กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา เราขอเล่าถึงงานติ่งที่เพื่อนๆ หลายคนเริ่มทักว่า เป็นงานประจำของแกหรือไง ตามได้ตามดี พี่เล็ก พี่คิว เนี่ยย อาจจะมาเล่าช้าไปสักนิดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งจะมีเวลามาระบายความตื่นเต้ล
เป็นงานแรกจริงๆ ที่เราได้เจอทั้งพี่เล็ก Greasy Cafe และ พี่คิว วง Flure ในงานเดียวกัน โอ้ว ลืมบอกชื่องานไปเลย มันคืองาน “แสงโสม เด็กสายศิลป์ออนทัวร์” ที่บางแสนที่เค้าจัดกันเมื่อเดือนที่แล้วอะค่ะ ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่าจะไปดีมั๊ย เพราะว่าดันจัดวันพฤหัส (แสงโสมคะ กระตุกต่อมติ่งได้จริงๆ ค่ะ วันพฤหัส เราก็ไปค่ะ)
สรุปก็ไปกับเพื่อนสาวหนึ่งหน่วยที่เป็นติ่งพี่เล็กและพี่วิน นางจึงยอมจำนนไปด้วยกัน กว่าเราจะเลิกงานกันก็เย็นย่ำ และกว่าสองนางจะขับรถกันจากกรุงเทพไปบางแสน (ครั้งแรกของสองนาง) วนเวียนอยู่นาน ไปถึงที่หมายก็ค่ำมืด ที่จัดเป็นทรายๆ ให้ฟีลทะเลสุดๆ แม้จะไม่ติดทะเลแต่ลมก็โชยย พัดพากลิ่นกายไอดอลและความเย็นสบายมาให้เราได้ชิลลกันตลอดงาน
ที่งานมีทั้งของกิน ของดื่ม (อิอิ เพ่ิงรู้ว่าเดี๋ยวนี้บั๊กเก็ตเค้ามีฝาปิดด้วยนะเคอะ กันพวกเมาหกและพวกน้ำลายหยดได้เป็นอย่างดี) ระหว่างเดินไปหน้าเวที ได้เจอบิ๊งโกะตัวจริงที่โซน Street Art ด้วย แม้จะพลาดการถ่ายรูปกับงานอาร์ตของบิ๊งโกะท่ามกลางแสงแดดยามเย็น #มโนแพล่บ แต่เราก็ได้พบเจอกัน และยังได้รูปนางคู่กับผลงานมาด้วยหนึ่งรูป นางเหมือนหลุดมาจากงานคอสเพลย์เบย น่ารักฝุดๆ ระหว่างนั้นได้ยิน ปลานิลเต็มบ้าน อยู่ไกลๆ ตอนแรกก็ชิลๆ แค่คิดได้ว่าพี่วินเป็นคิวต่อไปเท่านั้นแหละ เราทั้งคู่ก็รีบแทรกตัวไปหน้าเวทีสุดฤทธิ์ แม้จะไม่ได้ติดขอบ แต่เรามีกล้องพลังแรงสูงสำหรับงานติ่งไว้คอยเก็บภาพไอดอลของเราโดยเฉพาะ
เมื่อพี่วิน (สุดที่รักของเพื่อน) ขึ้นมาแค่นั้นแหละ เพื่อนสาวกรี๊ดสลบไปแล้ว แม้จะไม่ได้เล่นเพลงรักไม่หลอก เราก็ไม่เคยจะห่างกันนะ (อิเพื่อนคิดเองเขิลเอง)

