มาแกะกล่องกันครับ
หยิบถุงกระดาษที่ได้จาก Garmin มาเปิด ก็จะพบเจ้า Fenix 3 นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง
หยิบกล่องออกมาดูชัด แค่เห็นกล่องก็บอกได้ว่าช่างสวยงามเหลือเกิน
กล่องใช้วิธีเอาออกจากครอบกล่อง โดยการสไลด์
ไม่รู้จะออกแบบดีอะไรหนักหนา พอดีเป๊ะเลย
กว่าจะสไลด์เอากล่องออกมาได้เล่นเอาเหนื่อย
เปิดกล่องออกมาจะพบเจ้านกไฟ 3 หลับไหลอยู่
มาดูอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องกันบ้าง
จะมี
1. นาฬิกา Fenix 3
2. สายเชื่อมต่อข้อมูล
3. หม้อแปลง
4. สายรัดหน้าอกสำหรับวัดชีพจร
5. ตัว Sensor วัดชีพจร
6. คู่มือต่างๆ
มาลองเทียบกับอุปกรณ์ที่ได้มาจาก Finix 2 บ้าง
อุปกรณ์ที่ได้มาก็เท่ากัน ต่างกันเพียงแต่รุ่นของอุปกรณ์
1. นาฬิกา Fenix 2 -> Fenix 3
2. สายเชื่อมต่อ สำหรับ Fenix 2 -> สำหรับ fenix 3
3. หม้อแปลง 5V 1A ตัวใหญ่ เปลี่ยนขาเสียบได้ 3 หัว -> หม้อแปลง 5V 1A ตัวเล็กน่าสะสม
4. สายรัดหน้าอกแบบพรีเมียม รุ่นปี 2014 -> สายรัดหน้าอกแบบพรีเมียม รุ่นปี 2015
5. Sensor วัดชีพจรตัวเดียวกัน รหัสเดียวกันเป๊ะ
6. คู่มือ Fenix 2 -> คู่มือ Fenix 3
ถ้าเทียบความประทับใจระหว่าง Fenix 2 และ Fenix 3 แล้วว่ายังไง
จากแรกสัมผัส ผมคิดว่าผมไม่ผิดหวัง และแนะนำว่าถ้าคุณใช้ Fenix 2 อยู่ แล้วมีเงินเหลือ
Fenix 3 เป็นการใช้จ่ายเงินที่ดีมีความคุ้มค่า
ถ้าจะซื้อ Fenix 2 มือหนึ่งตอนนี้ ผมว่าเก็บเงินของคุณไว้ก่อน ไว้เพิ่มเงินอีกนิด แล้วค่อยถอย Fenix 3 จะดีกว่า
หรือถ้ามีงบจำกัด ไม่อาจเพิ่มงบได้ Ambit 3 รุ่นประหยัด น่าจะเป็นทางออกที่ดี ถ้าคุณไม่ได้มีอุปกรณ์ Ant+ อยู่เต็มบ้าน
ส่วน Fenix 2 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีงบจำกัด ที่คุณอาจจะหา Fenix 2 เฉพาะตัวนาฬิกา สภาพดี ได้ในราคา 9000 - 11000 บาท
แต่ต้องไม่ลืมว่า สาย HRM-Run มือสองหาซื้อได้ยาก และสาย HRM-Run มือหนึ่งจะมีราคาแพงกว่าสายแบบธรรมดาอยู่เกือบๆ พันบาท
และสาย HRM-Run มือสอง เป็นของหายาก ไปไว ดังนั้นการซื้อสายวัดชีพจร HRM-Run มาพร้อมกับนาฬิกามือสองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ยกเว้นคุณจะอยากใช้ตัว Sensor วัดชีพจรแบบ optical อย่าง Mio link แต่ก็ต้องยอมเสียข้อมูลในส่วนของ Running Dynamic ไปเหมือนกัน
สำหรับผม Fenix 3 คือ ตัวที่มาแก้ข้อเสียต่างๆ ที่มีอยู่ของ Fenix 2 ให้หมดไป
มันอาจจะเป็นความผิดพลาดของ Garmin ที่ไม่อัดสเปกฮาร์ดแวร์มาให้สูงเพียงพอกับความต้องการของโปรแกรมใน Fenix 2
หรืออาจจะเป็นเพราะระบบ OS ของ Fenix 2 เองไม่เหมาะที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมของนักกีฬา
(Fenix 2 และ 3 ใช้ Base OS กันคนละตัว)
แต่ Fenix 3 มาเติมเต็มความฝันของผู้ใช้ Fenix 2 ว่านี่แหละ คือ Fenix ที่เราเฝ้าใฝ่หา
หลังจากจบ ภูเก็ตมาราธอน และ Audax ระยอง ผมจะกลับมาบอกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้มันจริงหรือไม่ สวัสดีครับ
