สวัสดีค่ะ สาวๆห้องแป้งทุกคน........วันนี้จะมารีวิวอายไลน์เนอร์ราคาเบาๆ ที่ใช้อยู่ค่ะ ตัวไหนดี ไม่ดี อย่างไรมาดูกัน แต่การรีวิวนี้เป็นสิ่งที่ตัวเราได้ทดสอบกับตัวเองเท่านั้นนะคะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เดียวกัน อาจให้ผลที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าผิวของแต่ละคนจะถูกโฉลกกับตัวไหนด้วยน้า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนหนังตามัน ถึงมันมาก ปัญหาจากอายไลน์เนอร์ที่พบบ่อย สาวๆน่าจะทราบกันดี คือ แพนด้า หลุดร่อนระหว่างวัน สีไม่คม ไม่ชัด รวมไปจนถึงความยากง่ายในการทำความสะอาดด้วยเช่นกันค่ะ ส่วนตัวได้ทดลองมาหมดแล้ว ทั้งแบบดินสอ แบบเจล พบว่าแบบดินสอไม่เหมาะกับมนัษย์หนังตามันอย่างเรามาก เพราะจะแพนด้าภายใน 1 ชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างถูกหรืออย่างแบรนด์ไฮเอนก็ตาม เจอแดด เจอเหงื่อก็เยิ้มย้อยไปเลยค่ะ จึงต้องขอลาขาดแบบดินสอนี้ไป ส่วนเจลนั้นก็ให้ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างดีค่ะ แต่เก็บไว้นานไปมันจะแห้ง ทาแล้วแอบเป็นก้อนไม่สวยงาม และบวกกับต้องมีแปรงใช้ควบคู่กัน แลดูชีวิตยุ่งยาก จนสุดท้านพบว่าสิ่งที่เหมาะที่สุดกับเราคือผลิตภัณฑ์อายไลน์เนอร์ที่เป็นแบบปากกา ที่เป็นปลายพู่กัน กรีดง่าย ควบคุมเส้นได้ดี จับถนัดมือ แถมพกพาสะดวกอีกด้วยค่ะ วันนี้เลยจะมาเปรียบเทียบให้เห็นข้อดี ข้อได้เปรียบว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการทดลองด้วยตัวเราเองเท่านั้นนะคะ อ่อ แถมแบบ liquid มาตัวนึงนะคะ ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน ด้วยราคาไม่เกิน 250 บาทเท่านั้น ไปดูกันเลย
มาเริ่มดูกันทีละตัวเลยนะคะ เริ่มจากตัวนี้

ตัวนี้เพิ่งเปิดตัวเลยค่ะ แอบเห็นคุณพลอย ชวา กับน้องแพรี่พายใช้อยู่ เลยไปสอยมาลองบ้าง หลังจากใช้ตัวนี้พูดเลยว่าชอบมาก อาจจะเป็น favorite item ที่ขาดไม่ได้อีกต่อไป ตัวนี้เป็นอายไลน์เนอร์เนื้อฟิล์ม แบบแท่งกระทัดรัด ถนัดมือ ควบคุมขนาดและความหนักเบาได้ง่าย ปลายพู่กันไม่แข็งไม่ทำร้ายผิวรอบดวงตาของเรา ที่สำคัญกว่านั้นคือ สีดำ เป็นสีดำที่สนิทมากกกกก ไม่ต้องย้ำเลย กรีดทีเดียวจบ แถมแห้งเร็วด้วยนะ ระหว่างวันไม่แพนด้า ไม่หลุดร่อน ไม่เยิ้มมากองรวมกันที่ปลายหางตา เราลองใช้แต่งหน้าตอนออกกำลังกายค่ะ พอสระผม อาบน้ำ (เราไม่ล้างเครื่องสำอางนะ) เส้นยังดำและคมชัดอยู่ โดนแชมพูก็ยังอยู่นะ ถามว่ายังอยู่ 100 % ก็คงไม่ใช่ มีหลุดบ้างไม่ถึง 5% ถือว่าโอเคเลยสำหรับเรา ทำความสะอาดด้วย remover ได้ง่าย ล้างออกไม่ยากค่ะ ไม่ทิ้งคราบเส้นเหลือไว้ สนนราคาอยู่ที่ 229 บาทเท่านั้น คือราคาจับต้องได้ สบายกระเป๋า คุ้มมากๆเลย
