สำหรับผม กับหมานั้น ถือว่าไม่ถูกกันเสียเลย เพราะผมเคยโดนหมากัดตอนเด็กๆ คือตอนผมเดินผ่านมันก็มองผมปกติ ไม่เห่า ไม่มีท่าทางว่าจะกัดอะไร
แต่พอเดินผ่านมา ความรู้สึกมันเร็วมาก แบบโดนกัดที่ขาแล้วขาพับล้มลงไปเลย ..นี่สินะที่เรียกว่าหมาลอบกัด 555
หลังจากนั้น ผมก็รู้สึกไม่ชอบ และไม่ไว้ใจหมาเลย ตัวเล็กๆ พอทำใจได้ ยิ่งซอยไหนมีหมา เดินไปมา ผมนี่ไม่เข้าเด็ดขาด
แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แฟรผมอยากเลี้ยงหมา เอามากๆ ผมก็โอเค ขอตัวเล็กๆ นะ ไม่เอาพันธ์ใหญ่ 555
และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมีลูกเป็นหมา ... แฟนผมเค้าเคยเรียกหมามาก่อน ส่วนผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเเลี้ยงหมา
เริ่มจากวันที่ น้องมามาเลี้ยงวันแรก ผมกับแฟน ตั้งชื่อ น้องลิตเติ้ล เพราะน้องเค้าตัวเล็ก น่ารักดี

น่าตาน่าเอ็นดูนะ ว่ามั้ย
และเราก็เถียงกันว่า
ลิตเติ้ล นี้ ตัวผู้ หรือ ตัวเมีย เพราะไม่ได้ถามตอนชื้อมา แฟนผมก็ไม่แน่ใจ ผมก็เลยดูที่ท้อง นั้นไง มีที่ยื้น ออกมา ต้องเป็นจู๋ แน่ๆ สรุป ตอนนั้น เป็นผู้ชาย
และเราก็เลี้ยงลิตแบบหมา ผู้ชาย เลย

ซื้อเสื้อทหารให้ใส่เลย แมนมากๆ
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปฉีดวัคซีน หมอกลับบอกว่า ลิตเิ้ล คือตัวเมีย ผมก็เลยงงๆ ถึงกลับไปรูป ดูใน กุเกิ้ล เลย ว่า มันต่างกันยังไง
ชัดเจนเลย เราก้คิดว่าตัวเมีย คือคิดว่าตัวเมียไม่น่าจะมีอะไร งอกออกมา สิ เหมือนคนผู้หญิงไง 555
หลังจากนั้นก็เริ่ม ดูวิธีการเลี้ยง อาหาร ต่างๆ ด้วยเค้าที่น้องลิตเติ้ล นิสัยตอนเด็กๆค่อนข้างมึนๆ เดิน ดุ๊กๆๆ พอเห็นแล้วก็ตลกดี
รู้สึก เออนะที่เค้าว่าเลี้ยงหมาทำให้อารมณ์ดี นี่ ก็จริงนะ ผมก็เริ่มสอนให้ลิตเติ้ล หวัดดี
ด้วยนมเม็ด หมดไปเยอะกว่าจะหวัดดีได้ รู้สึกภูมิใจ อย่างกับลูกเรียนได้เกรด 4 เลย 555
พอหลังๆ เห็นแค่ถือนมเม็ดมา นี่ หวัดดีรอเลย เรื่องกิน นี่ฉลาดจัง
ตอนแรกๆเห็นแฟนผม นั่งคุยกับลิตเติ้ล เราก็เออแปลกๆนะ รู้ตัวอีกที เรานี่ คุยกับลิตเติ้ลเป็นเรื่องเป็นราวเลยที่เดียว 55
มารู้สึกอีกที ผมก็รักมันเข้าซะแล้ว ยิ่งโตยิ่งกวน แต่หลังๆ นี่ ขี้อ้อนเหลือเกิน
ดูรูปประกอบนะครับว่าน้องลิตเติ้ล น่ารักแค่ไหน
และช่วงนั้น เริ่มให้มีการส่ง สติกเกอร์ขายได้ ผม เลย คิดที่จะ วาดลิตเติ้ลเป็นสติกเกอร์ ขายซะเลย
ถือขายไม่ได้ เราก้ใช้เองนี่แหละ เอาไว้อวดชาวบ้านเค้าว่านี่ สติกเกอร์ลิตเติ้ล ลูกเรา เอง 555