[CR] ๊ื๊Unbox Fenix 3 มาแล้วจ้า
หยิบถุงกระดาษที่ได้จาก Garmin มาเปิด ก็จะพบเจ้า Fenix 3 นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง
หยิบกล่องออกมาดูชัด แค่เห็นกล่องก็บอกได้ว่าช่างสวยงามเหลือเกิน
กล่องใช้วิธีเอาออกจากครอบกล่อง โดยการสไลด์
ไม่รู้จะออกแบบดีอะไรหนักหนา พอดีเป๊ะเลย
กว่าจะสไลด์เอากล่องออกมาได้เล่นเอาเหนื่อย
เปิดกล่องออกมาจะพบเจ้านกไฟ 3 หลับไหลอยู่
มาดูอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องกันบ้าง
จะมี
1. นาฬิกา Fenix 3
2. สายเชื่อมต่อข้อมูล
3. หม้อแปลง
4. สายรัดหน้าอกสำหรับวัดชีพจร
5. ตัว Sensor วัดชีพจร
6. คู่มือต่างๆ
มาลองเทียบกับอุปกรณ์ที่ได้มาจาก Finix 2 บ้าง
อุปกรณ์ที่ได้มาก็เท่ากัน ต่างกันเพียงแต่รุ่นของอุปกรณ์
1. นาฬิกา Fenix 2 -> Fenix 3
2. สายเชื่อมต่อ สำหรับ Fenix 2 -> สำหรับ fenix 3
3. หม้อแปลง 5V 1A ตัวใหญ่ เปลี่ยนขาเสียบได้ 3 หัว -> หม้อแปลง 5V 1A ตัวเล็กน่าสะสม
4. สายรัดหน้าอกแบบพรีเมียม รุ่นปี 2014 -> สายรัดหน้าอกแบบพรีเมียม รุ่นปี 2015
5. Sensor วัดชีพจรตัวเดียวกัน รหัสเดียวกันเป๊ะ
6. คู่มือ Fenix 2 -> คู่มือ Fenix 3
ถ้าเทียบความประทับใจระหว่าง Fenix 2 และ Fenix 3 แล้วว่ายังไง
จากแรกสัมผัส ผมคิดว่าผมไม่ผิดหวัง และแนะนำว่าถ้าคุณใช้ Fenix 2 อยู่ แล้วมีเงินเหลือ
Fenix 3 เป็นการใช้จ่ายเงินที่ดีมีความคุ้มค่า
ถ้าจะซื้อ Fenix 2 มือหนึ่งตอนนี้ ผมว่าเก็บเงินของคุณไว้ก่อน ไว้เพิ่มเงินอีกนิด แล้วค่อยถอย Fenix 3 จะดีกว่า
หรือถ้ามีงบจำกัด ไม่อาจเพิ่มงบได้ Ambit 3 รุ่นประหยัด น่าจะเป็นทางออกที่ดี ถ้าคุณไม่ได้มีอุปกรณ์ Ant+ อยู่เต็มบ้าน
ส่วน Fenix 2 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีงบจำกัด ที่คุณอาจจะหา Fenix 2 เฉพาะตัวนาฬิกา สภาพดี ได้ในราคา 9000 - 11000 บาท
แต่ต้องไม่ลืมว่า สาย HRM-Run มือสองหาซื้อได้ยาก และสาย HRM-Run มือหนึ่งจะมีราคาแพงกว่าสายแบบธรรมดาอยู่เกือบๆ พันบาท
และสาย HRM-Run มือสอง เป็นของหายาก ไปไว ดังนั้นการซื้อสายวัดชีพจร HRM-Run มาพร้อมกับนาฬิกามือสองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ยกเว้นคุณจะอยากใช้ตัว Sensor วัดชีพจรแบบ optical อย่าง Mio link แต่ก็ต้องยอมเสียข้อมูลในส่วนของ Running Dynamic ไปเหมือนกัน
สำหรับผม Fenix 3 คือ ตัวที่มาแก้ข้อเสียต่างๆ ที่มีอยู่ของ Fenix 2 ให้หมดไป
มันอาจจะเป็นความผิดพลาดของ Garmin ที่ไม่อัดสเปกฮาร์ดแวร์มาให้สูงเพียงพอกับความต้องการของโปรแกรมใน Fenix 2
หรืออาจจะเป็นเพราะระบบ OS ของ Fenix 2 เองไม่เหมาะที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมของนักกีฬา
(Fenix 2 และ 3 ใช้ Base OS กันคนละตัว)
แต่ Fenix 3 มาเติมเต็มความฝันของผู้ใช้ Fenix 2 ว่านี่แหละ คือ Fenix ที่เราเฝ้าใฝ่หา
หลังจากจบ ภูเก็ตมาราธอน และ Audax ระยอง ผมจะกลับมาบอกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้มันจริงหรือไม่ สวัสดีครับ