ตัวนี้เป็นที่ฮือฮาใน social อยู่ช่วงหนึ่ง เลยแอบตามไปสอย รูปแบบผลิตภัณฑ์ โอเคเลย อย่างที่บอกเราชอบแบบปากกา สีดำที่ได้ถือว่าเข้มระดับนึงเลยค่ะ แต่ต้องย้ำ 2-3 รอบอยู่เหมือนกันนะ ปลายเรียวเล็ก ขนแปรงไม่ทำร้ายผิวรอบดวงตา ให้เส้นคมดี แต่ตัวนี้ระหว่างวันมีหายนะคะ โดยเฉพาะบริเวณหัวตา ถ้ามีดราม่าร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาคงไปทั้งแถบแหงมๆ แอบแพนด้าเล็กน้อย แถมระหว่างวันมีงานมาชุมนุมกันที่ปลายหางตาอีกแน่ะ ราคาตัวนี้อยู่ที่ 219 บาท ก็ถือว่าโอเค พอได้อยู่ ลองใช้กรีดแล้วไปออกกำลังกาย และอาบน้ำสระผม พบว่าหลุดหายไปเยอะเหมือนกันนะ ต้องเติมใหม่เลย
มาถึงตัวนี้ ราคาเพียง 199 บาทเองค่ะ และด้วยรูปแบบเป็นปากกาที่ชอบตัวนี้ถูกและดีพอใช้สมราคา สีแทบจะอ่อนที่สุด ต้องย้ำๆ เน้นๆ หลายรอบ เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆที่ใช้มา หมึกออกมาไม่สม่ำเสมอต้องปิดฝาแล้วเขย่าใหม่บ่อยๆก่อนเขียนครั้งต่อไป ต้องรอแห้งนิดนึง และมีแพนด้าระหว่างวัน แถมมากองรวมกันที่ปลายหางตาเราด้วยนะเออ ตัวนี้ลองใช้ตอนออกกำลังกาย ก็มีเยิ้มนะคะ ไม่มากพอรับได้ แต่พอไปอาบน้ำสระผมเท่านั้นแหละ หายไปเกือบหมดเลย ตอนเทสด้วยน้ำเปล่านี่ก็ไปก่อนใครเลยด้วยนะ
มาถึงผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายของการแข่งขันครั้งนี้ ส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่ค่ะ เนื่องจากเราต้องคอนโทรลปริมาณด้วยตัวเอง มากไปก็พังอีก มันค่อนข้างยากในการใช้ และต้องมีสติ ควบคุมน้ำหนักมือดีๆ ข้อดีของตัวนี้คือ ให้สีดำเนื้อแมตต์ที่ชัดเจนมาก ทารอบเดียวรู้เรื่อง โดนน้ำเปล่าไม่หลุดเลยยยยยย ควรจะกรีดไปเล่นสงกรานต์ 555 แต่ความรู้สึกส่วนตัวคือความที่มันเป็นเนื้อแมตต์ พอกรีดลงไปมันจะดูลอยๆไม่เข้าพวกต้องกลบทับด้วยอายชาโดวสีดำให้แลดูฟุ้งถึงจะดีงาม แต่ตัวนี้ลองไปอาบน้ำสระผมก็หลุดค่อนข้างเยอะที่บริเวณหางหานะคะ ต้องเติมใหม่เช่นกัน เวลาล้างด้วย remover ออกได้ดีค่ะ แต่ไม่ชอบตรงล้างออกมาแล้วเป็นเศษฟิล์มกระจัดกระจาย
ต่อไปมาดูเรื่องสีและความคงทนกันตามรูปเลยจ้า
จะเห็นได้ว่า เมื่อผ่านด้วยน้ำเปล่าทั้งสอบรอบแล้ว Lifeford ไปไวก่อนใครเลยค่ะ และหายไปในปริมาณที่มากที่สุด ตามมาด้วย Mee ในขณะที่ Kiss และ Etude ยังแน่นปึ้ก พอเช็ดออกด้วย remover โดยการปาดเพียงครั้งเดียว จึงให้ผลดังรูปที่ 4 ค่ะ และรูปสุดท้ายใช้ remover ร่วมกับการถูเบาๆพบว่า Kiss และ Lifeford หลุดหมดไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ ส่วน Mee ยังคงทิ้งรอยบางๆ ส่วน Etude ยังคงมีคราบหลงเหลือชัดเจนค่ะ
