อยากทราบประสบการณ์ของเพื่อนๆที่เรียนหรือกำลังคิดจะเรียน MBA หรือ Y-MBA ค่ะ
ว่ามีเหตุผลอะไรถึงเรียน แล้วใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่มั้ยคะ แล้วเลือกกันอย่างไรคะว่าจะศึกษาที่สถาบันใด
เบื้องต้นขอเกริ่นนำก่อนนิดนึงว่า จขกท. จบป.ตรีวิศวะค่ะ ตอนนี้ประสบการณ์ทำงานปีกว่าๆค่ะ (ถ้านับจากใบจบก็ 30 พ.ค. 2556ค่ะ)
กำลังคิดจะต่อโท MBA เนื่องจากที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวค่ะ แต่พอเรียนจบก็ได้ไปทำงานบริษัทข้างนอกก่อน(ทำที่เดียวตั้งแต่เรียนจบ ยังไม่เคยย้ายค่ะ)
พอเริ่มหาข้อมูล MBA ก็พบว่าด้วยประสบการณ์ยังไม่2ปีดี ส่วนใหญ่ต้องเลือกเป็นหลักสูตร Regular MBA ซึ่งส่วนใหญ่เรียนเต็มเวลาราชการ ทำให้ไม่สามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรืออีกหลักสูตรคือ Young Executive MBA หรือ YMBA ซึ่งจะเป็นสำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานบ้างแล้ว 1-3ปีขึ้นไปแล้วแต่สถาบัน ที่จะสามารถเรียนตอนเย็นหรือส,อา.ได้ แต่ค่าเรียนจะสูงกว่าและแน่นอนว่าเหนื่อยกว่า,เครียดกว่า เพราะจะไม่มีเวลาพักในวันหยุดจากการทำงาน
และจากข้อมูลที่จขกท.หาอ่านตามเน็ต พอจะสรุปเองเบื้องต้นได้ดังนี้
Regular MBA :
- เรียนเวลาราชการ จ.-ศ. และ ส.-อา. บ้าง เวลาทำงานกลุ่ม
- เด็กจบใหม่ หรือประสบการณ์ไม่ถึง3ปี
- เรียนไม่เหนื่อย (แต่การแข่งขันสูงหน่อย), ค่าเรียนถูกกว่า
- เน้นเรียนทฤษฎี แต่เวลายกเคสตัวอย่างอาจนึกภาพไม่ออก และไม่มีเรี่องจะมาแชร์กัน เนื่องจากไม่มีประสบการณ์
Young Executive MBA :
- เรียนนอกเวลาราชการ ; ตอนเย็นวันจ.-ศ.(อย่างน้อย3วัน/สัปดาห์) หรือ ส.-อา. และ หาเวลาทำงานกลุ่มต่างหาก
- ผู้มีประสบการณ์ 2-3 ปีไป (จุฬา,ราม 3ปีขึ้นไป, NIDA 2ปีขึ้นไป ที่อื่นไม่ทราบ ใครทราบรบกวนช่วยแชร์ข้อมูลด้วยนะคะ)
- การเรียนคล้าย Regular แต่เวลายกเคสพอจะนึกภาพได้มากกว่า
- กลุ่มผู้เรียนก็ยังไม่ถึงกับมีประสบการณ์มากนัก จึงยังไม่มีเรื่องจะมาแชร์กัน
Executive MBA :
- เรียนนอกเวลาราชการ ; ตอนเย็นวันจ.-ศ.(อย่างน้อย3วัน/สัปดาห์) หรือ ส.-อา. และ หาเวลาทำงานกลุ่มต่างหาก
- ผู้มีประสบการณ์ 5-7 ปีไป
- มีผู้แนะนำว่าเป็นกลุ่มที่น่าเรียนที่สุด (แต่5ปีมันนานไป ท่าทางจะรอไม่ไหวแฮะ >.<)
จากที่นึงอ่านเจอคำเตือนว่า (ขออนุญาติ Copy มาทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์)
...ทั้งในระดับ "Young Executive" และ "Executive" จะเรียนเวลานอกราชการ ไม่หลังเลิกงานก็เสาร์อาทิตย์ ทำให้ตัวคนเรียน แทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ของเราจะหายไป 2 ปี หรือเวลาช่วงเย็นของเราก็จะหายไป 2 ปีเช่นกัน ดังนั้นคนที่มีแฟน ถ้าใจไม่แข็งจริง เลิกกันแน่ๆครับ เพราะคุณจะไม่เหลือเวลาให้แฟนคุณอีกเลย จนนำพามาซึ่งการงอนกัน ทะเลาะกัน เลิกกัน และจับคู่กันเองในคลาส...
