใหญ่ เป็นร้านชูชิ ชื่อว่า “ Nigiri Sushi” เรานั่งเกาะเคาเตอร์ ในร้านคนเยอะมาก นั่งดิ่ม คุยกันเสียงดังสนั่น เซฟก็ทำชูชิสดๆให้เราเลย เราสั่งไปประมาณ 10 ชิ้น เห้ยย...อร่อยอะ เราสั่งหน้าปลาไหล แซลมอล ปลาหมึก แล้วเราก็สั่งเพิ่มอีก สรุปกินไปเกือบ 20 ชิ้น กินไปกูคุยกับพนักงานไป เราก็พูดได้แค่ว่า โออิชิ พวกเค้าชอบใจกันใหญ่ ฮ่าๆๆ โดนไปประมาณ 1300 เยน ถูกม๊ากๆ พรุ้งนี้เราจะมากินอีก หุหุ เอาละจะเที่ยงคืนละ กลับๆๆ
[CR] こんにちは กินเที่ยวสุดติ่ง...ที่ญี่ปุ่น (ภาค3)
http://pantip.com/topic/33442805 วันที่ 4-5 (วัดโทไดจิ, Dotombori, Kyoto Tower, วัดคิโยะมิซุ, ศาลาทองคินคาคุจิ,ทะเลสาบKawaguchiko)
วันที่หก เราตื่น 8 โมงเช้ามาที่สถานีรถไฟ คาวากูชิ วันนี้เราจะนั่งรถไฟ เอาละรถไฟออก 8.44น. จะไปถึงปลายทาง 9.44น ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วเต็ม ที่ญี่ปุ่นนาทีเป็นนาทีนะค่ะ ไม่มีช้าไม่มีรอ ต้องตรงต่อเวลามากๆเลยค่ะ วันนี้เราจะไปโตเกียว... ตอนที่ซื้อตั๋วรถไฟเราก็บังอฺยไปเจอกลุ่มสาวไทย ที่เมื่อคืนเราเจอ ภาพนั้นก็ลอยมาหาเรา เราก็ขำกร๊าก ออกมาเลยค่ะ 5555+ บ้าเปล่าว่ะ (เราอะ) บ๊ายๆ ทะเลสาบ ไว้จะมาอีก
ระหว่างทางวิวภูเขาไฟฟูจิสวยมาก และก็ชัดมากๆด้วย เราก็หลับๆตื่นๆ เอาละพอนั่งรถไฟบนดินจบสิ้นก็ต้องไปต่อ JR สีชมพูด้วยเวลา 10.04น.จะไปถึงปลายทาง 11.05น. แหมมนาทีแป๊ะมากๆ เราหลับตลอดทางเลยค่ะ พอถึง Shinjuku เราก็ลงค่ะแล้วก็หาที่ฝากกระเป๋า เพราะรู้สึกมันหนักขึ้นๆอะ ไม่มีช่องว่างเลย เดินวนอยู่หลายรอบ วันนี้คนเยอะมากๆ เราเลยตัดสินใจไปที่โรงแรมแล้วเอากระเป๋าไปวางด้วยเลย แต่ระหว่างทางเดินมีล๊อกเกอรืเหลืออยู่เราเลยยัดเข้าไปเลยค่ะ.... เดินออกมาจากสถานีรถไฟ ผู้คนเยอะมากๆ ทำเอาเรางงเลย ตึกก็ใหญ่ๆทั้งนั้น
เราก็เดินกลับไปที่นั่ง JR แล้วหาที่ซื้อตั๋วสำหรับวันนี้ หุหุ เราจะไปนั่งรถไฟสายโรแมน แต่ดูราคาแล้วจะเป็นลม เลยไว้ก่อน ฮ่าๆ สรุปเราไปเดินเล่นที่ Shinjuku โอ้ว ใหญ่จริงๆ เราต้องหาจุดที่ใหญ่ๆไว้นะเนี้ย ขากลับเดียวหลงอีก เอาละมุ่งหน้าเดินเลยช๊อปปิ้ง แต่ว่ามันมีแต่เสื้อขนนก ขนไก่อะ จะซื้อมาใส่ที่ประเทศไทยก็ไม่ได้ ก็เลยเดินๆชมไป คนเยอะสุดๆ เราเจอร้าน Gyunoya ซึ่งเป็นร้านอร่อยของเราเลยแถวพระราม4 เราก็ดีใจที่ได้มากินที่ญี่ปุ่นเราเลยเข้าไปเลย แล้วสั่งข้าวหน้าเนื้อไม่นาน อาหารก็มา เราตักกินด้วยความหิวแต่รสขาติมันไม่อร่อยเลยอ่า...เสียใจ เราว่าที่พระราม4 อร่อยกว่า แต่ก็กินนะ เสียดายอะ พอทานเรียบร้อยเราก็เดินวนๆอยู่แถวนั้น จนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนแล้ว พอมองออกไปทางฝั่งถนนเจอคนมุ่งเพียบเลย เราเลยเข้าไปเผือกสักหน่อย โอ้วว เป็นแกงค์มาริโอ้ แล้วก็หัวเห็ด น่ารักเชียว
เราก็เดินดูของโน้นนี่ เสื้อผ้าตัดออกไปเลย มันไม่สามารถจะมาใส่บ้านเราได้ สุดท้ายเราได้รองเท้ามา 1 คู่ ถูกใจจริงๆ โอ้วเค้าว่ากันว่าถ้ามาแถวนี้ต้องเข้าไปที่ สตาร์บัค จะเห็นวิวคนข้ามถนนที่ Shibuya เราก็สั่งโก้โกมากิน ปกติไม่กินนะ แพง!!! เราก็รอให้มันไฟแดง เพื่อดูคนข้าม เออ คนเยอะจริงๆ ไม่หลงกันหรอ?? ตอนนี้ประมาณ 4 โมงกว่าๆ ฟ้ามึดอีกแล้วเร็วจังเลย...เราเดินไปเจอร้านเครปที่คนต่อแถวประมาณ 3กม. เราก็บ้าไปรอนะ แต่รู้สึกจะนานเกินไปเราเลยเปลี่ยนร้านอีกฝั่งของถนน พนักงานน่ารักมาก ขาวจั๊ว แค่มองด้านหลังยังน่ารักเลยอะ ร้านส่วนใหญ่จะเป็นตู้กด แล้วเราก็กดผิดด้วย สรุปต้องกิน 2 อัน!!
พอละกลับไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน โรงแรมนี้เราอ่านจากคอมเม้นไว้ว้า เดินไม่ไกลจากรถใต้ดินแต่เราเดินมาประมาณ 40 นาทีละ ยังไม่ถึงเลย เราก็เลยถามคนที่เดินผ่านมาเค้าบอกว่าเดินไปอีก 2 แยกไฟแดงเลี้ยวซ้าย โอ้ว.....แหะๆๆ ไฟแดงแรกกูยังมองไม่เห็นเลย เราก็เดินเรื่อยๆชิวๆ อากาศก็หนาวมาก เดินฟันชนกันละนี่ เดินจนขาสั่นไปหมดและแล้วก็ถึงเรานอนที่ “Hotel Horidome Villa” โรงแรมใหญ่เลยที่เดียว เราเลยบอกกับพนักงานว่า เดินมาจากสถานีรถไฟใกล้มากเลยค่ะ พี่แกตอบอย่างภูมิใจว่า ใช่ค่ะ โรงแรมเราใกล้รถไฟที่สุด ....หร๊า!!!!! เอาละทำเรื่องเช็คอินแปปเดียว พนักงานก็ส่งถาดมาให้เรา มันเป็นพวกที่พอกหน้า กระดาษเช็ดชู ที่โกนหนวด พี่เค้าบอกว่าให้หยิบไป3อันอะไรก็ได้ เราเลยหยิบที่พอกหน้ามา ฮ่าๆๆ แล้วก็ขึ้นห้องเลย แหมม ห้องแบบเดียวกันแป๊ะเลย ขนาดเท่าๆกัน เราวางกระเป๋าพักขาสักแปป คืนนี้เราจะไปต่อด้วย โตเดียวทาวเวอร์
ว่าแล้วก็ไปเลยสิ รอไรล่ะ .... เราก็นั่งรถไฟอีก วันๆนั่งแต่รถไฟอะ แล้วเดินไปนิดหน่อย ก็เห็นแล้ว สีส้มปี๊ดเห็นมาแต่ไกล ก็เดินตามทางไปเลยค่ะ ขึ้นไปด้านบนชมวิว นั่งเสวยสุขสักแปป มองลงมาถนนเป็นรูปดาวเลยอะ สักพักก็เดินลงมาเราไม่ค่อยตื่นเต้นกับวิวที่สูงเท่าไร
นี่ก็จะ 5 ทุ่มละ หิวอะ ร้านอาหารก็ปิดหมดละ แต่ยังมีร้านหัวมุมติดถนนใหญ่ เป็นร้านชูชิ ชื่อว่า “ Nigiri Sushi” เรานั่งเกาะเคาเตอร์ ในร้านคนเยอะมาก นั่งดิ่ม คุยกันเสียงดังสนั่น เซฟก็ทำชูชิสดๆให้เราเลย เราสั่งไปประมาณ 10 ชิ้น เห้ยย...อร่อยอะ เราสั่งหน้าปลาไหล แซลมอล ปลาหมึก แล้วเราก็สั่งเพิ่มอีก สรุปกินไปเกือบ 20 ชิ้น กินไปกูคุยกับพนักงานไป เราก็พูดได้แค่ว่า โออิชิ พวกเค้าชอบใจกันใหญ่ ฮ่าๆๆ โดนไปประมาณ 1300 เยน ถูกม๊ากๆ พรุ้งนี้เราจะมากินอีก หุหุ เอาละจะเที่ยงคืนละ กลับๆๆ