อาถรรพ์วันวาน บทนำ

แต่งแล้วไม่ผ่านสำนักพิมพ์ อยากมีคนติชมครับ

Yesterday
อาถรรพ์  วันวาน

บทนำ
           ฝนฟ้าโหมตกกระหน่ำอย่างรุนแรงแม้ต้นไม้ใหญ่ก็เอนเอียงไปตามพายุลมคล้ายกับคนกำลังขอความช่วยเหลือฟ้าร้องเปรี้ยงดังลั่นจนหม้อแปลงอาคารหลังใหญ่ของโรงเรียนชื่อดังแห่งเชียงใหม่ระเบิดดังขึ้นประหนึ่งว่าเป็นเสียงก้องประกาศว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายแรงที่อัดอั้นเหมือนหม้อแปลงที่ระเบิดออกเมื่อได้สายฟ้าเพื่อเป็นการปลดปล่อยศาลาริมน้ำสีน้ำตาลที่ย้ำกับตัวของมันเองว่าเก่าแก่เพียงใดศาลาแห่งนี่เปรียบเสมือนกับที่พักผ่อนหย่อนใจทำกิจกรรมหรือเอาไว้นั่งเล่นยามบ่ายแต่เมื่อตกกลางคืนก็จะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าย่างกายเข้าไปเพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องความเฮี้ยนนั้นเป็นอันดับต้นๆ ของตำนานโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ร่างสีดำในความมืดนั่งห้อยขาอยู่ตรงที่นั่งของศาลากลางนที ไฟที่คอยส่องสว่างบัดนี้ติดๆ ดับๆราวกับว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คอยบอกว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้ว....    ถึงเวลาที่เขาจะต้องสะสางเรื่องราวเสียที!!!!
          บ้านหลังใหญ่ในซอยชื่อดังใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงใครๆก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมหาเศรษฐีที่หลายๆคนก็เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี บ้านของนักการเมืองที่ได้มาจากการกินดินหิน คอนกรีต เป็นอาหาร    
          เสียงโทรศัพท์ราคาแพงดังขึ้นในกระเป๋าหรูซึ่งคนธรรมดาคงมองไม่ออกว่ามันต่างกระเป๋าคลองถมตรงไหน แต่เธอก็หาได้สนใจกับคำนินทาเหล่านั้นไม่คนมีปากก็พูดไปส่วนคนมันรวยก็อวดต่อไป ‘เจน’ผละออกจากหน้ากระจกกิจกรรมที่เธอกำลังจะทาสีเล็บเท้าเพื่อเก็บไว้อวดกับซอกรองเท้าหยุดชะงักลงทันทีในมือที่กำลังถือขวดน้ำยาทาเล็บสีฟ้าวางลงและยื่นไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบสวย บนหน้าจอปรากฏคำว่า‘ไม่โชว์เบอร์’มือสวยกดปิดและวางมันลงเพราะว่าเธอไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าเท่าไรแล้วเธอก็คว้าน้ำยาทาเล็บกลับมาบรรจงเติมแต่งให้กับเล็บเท้างามที่ไม่เคยทำงานหนัก แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งแล้วก็เป็นแบบเดียวกันครั้งแรกที่มีเบอร์ปริศนาโทรเข้ามาอีกคราวนี้เธอไม่ลังเลใจที่จะกดรับสายอีกต่อไป
            “ ฮัลโหล! ” เจน รับโทรศัพท์อย่างเสียงห้วนเมื่อมีเบอร์แปลกโทรมาทั้งที่ดาราสาว (ตัวประกอบ )อย่างเธอย้ำหนักย้ำหนาว่าถ้าไม่มีอะไรห้ามโทรมาในเวลายามวิกาลเช่นนี้
           “ ฮึ...ฮึ ” เสียงปลายสายที่ดังเล็กลอดออกมาทำให้ดาราสาวยิ่งยั่วมากขึ้น
           “ ใครน่ะ?! ”  เจนตะโกนใส่โทรศัพท์แม้จะรู้ดีว่าตัวเองคงไม่ได้คำตอบอย่างแน่นอนพวกนี้พวกโรคจิตแม้เธอจะเคยโดนบ่อยๆแต่เธอแน่ใจว่าต้องไม่ใช่เบอร์นี้อย่างแน่นอน