...แต่อย่าคิดนะครับว่า เราไม่ได้เรียนทุกวัน ก็จะมีเวลาว่าง เพราะเวลาว่างที่เหลือ คุณจะต้องเอามาทำรายงาน ทำงานกลุ่ม ที่อาจารย์ผู้สอน มักจะให้มาทำ โดยที่ไม่สนใจว่าเราจะงานยุ่งหรือมีเวลาน้อยแค่ไหน ถ้าเคี่ยวจริงๆ ในทุกๆสัปดาห์ จะต้องมีรายงานส่ง ซึ่งแน่นอน มีหลายวิชา เราก็จะต้องทำงานกับกลุ่มเพื่อนหลายกลุ่ม แทบจะแยกร่างเลยทีเดียว...
สำหรับตอนนี้จขกท.กำลังสับสนตัวเองว่าควรจะเลือกเรียนแบบไหนดี ระหว่าง MBA หรือ Y-MBA?
ตอนแรกว่าจะเรียน Regular แต่พอหาข้อมูลเริ่มจะเบนเข็มไปทาง Young Executive มากกว่า(ต้องเก็บประสบการณ์อีกหน่อย)
แต่ก็ยังกังวลหลายๆเรื่อง ส่วนหนึ่งก็จากคำเตือนข้างบนค่ะ ถึงแม้จะอยากเต็มที่กับการเรียนและการทำงาน แต่ก็อยากมีเวลาให้คนรอบข้างบ้าง ใครมีประสบการณ์รบกวนแชร์กันหน่อยนะคะ
สอบถาม เพื่อนๆที่เรียนหรือกำลังคิดจะเรียน MBA หรือ Y-MBA ค่ะ
ว่ามีเหตุผลอะไรถึงเรียน แล้วใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่มั้ยคะ แล้วเลือกกันอย่างไรคะว่าจะศึกษาที่สถาบันใด
เบื้องต้นขอเกริ่นนำก่อนนิดนึงว่า จขกท. จบป.ตรีวิศวะค่ะ ตอนนี้ประสบการณ์ทำงานปีกว่าๆค่ะ (ถ้านับจากใบจบก็ 30 พ.ค. 2556ค่ะ)
กำลังคิดจะต่อโท MBA เนื่องจากที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวค่ะ แต่พอเรียนจบก็ได้ไปทำงานบริษัทข้างนอกก่อน(ทำที่เดียวตั้งแต่เรียนจบ ยังไม่เคยย้ายค่ะ)
พอเริ่มหาข้อมูล MBA ก็พบว่าด้วยประสบการณ์ยังไม่2ปีดี ส่วนใหญ่ต้องเลือกเป็นหลักสูตร Regular MBA ซึ่งส่วนใหญ่เรียนเต็มเวลาราชการ ทำให้ไม่สามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรืออีกหลักสูตรคือ Young Executive MBA หรือ YMBA ซึ่งจะเป็นสำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานบ้างแล้ว 1-3ปีขึ้นไปแล้วแต่สถาบัน ที่จะสามารถเรียนตอนเย็นหรือส,อา.ได้ แต่ค่าเรียนจะสูงกว่าและแน่นอนว่าเหนื่อยกว่า,เครียดกว่า เพราะจะไม่มีเวลาพักในวันหยุดจากการทำงาน
และจากข้อมูลที่จขกท.หาอ่านตามเน็ต พอจะสรุปเองเบื้องต้นได้ดังนี้
Regular MBA :
- เรียนเวลาราชการ จ.-ศ. และ ส.-อา. บ้าง เวลาทำงานกลุ่ม
- เด็กจบใหม่ หรือประสบการณ์ไม่ถึง3ปี
- เรียนไม่เหนื่อย (แต่การแข่งขันสูงหน่อย), ค่าเรียนถูกกว่า
