<My Blueberry Nights> ชีวิตกับตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้

"There's nothing wrong with the Blueberry Pie, just people make other choices. You can't blame the Blueberry Pie, it's just... no one wants it"

- My Blueberry Nights (2007)




ในค่ำคืนที่เงียบสงัดคืนหนึ่งไร้ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน มีเพียงเขาและเธอหนุ่มสาวสองคนนั่งพูดคุยกัน ในบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางเมือง
เมื่อบทสนทนาผ่านไปได้ซักพักเธอก็เหลือบไปเห็นโหลพลาสติกเล็กๆ ที่บรรจุลูกกุญแจมากมายอยู่ข้างใน เธอก็ไม่ลังเลที่จะถาม ว่ามันคืออะไร

โหลพลาสติกเล็กๆในมือของ เจเรมี หนุ่มหล่อผู้ซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ Jude Law และเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ ได้บรรจุรวบรวมลูกกุญแจจำนวนมากมายที่ลูกค้าได้ฝากให้เขาเก็บไว้ อาจเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไป กุญแจมากมายที่ถูกวางกองในลังนั้นก็คงเปรียบเสมือน ความรักความทรงจำของผู้ที่นำมาฝาก ผู้ที่หมดหวังในความรักของพวกเขาเอง และต้องการที่จะทิ้งมันไว้เบื้องหลังอย่างไร้เยื่อไย เจเรมีจดจำที่มาและเจ้าของของกุญแจเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำราวกับว่ามันเป็นความทรงจำของเขาเสียเอง เขาบอกที่มาของกุญแจเหล่านั้นให้กับอลิซซาเบธฟัง อลิซหญิงสาวผู้ช้ำรักจากแดนไกล เธอเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อนำกุญแจของเธอมาฝากเขาไว้เช่นกัน

เจเรมีและอลิซนั้นต่างก็มีมีกุญแจที่พวกเขาไม่ได้ใช้เหมือนกันแต่แตกต่างกันตรงที่ เจเรมีเก็บดอกกุญแจของเขาไว้อย่างดีเพื่อรอซักวัน มันจะกลับมาเป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของเขาอีกครั้ง แต่เธอกลับเลือกที่จะทิ้งมันไปอย่างไม่ไยดี

ความรักของพวกเขาทุกคนก็คงไม่ต่างกัน พวกเขาทุกคนมีความรัก มีกุญแจ แต่เมื่อความรักมันยากเกินไปสำหรับพวกเขา เมื่อความรักมันเปลี่ยนสภาพเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าที่พวกเขาจะทนรับไหว พวกเขาทุกคนต่างมีการกระทำตอบโต้ต่อความเจ็บปวดเล่านั้นในทิศทางที่แตกต่างกันไป บางคนทิ้งกุญแจเก่านั้นไปเพื่อเตรียมตัวหาดอกที่ใหม่กว่า แต่สำหรับบางคนกลับวางมันไว้ตรงที่เก่า รอคอยว่าซักวัน คนรักของเขาจะกลับมา เขาเฝ้าดูกุญแจดอกเก่าของเขา ความทรงจำของเขา อย่างมีความหมายราวกับการเฝ้ามองอดีตผ่านบันทึกของกล้องวงจรปิด

บางคนนอนแน่นิ่งอยู่กับที่ในวันที่เจ็บ ส่วนบางคนย่ำเดินไปข้างหน้าด้วยขาอันอ่อนแรงในวันที่ปวด ไม่มีใครบอกได้ว่าการกระทำของใครสมควร ใครผิด หรือใครถูก แต่ที่บอกได้ถึงการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นก็คงเป็นการบำบัดอาการป่วยทางจิตที่ต่างก็เกิดจากความซับซ้อนของความไม่แน่นอนทางโชคชะตาทั้งสิ้น

เมื่ออลิซได้ฟังเรื่องราวมากมายจากปากของเจเรมีเธอก็ตั้งคำถามถึงความเป็นเหตุและผลของสิ่งที่เรียกว่าความรัก ทำไมเราทำดีกับเขาแทบตาย สุดท้ายมันจบด้วยความเจ็บปวด ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี ของแบบนี้มันเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันมิใช่หรือ