ต่อไปเป็นการให้คะแนน อ้างอิงจากการทดลองใช้ด้วยตัวเองทั้งสิ้นและกับสภาพผิวของเราเองเท่านั้นนะคะ
ตามสัดส่วนคะแนน เห็นได้ชัดว่า MALISSA Kiss เค้าชนะใสๆ และคงต้องเป็น favorite item ของเราไปอีกนาน และหวังว่าการรีวิวครั้งนี้คงเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆที่กำลังมองหาอายไลน์เนอร์ใช้อยู่นะคะ ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นการทดลองและความพึงพอใจของเราเท่านั้นค่ะ
วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ ไว้มีอะไรเจ๋งๆจะมารีวิวใหม่น้า บายยยยยยยยยยย


[CR] รีวิอายไลน์เนอร์ ดี๊ดี ราคาสบายกระเป๋ากันค่ะ
มาเริ่มดูกันทีละตัวเลยนะคะ เริ่มจากตัวนี้
ตัวนี้เพิ่งเปิดตัวเลยค่ะ แอบเห็นคุณพลอย ชวา กับน้องแพรี่พายใช้อยู่ เลยไปสอยมาลองบ้าง หลังจากใช้ตัวนี้พูดเลยว่าชอบมาก อาจจะเป็น favorite item ที่ขาดไม่ได้อีกต่อไป ตัวนี้เป็นอายไลน์เนอร์เนื้อฟิล์ม แบบแท่งกระทัดรัด ถนัดมือ ควบคุมขนาดและความหนักเบาได้ง่าย ปลายพู่กันไม่แข็งไม่ทำร้ายผิวรอบดวงตาของเรา ที่สำคัญกว่านั้นคือ สีดำ เป็นสีดำที่สนิทมากกกกก ไม่ต้องย้ำเลย กรีดทีเดียวจบ แถมแห้งเร็วด้วยนะ ระหว่างวันไม่แพนด้า ไม่หลุดร่อน ไม่เยิ้มมากองรวมกันที่ปลายหางตา เราลองใช้แต่งหน้าตอนออกกำลังกายค่ะ พอสระผม อาบน้ำ (เราไม่ล้างเครื่องสำอางนะ) เส้นยังดำและคมชัดอยู่ โดนแชมพูก็ยังอยู่นะ ถามว่ายังอยู่ 100 % ก็คงไม่ใช่ มีหลุดบ้างไม่ถึง 5% ถือว่าโอเคเลยสำหรับเรา ทำความสะอาดด้วย remover ได้ง่าย ล้างออกไม่ยากค่ะ ไม่ทิ้งคราบเส้นเหลือไว้ สนนราคาอยู่ที่ 229 บาทเท่านั้น คือราคาจับต้องได้ สบายกระเป๋า คุ้มมากๆเลย
ตัวนี้เป็นที่ฮือฮาใน social อยู่ช่วงหนึ่ง เลยแอบตามไปสอย รูปแบบผลิตภัณฑ์ โอเคเลย อย่างที่บอกเราชอบแบบปากกา สีดำที่ได้ถือว่าเข้มระดับนึงเลยค่ะ แต่ต้องย้ำ 2-3 รอบอยู่เหมือนกันนะ ปลายเรียวเล็ก ขนแปรงไม่ทำร้ายผิวรอบดวงตา ให้เส้นคมดี แต่ตัวนี้ระหว่างวันมีหายนะคะ โดยเฉพาะบริเวณหัวตา ถ้ามีดราม่าร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาคงไปทั้งแถบแหงมๆ แอบแพนด้าเล็กน้อย แถมระหว่างวันมีงานมาชุมนุมกันที่ปลายหางตาอีกแน่ะ ราคาตัวนี้อยู่ที่ 219 บาท ก็ถือว่าโอเค พอได้อยู่ ลองใช้กรีดแล้วไปออกกำลังกาย และอาบน้ำสระผม พบว่าหลุดหายไปเยอะเหมือนกันนะ ต้องเติมใหม่เลย