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะ ผมก็พอวาดการตูนได้ นิดหน่อย ก็เริ่มลองวาดดู เปลี่ยน ไป มา หลายแบบ กว่าจะได้
แบบที่คิดว่าโอเคที่สุด พอได้แบบที่โอเค ดีใจมาก แต่ คือ มันต้องมี 40 ท่าทาง นึกแล้วขี้เกียจเลย
วาดได้ 3-4 ท่า ก็หยุดไปพักนึง ด้วยงานเยอะ และที่สำคัญ คิดไม่ออกว่าจะท่าทางยังไงต่อ

จนผ่านไป 2 เดือน กลับมาวาดต่อ ด้วยความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม 555 จึงเสร็จได้
แต่ที่สำคัญคือตอนส่ง ผมส่งไปตั้งแต่ ก่อนตุลาคม เห็นเค้าบอกว่า 2 เดือน น่าจะได้ขาย นับวันรอ
รอแล้วรอเล่า รอจนปีใหม่ ก็ยังเงียบ แฟนก็ถาม ไหนหละสติกเกอร์ นานแล้วนะ ไม่ผ่านหรือป่าว
เราก็คิดคนอาจจะส่งเยอะ เลยนานหน่อย เดือนหน้าน่าจะรู้
จนผ่านมา ถึงกุมภา เราก็ตัดใจแล้ว คงเพราะเราทำอะไรผิดขั้นตอนหรือป่าว เลยไม่ได้สักที
เลยปล่อยๆ ตัดใจ จนมากลางเดือนมีนานี้ ได้เมลล์แจ้งว่าผ่านแล้ว ดีใจมากกกกกกกกกกก
ในที่สุดเราก็มีสติกเกอร์ ลิตเติ้ลเป็นของตัวเอง เย้ๆๆๆ
ปล. มันรู้สึกดีจริงๆนะ ที่เรามีสติ๊กเกอร์ ที่เป็นน้องหมาของเราเอง ถึงจะขายได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร 555
ติดตามน้องลิตเติ้ล ต่อได้ที่นี่ นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/littleformat
น้องลิตเติ้ล หมาตัวน้อยๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจ ในการทำสติกเกอร์ไลน์
แต่พอเดินผ่านมา ความรู้สึกมันเร็วมาก แบบโดนกัดที่ขาแล้วขาพับล้มลงไปเลย ..นี่สินะที่เรียกว่าหมาลอบกัด 555
หลังจากนั้น ผมก็รู้สึกไม่ชอบ และไม่ไว้ใจหมาเลย ตัวเล็กๆ พอทำใจได้ ยิ่งซอยไหนมีหมา เดินไปมา ผมนี่ไม่เข้าเด็ดขาด
แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แฟรผมอยากเลี้ยงหมา เอามากๆ ผมก็โอเค ขอตัวเล็กๆ นะ ไม่เอาพันธ์ใหญ่ 555
และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมีลูกเป็นหมา ... แฟนผมเค้าเคยเรียกหมามาก่อน ส่วนผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเเลี้ยงหมา
เริ่มจากวันที่ น้องมามาเลี้ยงวันแรก ผมกับแฟน ตั้งชื่อ น้องลิตเติ้ล เพราะน้องเค้าตัวเล็ก น่ารักดี
น่าตาน่าเอ็นดูนะ ว่ามั้ย
และเราก็เถียงกันว่า
ลิตเติ้ล นี้ ตัวผู้ หรือ ตัวเมีย เพราะไม่ได้ถามตอนชื้อมา แฟนผมก็ไม่แน่ใจ ผมก็เลยดูที่ท้อง นั้นไง มีที่ยื้น ออกมา ต้องเป็นจู๋ แน่ๆ สรุป ตอนนั้น เป็นผู้ชาย
และเราก็เลี้ยงลิตแบบหมา ผู้ชาย เลย
ซื้อเสื้อทหารให้ใส่เลย แมนมากๆ