“มันก็เหมือนพายกับเค้กนั่นแหละ รู้ไหมทุกคืนชีสเค้กและพายแอปเปิ้ลจะถูกขายหมดเสมอ ส่วนพายผลไม้ถูกขายเกือบหมด มีแต่บลูเบอรีพายเท่านั้นที่ไม่มีใครแตะเลย” เจเรมียกตัวอย่าง
“แล้วมันมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับบลูเบอรีพายล่ะ” อลิซถามด้วยท่าทีสงสัย
“ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย บลูเบอรีพาย มันก็เป็นบลูเบอรีพายปกติ ดูมีสีสันน่ากิน  แต่ที่มันเหลือก็แค่เพราะคนอื่นเขาเลือกที่จะกินอย่างอื่น และ ไม่มีใครต้องการมัน ก็แค่นั้นเอง” คำตอบของเจเรมีฟังดูผิวเผินก็คงตีความไปเป็นความโชคร้ายของบลูเบอรีพาย แต่ถ้ามองให้ลึกไปกว่านั้น  จะเปรียบว่ามันคือความซับซ้อนของความไม่แน่นอนในสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาก็ว่าได้

ไม่ว่าคุณจะทำดีเพื่อคนที่คุณรักแค่ไหน ไม่ว่าความรักที่คุณสร้างขึ้นจะมีสีสันสวยงามเพียงใด เปรียบได้กับสีสันสวยงามน่าลิ้มลองของบลูเบอรี่พาย แต่เป็นไปไม่ได้ ที่คุณจะไปบังคับให้ลูกค้าเลือกในสิ่งที่เราวางไว้ มันก็เหมือนว่าเราไม่สามารถ บังคับใจของคนอื่นให้คิดตามสิ่งที่เราตั้งใจได้ เราไม่สามารถบังคับใจใครให้เลือกในสิ่งที่เราสร้างไว้ได้ ถึงแม้มันจะดีจะเลวยังไงก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่เราควบคุมได้นั้นก็มีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้นเอง หน้าที่ของคุณมีเพียงแค่อบพายของคุณให้ดูน่าทานที่สุด และทิ้งภาระที่เหลือไว้กับการตัดสินใจของลูกค้าหรือคนรอบข้างต่อไป เพราะเหตุนี้ตรรกะความเป็นเหตุและผลจึงไม่สามารถตอบคำถามของปัญหาชีวิตของพวกเราได้ สมการชีวิตไม่เคยตอบได้ด้วยสัญลักษณ์ ' = ' เพราะแน่นอนว่ามันมีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน

ผู้ขายที่ดีนั้นย่อมไม่บีบบังคับให้ลูกค้าเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามที่ตนต้องการ และต้องยอมรับในวันที่โชคชะตาไม่เป็นใจ ยอมรับความเจ็บปวดเมื่อไม่มีลูกค้าคนไหนเหลียวมองสินค้าที่พวกเขาเหล่านั้นบรรจงสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ ยอมรับในความไม่แน่นอนของโชคขะตา

แล้วถ้ามองกลับมาที่ตัวเรา สังคมของเรา

ทุกวันนี้เราคาดหวังกับความไม่แน่นอนของโชคชะตามากไปรึเปล่า เราหลายๆคนพยายามแก้สมการชีวิตของตนเองโดยลบตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ทิ้ง(ความคิด การตัดสินใจของผู้อื่น)แล้วใช้ตัวแปรที่ตนเองสร้างขึ้นมา (ตัวแปรที่เราสร้างขึ้นจากบรรทัดฐานความคิดของเราความเห็นแก่ตัวของเรา) มาเป็นเครื่องมือในการแก้สมการคำตอบ  และเรารับได้รึเปล่าถ้าคำตอบที่ออกมานั้นมันผิดไปจากคำตอบที่เราหวังไว้

แล้วคุณล่ะเคยพยายามยัดเยียด บลูเบอรี พายของคุณให้กับลูกค้าผู้น่าสงสาร ผู้ที่ไม่ต้องการมันรึเปล่า ?

Credit: บทความผ่านแผ่นฟิล์ม

ติดตามผลงานของผมได้ผ่านช่องทางนี้ครับ


https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1/680159158772066?ref=hl
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่