ผมรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งอายุเท่าๆกัน 47 ปี เคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผมเป็นคนที่ 4 ที่เข้ามาในชีวิตของเธอ ซึงเธอบอกว่าเธอรักและแอบชอบผมมานานแล้วตั้งแต่ผมอายุ 29 คนล่าสุดแฟนเก่าเธออายุนั้น 53-54 เธอขอเลิกกับเขาเนื่องจากเขาชอบเที่ยวและเจ้าชู้ ชอบเที่ยวเด็กประมาณนี้ พอมาคบกับผมแรกๆก็ดีอยู่ แต่หึงระเบิดเลย มองผู้หญิงก็หาว่าเจ้าชู้บ้างล่ะทั้งๆที่ไปไหนก็ไปด้วยกัน อะไรนักหนา ตบตีผมมั่งผมก็อธิบายแต่ก็ไม่ฟัง บางทีวันดีคืนดีก็บอกรักมากที่สุดในโลก บางวันก็เปลี่ยนเป็นไม่ได้มีความรักให้เลยแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์ยังไม่มี เปลี่ยนราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี ให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ปากก็พูดไปอย่างงั้นแหละฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากคุณคนเดียว แค่นี้ก็มีความสุขแล้วๆ ผมต้องมาทนอยู่สภาพแบบนี้เหรอ ทำให้ทุกอย่างแม้กระทั่งสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ผู้ชายอย่างผมคงจะเลวมากในสายตาเขามั้ง คิดว่านะ ผมบอกนะผู้ชายน่ะเจ้าชู้ทุกคนแต่ในลักษณะไหนเท่านั้นเอง คุณยอมรับได้ไหมกับเรื่องแบบนี้จะให้เป็นพ่อตัวดีของคุณน่ะไม่มีหรอกค่ำมาไม่เถลไถลไปไหนถึงบ้านตลอด มันก็มีออกไปข้างนอกบ้างไปเที่ยวบ้างตามประสามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ถามอีกทีเขาไปเที่ยวเขาก็กลับมาหาคุณ เพราะคุณคือคนที่เขารักถือว่าคุณเป็นภรรยานอกนั้นมันคือไม่ใช่ ทำไมไม่คิดแบบนี้ เล่าเรื่องความหึงหวงของเขานะผมรับไม่ได้เลยไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทีแฟนเก่าเขาไปเที่ยวเห็นอยู่ตำตาว่านั่งกับผู้หญิงอื่น อย่างนี้ทำไมไม่เข้าไปต่อว่า ผมถามเขาๆตอบว่าก็เห็นแต่ไม่ได้ลงไป อ้าว แล้วทีผมล่ะมันหมายความว่าอะไร สักนิดก็ไม่เคยทำ ถามว่าผมรักเธอไหมตอบได้เลยว่ารัก แต่ตอนนี้ถามอีกทีว่ารักไหม ต้องเริ่มมาทบทวนใหม่อีกทีแล้วล่ะว่าถ้าขืนเป็นอย่างงี้ตลอดอยู่กินกันไปมีหวังผมเป็นบ้าแน่ๆเลย เอายังไงดี คุยกันมาหลายครั้งอธิบายยังไงก็ไม่เชื่อ เอาแต่อารมณ์พูดเอง เออเอง สรุปเองว่าต้องใช่ ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด ............... เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่แต่เหนื่อยใจนี่สิ
พูดไปซ้ายการกระทำไปขวา จะคบต่อดีไหม