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปฉีดวัคซีน หมอกลับบอกว่า ลิตเิ้ล คือตัวเมีย ผมก็เลยงงๆ ถึงกลับไปรูป ดูใน กุเกิ้ล เลย ว่า มันต่างกันยังไง
ชัดเจนเลย เราก้คิดว่าตัวเมีย คือคิดว่าตัวเมียไม่น่าจะมีอะไร งอกออกมา สิ เหมือนคนผู้หญิงไง 555
หลังจากนั้นก็เริ่ม ดูวิธีการเลี้ยง อาหาร ต่างๆ ด้วยเค้าที่น้องลิตเติ้ล นิสัยตอนเด็กๆค่อนข้างมึนๆ เดิน ดุ๊กๆๆ พอเห็นแล้วก็ตลกดี
รู้สึก เออนะที่เค้าว่าเลี้ยงหมาทำให้อารมณ์ดี นี่ ก็จริงนะ ผมก็เริ่มสอนให้ลิตเติ้ล หวัดดี
ด้วยนมเม็ด หมดไปเยอะกว่าจะหวัดดีได้ รู้สึกภูมิใจ อย่างกับลูกเรียนได้เกรด 4 เลย 555
พอหลังๆ เห็นแค่ถือนมเม็ดมา นี่ หวัดดีรอเลย เรื่องกิน นี่ฉลาดจัง
ตอนแรกๆเห็นแฟนผม นั่งคุยกับลิตเติ้ล เราก็เออแปลกๆนะ รู้ตัวอีกที เรานี่ คุยกับลิตเติ้ลเป็นเรื่องเป็นราวเลยที่เดียว 55
มารู้สึกอีกที ผมก็รักมันเข้าซะแล้ว ยิ่งโตยิ่งกวน แต่หลังๆ นี่ ขี้อ้อนเหลือเกิน
ดูรูปประกอบนะครับว่าน้องลิตเติ้ล น่ารักแค่ไหน
และช่วงนั้น เริ่มให้มีการส่ง สติกเกอร์ขายได้ ผม เลย คิดที่จะ วาดลิตเติ้ลเป็นสติกเกอร์ ขายซะเลย
ถือขายไม่ได้ เราก้ใช้เองนี่แหละ เอาไว้อวดชาวบ้านเค้าว่านี่ สติกเกอร์ลิตเติ้ล ลูกเรา เอง 555
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะ ผมก็พอวาดการตูนได้ นิดหน่อย ก็เริ่มลองวาดดู เปลี่ยน ไป มา หลายแบบ กว่าจะได้
แบบที่คิดว่าโอเคที่สุด พอได้แบบที่โอเค ดีใจมาก แต่ คือ มันต้องมี 40 ท่าทาง นึกแล้วขี้เกียจเลย
วาดได้ 3-4 ท่า ก็หยุดไปพักนึง ด้วยงานเยอะ และที่สำคัญ คิดไม่ออกว่าจะท่าทางยังไงต่อ
จนผ่านไป 2 เดือน กลับมาวาดต่อ ด้วยความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม 555 จึงเสร็จได้
แต่ที่สำคัญคือตอนส่ง ผมส่งไปตั้งแต่ ก่อนตุลาคม เห็นเค้าบอกว่า 2 เดือน น่าจะได้ขาย นับวันรอ
รอแล้วรอเล่า รอจนปีใหม่ ก็ยังเงียบ แฟนก็ถาม ไหนหละสติกเกอร์ นานแล้วนะ ไม่ผ่านหรือป่าว
เราก็คิดคนอาจจะส่งเยอะ เลยนานหน่อย เดือนหน้าน่าจะรู้
จนผ่านมา ถึงกุมภา เราก็ตัดใจแล้ว คงเพราะเราทำอะไรผิดขั้นตอนหรือป่าว เลยไม่ได้สักที
เลยปล่อยๆ ตัดใจ จนมากลางเดือนมีนานี้ ได้เมลล์แจ้งว่าผ่านแล้ว ดีใจมากกกกกกกกกกก
ในที่สุดเราก็มีสติกเกอร์ ลิตเติ้ลเป็นของตัวเอง เย้ๆๆๆ
ปล. มันรู้สึกดีจริงๆนะ ที่เรามีสติ๊กเกอร์ ที่เป็นน้องหมาของเราเอง ถึงจะขายได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร 555
ติดตามน้องลิตเติ้ล ต่อได้ที่นี่ นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้