- เน้นเรียนทฤษฎี แต่เวลายกเคสตัวอย่างอาจนึกภาพไม่ออก และไม่มีเรี่องจะมาแชร์กัน เนื่องจากไม่มีประสบการณ์
Young Executive MBA :
- เรียนนอกเวลาราชการ ; ตอนเย็นวันจ.-ศ.(อย่างน้อย3วัน/สัปดาห์) หรือ ส.-อา. และ หาเวลาทำงานกลุ่มต่างหาก
- ผู้มีประสบการณ์ 2-3 ปีไป (จุฬา,ราม 3ปีขึ้นไป, NIDA 2ปีขึ้นไป ที่อื่นไม่ทราบ ใครทราบรบกวนช่วยแชร์ข้อมูลด้วยนะคะ)
- การเรียนคล้าย Regular แต่เวลายกเคสพอจะนึกภาพได้มากกว่า
- กลุ่มผู้เรียนก็ยังไม่ถึงกับมีประสบการณ์มากนัก จึงยังไม่มีเรื่องจะมาแชร์กัน
Executive MBA :
- เรียนนอกเวลาราชการ ; ตอนเย็นวันจ.-ศ.(อย่างน้อย3วัน/สัปดาห์) หรือ ส.-อา. และ หาเวลาทำงานกลุ่มต่างหาก
- ผู้มีประสบการณ์ 5-7 ปีไป
- มีผู้แนะนำว่าเป็นกลุ่มที่น่าเรียนที่สุด (แต่5ปีมันนานไป ท่าทางจะรอไม่ไหวแฮะ >.<)
จากที่นึงอ่านเจอคำเตือนว่า (ขออนุญาติ Copy มาทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์)
...ทั้งในระดับ "Young Executive" และ "Executive" จะเรียนเวลานอกราชการ ไม่หลังเลิกงานก็เสาร์อาทิตย์ ทำให้ตัวคนเรียน แทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ของเราจะหายไป 2 ปี หรือเวลาช่วงเย็นของเราก็จะหายไป 2 ปีเช่นกัน ดังนั้นคนที่มีแฟน ถ้าใจไม่แข็งจริง เลิกกันแน่ๆครับ เพราะคุณจะไม่เหลือเวลาให้แฟนคุณอีกเลย จนนำพามาซึ่งการงอนกัน ทะเลาะกัน เลิกกัน และจับคู่กันเองในคลาส...
...แต่อย่าคิดนะครับว่า เราไม่ได้เรียนทุกวัน ก็จะมีเวลาว่าง เพราะเวลาว่างที่เหลือ คุณจะต้องเอามาทำรายงาน ทำงานกลุ่ม ที่อาจารย์ผู้สอน มักจะให้มาทำ โดยที่ไม่สนใจว่าเราจะงานยุ่งหรือมีเวลาน้อยแค่ไหน ถ้าเคี่ยวจริงๆ ในทุกๆสัปดาห์ จะต้องมีรายงานส่ง ซึ่งแน่นอน มีหลายวิชา เราก็จะต้องทำงานกับกลุ่มเพื่อนหลายกลุ่ม แทบจะแยกร่างเลยทีเดียว...
สำหรับตอนนี้จขกท.กำลังสับสนตัวเองว่าควรจะเลือกเรียนแบบไหนดี ระหว่าง MBA หรือ Y-MBA?
ตอนแรกว่าจะเรียน Regular แต่พอหาข้อมูลเริ่มจะเบนเข็มไปทาง Young Executive มากกว่า(ต้องเก็บประสบการณ์อีกหน่อย)
แต่ก็ยังกังวลหลายๆเรื่อง ส่วนหนึ่งก็จากคำเตือนข้างบนค่ะ ถึงแม้จะอยากเต็มที่กับการเรียนและการทำงาน แต่ก็อยากมีเวลาให้คนรอบข้างบ้าง ใครมีประสบการณ์รบกวนแชร์กันหน่อยนะคะ