          “ ยังจำได้ไหม?...จำกูได้หรือเปล่า? ” เสียงชายปริศนาพูดขึ้นเป็นเสียงที่เธอคุ้นหูมากแต่เธอก็จำไม่ได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครกัน
          “ ดะ...เดี๋ยว!! ” ยังพูดไม่จบคำดี แต่แล้วโทรศัพท์ก็ตัดไปแต่เธอไม่สามารถโทรกลับได้เพราะเป็นเบอร์ไม่ขึ้นว่าไม่รู้จักผู้โทรเธอเบื่อมากกับพวกโรคจิตที่ชอบโทรมาเพื่ออยากคุยกับดาราสาวอย่างเธอเธอก็ต้องหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงของแข็งบางอย่างกระทบกับกระจกของประตูระเบียงของเธอเจนชะงักเล็กน้อยและคิดว่าตนเองหูฝาดในตอนแรกแต่แล้วเธอก็ต้องคิดผิดเมื่อหินถูกขว้างใส่กระจกอีกครั้งและอีกหลายๆ ครั้ง เจนหันหน้าไปยังต้นเสียง กล้าๆ กลัวๆที่จะเดินออกไปที่ระเบียง
          แต่แล้วเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วเดินออกไปที่ระเบียงเจนเจอกับก้อนหินสามสี่ก้อนแต่มีอยู่ก้อนหนึ่งที่มีกระดาษผูกติดกับก้อนหินนั้นไว้ด้วยด้ายเจนลังเลนิดๆ แต่ก็หยิบก้อนหินที่มีสารส่งมาให้แล้วแกะออกมาอ่านโดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่ทำไว้ในวัยเด็กจะกลับมาทำร้าย
          ‘คิดถึงกูไหม’
           หญิงสาวขยำกระดาษแผ่นนั้นแล้วนำมันยัดลงในกระเป๋าเสื้อของเธออย่าให้รู้นะว่ามีใครมาเล่นอุตริกับเธอแบบนี้พวกโรคจิตชอบตามดาราดังนี้ชอบสร้างเรื่องจริงๆ
            เจนกล่นด่าในใจก่อนที่จะเห็นพุ่มไม้ข้างบ้านสั่นไหวราวกับว่ามีใครขยับตัวจนพุ่มไม้สั่นไหว “ มันน่าจับส่งตำรวจนักพวกนี้ ”
             “ แจ๋ว แจ๋ว แจ๋ววววว ” เจนตะโกนเรียกคนใช้แต่เปล่าประโยชน์เพราะบัดนี้ตอนอวสานของละครตอนค่ำทำให้สาวใช้ของเธอตั้งอกตั้งใจดูจนไม่ได้ยินเสียงของเจ้านายพ่อและแม่ของเธอก็ยังไม่กลับจากงานสังคมแต่เธอต้องรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นโรคจิตตามเธอมา
    มีคนใช้ก็เหมือนไม่มีเลี้ยงเสียข้าวหอมมะลิสั่งนำเข้าจากต่างประเทศจริงๆ !!!
                ดาราสาวหยิบไม้เบสบอลเพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวก่อนที่จะเดินไปยังรั้วประตูบ้านอย่างกล้าๆ กลัวๆส่องหาว่ามีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญหรือไม่แต่ก็ไม่ปรากฏแม้แต่เงาของใครแล้วหางตาของเธอก็ไปสะดุดกับเงาตะคุ่มของใครอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนหลังถังขยะเทศบาลก่อนที่เงานั้นจะยืนขึ้นแล้ววิ่งหนีไป เจนไม่รีรอที่จะวิ่งตามไปทันที    แต่ก่อนที่เธอจะตั้งท่าเธอก็รู้ถึงขนลุกทั่วสันหลังหญิงสาวรีบหันไปทันทีภาพเบื้องหน้าของเธอเป็นร่างของเด็ก ม. ปลาย ร่างเปียกปอนไปด้วยน้ำยืนก้มหน้า เสื้อนักเรียนและกางเกงนักเรียกเปียกโชกอวัยวะที่พ้นออกมาจากเสื้อผ้านั้นขาวซีดราวกับคนจมน้ำมาเป็นปีๆดวงตาของเธอเบิกกว่างยิ่งขึ้นเพราะสิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากไปกว่านั้นคือชื่อที่ปักอยู่ที่อกนั้นช่างคุ้นตา  ‘เมธากร   มานะจิตาชัย’