พอพี่วินลงไปก็รู้สึกได้ถึงหมู่มวลมนุษย์ใส่หมวกที่เบียดตัวเข้ามากันมากขึ้น… มันเป็นเพราะพี่เล็ก กรี๊ซซี่กำลังจะขึ้นนี่เอง กรี๊ดดดดดดด งานนี้เฮียจัดเต็มมาก มาอย่าง full band จัดเพลงมาครบเซทมว๊าก ฟังเพลงพี่เล็กสดๆ ทุกครั้งเหมือนวาร์ปติ่งเล็กๆ อย่างเราไปอยู่อีกมิตินึง ที่ทำให้เรายืนซึ้งอึ้งไปกับเนื้อเพลงอย่างเพลงประโยคบอกเล่า หรือโยกกระจายกับเพลงมันส์ๆ แฝงความ-ดันนิสๆ อย่างเพลงความบังเอิญ

สุดท้ายและท้ายสุดปิดเวทีด้วยวงร็อคสุดเทพอย่าง Flure ที่ไม่ได้มีอัลบั้มใหม่มาร่วมสิบปี แต่ก็ยังมีแฟนคลับอย่างเราติดตามเค้าไปทุกหนทุกแห่งที่สังขารจะอำนวย (ตามมาตั้งแต่มัธยม สงสารป้าที) เสียงสูงปรี๊ดในตำนานของพี่คิวผสมกับฝีมือของมือกลองจอมโหดแต่ไม่โสด ทำให้ป้าอย่างเราๆ เต้นกันกระดูกลั่นเลยทีเดียว
งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา กว่างานเลิกก็ร่วมๆ เที่ยงคืน ป้าทั้งสองพาร่างที่ (เกือบ) สลาย ขึ้นรถและบึ่งกลับกทม. ขอโม้ว่า วันศุกร์ไปทำงานไหวนะแจ๊ะ เพราะท่องทุกวันว่า งานคือเงิน เงินคือสิ่งที่ทำให้ติ่งไปตามไอดอลได้ คือความสุขไงแจ๊ะ แต่แอบเห็นงานเด็กสายศิลป์ ออนทัวร์ที่กทม. แล้วบอกเลยว่า หนุ่มๆ เอ้ย แสงโสมเค้าจัดงานได้แซ่บมากเค่อะ จัดอีกบ่อยๆ นะค้าาาาา
ปล. เค้ายังย่อรูปไม่เป็น ขอโต้ดน๊ะ ไว้ว่างๆ เค้าไปคอนเสิตแล้วจะเขียนมาเล่าอีก
[CR] งานติ่ง งานไอดอล เราต้องจัด [เด็กสายศิลป์ ออนทัวร์ ณ บางแสน]
เป็นงานแรกจริงๆ ที่เราได้เจอทั้งพี่เล็ก Greasy Cafe และ พี่คิว วง Flure ในงานเดียวกัน โอ้ว ลืมบอกชื่องานไปเลย มันคืองาน “แสงโสม เด็กสายศิลป์ออนทัวร์” ที่บางแสนที่เค้าจัดกันเมื่อเดือนที่แล้วอะค่ะ ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่าจะไปดีมั๊ย เพราะว่าดันจัดวันพฤหัส (แสงโสมคะ กระตุกต่อมติ่งได้จริงๆ ค่ะ วันพฤหัส เราก็ไปค่ะ)
สรุปก็ไปกับเพื่อนสาวหนึ่งหน่วยที่เป็นติ่งพี่เล็กและพี่วิน นางจึงยอมจำนนไปด้วยกัน กว่าเราจะเลิกงานกันก็เย็นย่ำ และกว่าสองนางจะขับรถกันจากกรุงเทพไปบางแสน (ครั้งแรกของสองนาง) วนเวียนอยู่นาน ไปถึงที่หมายก็ค่ำมืด ที่จัดเป็นทรายๆ ให้ฟีลทะเลสุดๆ แม้จะไม่ติดทะเลแต่ลมก็โชยย พัดพากลิ่นกายไอดอลและความเย็นสบายมาให้เราได้ชิลลกันตลอดงาน
