ตามหลักการแล้ว ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกของพระพุทธศาสนา ที่เรียกรวมว่า “พุทธบริษัท” หรือ “ชาวพุทธ”
ก็คือผู้ที่ได้ฟังพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงและบัญญัติไว้ แล้วมีศรัทธาเลื่อมใสพร้อมที่จะยอมรับปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั้น
แล้วจึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกตามเพศภาวะ เช่นเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
แต่ตามข้อเท็จจริง มีสมาชิกเป็นจำนวนมากที่เข้ามาเป็นสมาชิกโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน
จึงเกิดปรากฏการณ์ ๒ อย่าง คือ -
๑ ประพฤติผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่รู้ว่าผิด
๒ นับถือเลื่อมใสผู้ประพฤติผิดโดยไม่รู้ว่าผู้นั้นประพฤติผิด
ทั้งนี้ไม่นับผู้ที่รู้หมดทุกอย่างว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ฝืนทำเพราะหน้าด้าน ซึ่งมีมาควบคู่กับพระธรรมวินัย
เวลานี้เกิดมีสมาชิกอีกประเภทหนึ่ง คือ -
พระธรรมวินัยคืออะไร ฉันไม่รู้
ใครจะประพฤติผิดถูกต่อพระธรรมวินัยอย่างไร ฉันไม่รู้ (และไม่สน)
ฉันรู้แต่ว่าท่านผู้นี้คนผู้นี้เป็นคนดี
และฉันจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
เหตุผลสำคัญมีเพียงประการเดียว คือ ฉันเชื่อว่าเขาเป็นคนดี
อันที่จริง
ผู้ประพฤติผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่รู้ว่าผิด ๑
ผู้นับถือเลื่อมใสผู้ประพฤติผิดโดยไม่รู้ว่าผู้นั้นประพฤติผิด ๑
ผู้ฝืนทำผิดเพราะหน้าด้าน ๑
ผู้ยึดมั่นเด็ดเดี่ยวว่าท่านผู้นี้เป็นคนดี ๑
ทั้ง ๔ ประเภทนี้ ก็มามีแล้วในอดีต กำลังมีอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคตก็จะมีอีก
ใครมีหน้าที่ในทางบริหารปกครองก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
แต่จะขจัดกวาดล้างคนทั้ง ๔ ประเภทดังกล่าวให้หมดไปจากโลกย่อมทำไม่ได้
ดังนั้น วิธีที่จะอยู่ในสังคมพระพุทธศาสนาอย่างปลอดภัยก็คือ ศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัยที่ถูกต้อง
เริ่มตั้งแต่ศึกษาให้รู้ว่าพระธรรมวินัยที่ถูกต้องคืออย่างไร-นั่นเลย
มีกำลังแค่ไหน มีสติปัญญาแค่ไหน มีโอกาสแค่ไหน ก็ทำไป
โดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ พระธรรมวินัยที่ถูกต้องอยู่ที่ไหนจึงไม่เป็นปัญหาที่จะเข้าถึงได้
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๕ มีนาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/hashtag/บาลีวันละคำ?source=feed_text&story_id=772081436218929&pnref=story
ฉั น ไ ม่ รู้
ก็คือผู้ที่ได้ฟังพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงและบัญญัติไว้ แล้วมีศรัทธาเลื่อมใสพร้อมที่จะยอมรับปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั้น
แล้วจึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกตามเพศภาวะ เช่นเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
แต่ตามข้อเท็จจริง มีสมาชิกเป็นจำนวนมากที่เข้ามาเป็นสมาชิกโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน
จึงเกิดปรากฏการณ์ ๒ อย่าง คือ -
๑ ประพฤติผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่รู้ว่าผิด
๒ นับถือเลื่อมใสผู้ประพฤติผิดโดยไม่รู้ว่าผู้นั้นประพฤติผิด
ทั้งนี้ไม่นับผู้ที่รู้หมดทุกอย่างว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ฝืนทำเพราะหน้าด้าน ซึ่งมีมาควบคู่กับพระธรรมวินัย
เวลานี้เกิดมีสมาชิกอีกประเภทหนึ่ง คือ -
พระธรรมวินัยคืออะไร ฉันไม่รู้
ใครจะประพฤติผิดถูกต่อพระธรรมวินัยอย่างไร ฉันไม่รู้ (และไม่สน)
ฉันรู้แต่ว่าท่านผู้นี้คนผู้นี้เป็นคนดี
และฉันจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
เหตุผลสำคัญมีเพียงประการเดียว คือ ฉันเชื่อว่าเขาเป็นคนดี
อันที่จริง
ผู้ประพฤติผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่รู้ว่าผิด ๑
ผู้นับถือเลื่อมใสผู้ประพฤติผิดโดยไม่รู้ว่าผู้นั้นประพฤติผิด ๑
ผู้ฝืนทำผิดเพราะหน้าด้าน ๑
ผู้ยึดมั่นเด็ดเดี่ยวว่าท่านผู้นี้เป็นคนดี ๑
ทั้ง ๔ ประเภทนี้ ก็มามีแล้วในอดีต กำลังมีอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคตก็จะมีอีก
ใครมีหน้าที่ในทางบริหารปกครองก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
แต่จะขจัดกวาดล้างคนทั้ง ๔ ประเภทดังกล่าวให้หมดไปจากโลกย่อมทำไม่ได้
ดังนั้น วิธีที่จะอยู่ในสังคมพระพุทธศาสนาอย่างปลอดภัยก็คือ ศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัยที่ถูกต้อง
เริ่มตั้งแต่ศึกษาให้รู้ว่าพระธรรมวินัยที่ถูกต้องคืออย่างไร-นั่นเลย
มีกำลังแค่ไหน มีสติปัญญาแค่ไหน มีโอกาสแค่ไหน ก็ทำไป
โดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ พระธรรมวินัยที่ถูกต้องอยู่ที่ไหนจึงไม่เป็นปัญหาที่จะเข้าถึงได้
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๕ มีนาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/hashtag/บาลีวันละคำ?source=feed_text&story_id=772081436218929&pnref=story