มาถึงตัวนี้ ราคาเพียง 199 บาทเองค่ะ และด้วยรูปแบบเป็นปากกาที่ชอบตัวนี้ถูกและดีพอใช้สมราคา สีแทบจะอ่อนที่สุด ต้องย้ำๆ เน้นๆ หลายรอบ เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆที่ใช้มา หมึกออกมาไม่สม่ำเสมอต้องปิดฝาแล้วเขย่าใหม่บ่อยๆก่อนเขียนครั้งต่อไป ต้องรอแห้งนิดนึง และมีแพนด้าระหว่างวัน แถมมากองรวมกันที่ปลายหางตาเราด้วยนะเออ ตัวนี้ลองใช้ตอนออกกำลังกาย ก็มีเยิ้มนะคะ ไม่มากพอรับได้ แต่พอไปอาบน้ำสระผมเท่านั้นแหละ หายไปเกือบหมดเลย ตอนเทสด้วยน้ำเปล่านี่ก็ไปก่อนใครเลยด้วยนะ
มาถึงผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายของการแข่งขันครั้งนี้ ส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่ค่ะ เนื่องจากเราต้องคอนโทรลปริมาณด้วยตัวเอง มากไปก็พังอีก มันค่อนข้างยากในการใช้ และต้องมีสติ ควบคุมน้ำหนักมือดีๆ ข้อดีของตัวนี้คือ ให้สีดำเนื้อแมตต์ที่ชัดเจนมาก ทารอบเดียวรู้เรื่อง โดนน้ำเปล่าไม่หลุดเลยยยยยย ควรจะกรีดไปเล่นสงกรานต์ 555 แต่ความรู้สึกส่วนตัวคือความที่มันเป็นเนื้อแมตต์ พอกรีดลงไปมันจะดูลอยๆไม่เข้าพวกต้องกลบทับด้วยอายชาโดวสีดำให้แลดูฟุ้งถึงจะดีงาม แต่ตัวนี้ลองไปอาบน้ำสระผมก็หลุดค่อนข้างเยอะที่บริเวณหางหานะคะ ต้องเติมใหม่เช่นกัน เวลาล้างด้วย remover ออกได้ดีค่ะ แต่ไม่ชอบตรงล้างออกมาแล้วเป็นเศษฟิล์มกระจัดกระจาย
ต่อไปมาดูเรื่องสีและความคงทนกันตามรูปเลยจ้า
จะเห็นได้ว่า เมื่อผ่านด้วยน้ำเปล่าทั้งสอบรอบแล้ว Lifeford ไปไวก่อนใครเลยค่ะ และหายไปในปริมาณที่มากที่สุด ตามมาด้วย Mee ในขณะที่ Kiss และ Etude ยังแน่นปึ้ก พอเช็ดออกด้วย remover โดยการปาดเพียงครั้งเดียว จึงให้ผลดังรูปที่ 4 ค่ะ และรูปสุดท้ายใช้ remover ร่วมกับการถูเบาๆพบว่า Kiss และ Lifeford หลุดหมดไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ ส่วน Mee ยังคงทิ้งรอยบางๆ ส่วน Etude ยังคงมีคราบหลงเหลือชัดเจนค่ะ
ต่อไปเป็นการให้คะแนน อ้างอิงจากการทดลองใช้ด้วยตัวเองทั้งสิ้นและกับสภาพผิวของเราเองเท่านั้นนะคะ
ตามสัดส่วนคะแนน เห็นได้ชัดว่า MALISSA Kiss เค้าชนะใสๆ และคงต้องเป็น favorite item ของเราไปอีกนาน และหวังว่าการรีวิวครั้งนี้คงเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆที่กำลังมองหาอายไลน์เนอร์ใช้อยู่นะคะ ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นการทดลองและความพึงพอใจของเราเท่านั้นค่ะ
วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ ไว้มีอะไรเจ๋งๆจะมารีวิวใหม่น้า บายยยยยยยยยยย