ที่งานมีทั้งของกิน ของดื่ม (อิอิ เพ่ิงรู้ว่าเดี๋ยวนี้บั๊กเก็ตเค้ามีฝาปิดด้วยนะเคอะ กันพวกเมาหกและพวกน้ำลายหยดได้เป็นอย่างดี) ระหว่างเดินไปหน้าเวที ได้เจอบิ๊งโกะตัวจริงที่โซน Street Art ด้วย แม้จะพลาดการถ่ายรูปกับงานอาร์ตของบิ๊งโกะท่ามกลางแสงแดดยามเย็น #มโนแพล่บ แต่เราก็ได้พบเจอกัน และยังได้รูปนางคู่กับผลงานมาด้วยหนึ่งรูป นางเหมือนหลุดมาจากงานคอสเพลย์เบย น่ารักฝุดๆ ระหว่างนั้นได้ยิน ปลานิลเต็มบ้าน อยู่ไกลๆ ตอนแรกก็ชิลๆ แค่คิดได้ว่าพี่วินเป็นคิวต่อไปเท่านั้นแหละ เราทั้งคู่ก็รีบแทรกตัวไปหน้าเวทีสุดฤทธิ์ แม้จะไม่ได้ติดขอบ แต่เรามีกล้องพลังแรงสูงสำหรับงานติ่งไว้คอยเก็บภาพไอดอลของเราโดยเฉพาะ
เมื่อพี่วิน (สุดที่รักของเพื่อน) ขึ้นมาแค่นั้นแหละ เพื่อนสาวกรี๊ดสลบไปแล้ว แม้จะไม่ได้เล่นเพลงรักไม่หลอก เราก็ไม่เคยจะห่างกันนะ (อิเพื่อนคิดเองเขิลเอง)
พอพี่วินลงไปก็รู้สึกได้ถึงหมู่มวลมนุษย์ใส่หมวกที่เบียดตัวเข้ามากันมากขึ้น… มันเป็นเพราะพี่เล็ก กรี๊ซซี่กำลังจะขึ้นนี่เอง กรี๊ดดดดดดด งานนี้เฮียจัดเต็มมาก มาอย่าง full band จัดเพลงมาครบเซทมว๊าก ฟังเพลงพี่เล็กสดๆ ทุกครั้งเหมือนวาร์ปติ่งเล็กๆ อย่างเราไปอยู่อีกมิตินึง ที่ทำให้เรายืนซึ้งอึ้งไปกับเนื้อเพลงอย่างเพลงประโยคบอกเล่า หรือโยกกระจายกับเพลงมันส์ๆ แฝงความ-ดันนิสๆ อย่างเพลงความบังเอิญ
สุดท้ายและท้ายสุดปิดเวทีด้วยวงร็อคสุดเทพอย่าง Flure ที่ไม่ได้มีอัลบั้มใหม่มาร่วมสิบปี แต่ก็ยังมีแฟนคลับอย่างเราติดตามเค้าไปทุกหนทุกแห่งที่สังขารจะอำนวย (ตามมาตั้งแต่มัธยม สงสารป้าที) เสียงสูงปรี๊ดในตำนานของพี่คิวผสมกับฝีมือของมือกลองจอมโหดแต่ไม่โสด ทำให้ป้าอย่างเราๆ เต้นกันกระดูกลั่นเลยทีเดียว
งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา กว่างานเลิกก็ร่วมๆ เที่ยงคืน ป้าทั้งสองพาร่างที่ (เกือบ) สลาย ขึ้นรถและบึ่งกลับกทม. ขอโม้ว่า วันศุกร์ไปทำงานไหวนะแจ๊ะ เพราะท่องทุกวันว่า งานคือเงิน เงินคือสิ่งที่ทำให้ติ่งไปตามไอดอลได้ คือความสุขไงแจ๊ะ แต่แอบเห็นงานเด็กสายศิลป์ ออนทัวร์ที่กทม. แล้วบอกเลยว่า หนุ่มๆ เอ้ย แสงโสมเค้าจัดงานได้แซ่บมากเค่อะ จัดอีกบ่อยๆ นะค้าาาาา
ปล. เค้ายังย่อรูปไม่เป็น ขอโต้ดน๊ะ ไว้ว่างๆ เค้าไปคอนเสิตแล้วจะเขียนมาเล่าอีก