         “ มะ...มะ...ไมค์กี้! ” เจนเรียกชื่อคนคุ้นเคย ไม่สิ ศัตรูที่คุ้นตาตรงหน้าก่อนที่จะกรีดร้องและวิ่งออกประตูรั้วหน้าบ้าน
    ความทรงจำในอดีตแล่นประเดประดังเข้ามาในหัวสมองของเธออย่างอัตโนมัติ  เธอคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ดวงตาของเจนเองเบิกกว้างเพียงใด  รู้เพียงแต่ว่าขาของเธอในตอนนี้แทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้
          “ อย่านะ อย่านะ ฉันขอโทษฉันผิดไปแล้ว ”
          “ จำกูได้ด้วยหรอ?  ฮึฮึ... ดีใจจัง ”เสียงวิญญาณดังก้องในหูเพื่อถามหญิงสาวตรงหน้า
          “ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! ”  หญิงสาวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ  ปากพร่ำตะโกนร้องขอชีวิต
          “ อย่านะ...อย่าทำอะไรฉันเลย!! ”
          “ แล้วทีกูร้องขอชีวิต  ช่วยกูไหม?! ”  วิญญาณอาฆาตพูดเสียงเย็น  เย็นเสียจนเจนคิดว่าคำขอร้องไม่เป็นผล
    ไม้เบสบอลที่เธอเอามาด้วยนั้นหล่นลงไปที่พื้นทันที  เมื่อขาของเธอขยับได้เจนรีบหันไปเปิดประตูรั้วบ้านแล้ววิ่งอย่างสุดชีวิตไปตามถนนแล้ว หันไปมองข้างหลังเป็นระยะเธอรู้สึกถึงหัวใจของเธอที่สูบฉีดเลือดขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ
    มันมาได้ยังไง?...มันผ่านมาแล้ว...ฉันไม่ได้ทำนะ...ฉันไม่ได้ทำ!  เจนพร่ำพูดจาอย่างไม่เป็นภาษา    

    สายหนุ่มใส่แว่นขับรถมุ่งไปข้างหน้า  ข้างหูมีโทรศัพท์แนบติดไว้  สายตามองออกไปที่กระจกรถอย่างระมัดระวัง  การขับรถในที่มืดตอนกลางคืนแบบนี้ยิ่งต้องมีสติ
    “ ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะเจน  จะถึงบ้านอยู่แล้ว ”  สัตว์แพทย์หนุ่มอย่าง ‘เชน’  ขับรถให้เร็วขึ้นเมื่อคิดว่าจะถึงที่หมายแล้ว  แต่จู่ๆ  เสียงหมาทางด้านหลังที่นั่งมาด้วยกันก็เห่ากรรโชกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  และมีท่าทีทีกลัวมาก  จนเชนต้องหันไปพูดกับมัน
    “ จีจี้  เป็นไรไปครับ?  คิดถึงแม่หรอครับ?  ใจเย็นนะตอนนี้อยู่หน้าบ้านแล้วไง ”  แต่คำถามของเชนนั้นเหมือนกับว่าไม่ใช่สิ่งที่สุนัขน้อยต้องการ  สายตาของมันจับจ้องไปที่เบาะหน้าข้างคนขับแล้วเห่ากรรโชกอีกครั้ง
    เชนหันไปมองที่สายตาของหมาน้อยจับจ้องมา  บัดนี้พบว่ามีบุคคลที่ไม่ได้นัดหมายนั่งอยู่ด้วย  ร่างเปียกปอนนั่งนิ่งแล้วค่อยๆ หันมาช้าๆ
    “ เฮ้ย!!! ”  เชนร้องออกมาด้วยความตกใจ  ก่อนที่จะไม่มีสติควบคุมรถ  เขาหันไปที่ถนนก็เห็นร่างของเจนกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหารถเรื่อยๆ   ดวงตาของเขาตอนนี้จู่ๆ  ก็เหมือนมีคนเอามือมาปิดแว่นทั้งสองข้างทำให้เขายิ่งสูญเสียการควบคุมรถไปอีก
    ‘ ปรี๊นนนนนนนนนนน ’ เสียงแตรรถดังขึ้นแสงสว่างจากไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามากระทบกับร่างของเจนที่กำลังหนีตายก่อนที่รถเก๋งจะเฉี่ยวชนร่างของหญิงสาวจนสลบไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่