อย่าถามว่า ดิฉันได้ไปค้ำประกันเรื่องโทรศัพท์มือ 1เครื่องราคาประมาณ 7000บาท ตั้งแต่ปีพศ.2547ช่วงกลางปีนั้น หลังจากนั้นก็มีจดหมายมาที่ทำงาน1ฉบับ เมื่อวันที31 มกราคม2557ฉบับที่2วันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 ฉบับที่3วันที่ 16กุมภาพันธ์ 2558 ฉบับที่4 วันที่ 25มีนาคม 2558
มีข้อความว่า ตามที่ได้มีการแจ้งเตือน เอกสารสำคัญทางคดี และได้มีการบอกกล่าวทั้งทาวาจาและลายลักอักษรในเบื่องต้นแล้วนั้น แต่ท่านยังเพิกเฉยและไม่เจรจายุติข้อพิพาทแต่อย่างใดดังนั้น สำนักงานกฎหมายมีความจำเป็นต้อง
ขอเข้าพบท่านกรณีเร่งด่วน เพื่อหารือเรื่องหนี้สินและการสืบทรัพย์ไปยังสถานประกอบการณ์เพื่อจะต้องดำเนินการยึด-อายัด ตามกระบวนการยุติธรรมสืบไป
คำเตือน ผู้ใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์สินเป้นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี (ฉบับที่1)
ฉบับล่าสุด มีข้อความว่า เนื่องจากได้มีการแจ้งเตือนพนักงานหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการขอยุติข้อพิพาทแต่อย่างใด ดังนั้นบริษัทมีความจำเป็นต้อง ขอเข้าพบเพื่อเจราจายุติข้อพิพาท ในเรื่องการส่งฟ้องเพื่อบังคับคดีภายใน วันที่31มีนาคม 2558
ผลเสียจากการถูกดำเนินคดี
-ค่าธรรมเนียมศาล 2.5%จากทุนทรัพย์ฟ้อง-ค่าทนายโจทย์ 15000บาท-ค่าทนายฝ่ายจำเลยถ้าแต่งทนายสู้
-หมายศาลจะส่งไปที่บ้านและที่ทำงานของท่าน อายัดเงินเดือน เงินปันผล โบนัส บัญชีเงินฝากทุกธนาคาร โฉนดที่ดิน
-ยึดทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สินภายในบ้านออกนำขายทอดตลาด
-ท่านจะมีคดีดำและคดีแดงไม่สามารถทำธุรกรรมทางสถาบันการเงินได้อีก(Black List)
คำเตือน นิติกรรมใดๆ อันลูกหนี้ได้กระทำลงไปเป็นการจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์สินไม่ว่ากรณีใดๆซึ่งยังผลให้ บริษัทไม่ได้รับชำระหนี้หรือได้รับซำระหนี้น้อยลง ทางสำนักงานฯดำเนินการเพิกถอนนิติกรรมอันไม่สุจริตนั้นทันทีที่สืบทราบตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา350บัญญัติว่า
(ฉบับที่2 3 4 ข้อความเหมือนกัน)
ดิฉันจึงอยากทราบว่าถ้าดิฉันไม่ติดต่อไปหรือปล่อยตามเลยจะมีผลเสียสำหรับตัวดิฉันไหมค่ะ
โทรศัพท์เครื่องนั้นพี่สาวของสามีดิฉันบอกว่าได้คืนตัวแทนขายไปแล้ว(เพราะโทรศัพย์ถ่ายรูปไม่ได้ตามที่ได้ตกลงกันไว้) แล้วเอกสารสัญญาก็ไม่ได้เอากับคืนมาด้วย
ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการไปค้ำประกัน
มีข้อความว่า ตามที่ได้มีการแจ้งเตือน เอกสารสำคัญทางคดี และได้มีการบอกกล่าวทั้งทาวาจาและลายลักอักษรในเบื่องต้นแล้วนั้น แต่ท่านยังเพิกเฉยและไม่เจรจายุติข้อพิพาทแต่อย่างใดดังนั้น สำนักงานกฎหมายมีความจำเป็นต้อง
ขอเข้าพบท่านกรณีเร่งด่วน เพื่อหารือเรื่องหนี้สินและการสืบทรัพย์ไปยังสถานประกอบการณ์เพื่อจะต้องดำเนินการยึด-อายัด ตามกระบวนการยุติธรรมสืบไป
คำเตือน ผู้ใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์สินเป้นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี (ฉบับที่1)
ฉบับล่าสุด มีข้อความว่า เนื่องจากได้มีการแจ้งเตือนพนักงานหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการขอยุติข้อพิพาทแต่อย่างใด ดังนั้นบริษัทมีความจำเป็นต้อง ขอเข้าพบเพื่อเจราจายุติข้อพิพาท ในเรื่องการส่งฟ้องเพื่อบังคับคดีภายใน วันที่31มีนาคม 2558
ผลเสียจากการถูกดำเนินคดี
-ค่าธรรมเนียมศาล 2.5%จากทุนทรัพย์ฟ้อง-ค่าทนายโจทย์ 15000บาท-ค่าทนายฝ่ายจำเลยถ้าแต่งทนายสู้
-หมายศาลจะส่งไปที่บ้านและที่ทำงานของท่าน อายัดเงินเดือน เงินปันผล โบนัส บัญชีเงินฝากทุกธนาคาร โฉนดที่ดิน
-ยึดทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สินภายในบ้านออกนำขายทอดตลาด
-ท่านจะมีคดีดำและคดีแดงไม่สามารถทำธุรกรรมทางสถาบันการเงินได้อีก(Black List)
คำเตือน นิติกรรมใดๆ อันลูกหนี้ได้กระทำลงไปเป็นการจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์สินไม่ว่ากรณีใดๆซึ่งยังผลให้ บริษัทไม่ได้รับชำระหนี้หรือได้รับซำระหนี้น้อยลง ทางสำนักงานฯดำเนินการเพิกถอนนิติกรรมอันไม่สุจริตนั้นทันทีที่สืบทราบตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา350บัญญัติว่า
(ฉบับที่2 3 4 ข้อความเหมือนกัน)
ดิฉันจึงอยากทราบว่าถ้าดิฉันไม่ติดต่อไปหรือปล่อยตามเลยจะมีผลเสียสำหรับตัวดิฉันไหมค่ะ
โทรศัพท์เครื่องนั้นพี่สาวของสามีดิฉันบอกว่าได้คืนตัวแทนขายไปแล้ว(เพราะโทรศัพย์ถ่ายรูปไม่ได้ตามที่ได้ตกลงกันไว้) แล้วเอกสารสัญญาก็ไม่ได้เอากับคืนมาด้วย