เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นมีการจัดงานเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในการสู้รบของบรรพบุรุษในจังหวัดซึ่งมีประจำทุกปีและมีทุกอำเภอในจังหวัดของเรา จะมีการร่วมฉลองอย่างใหญ่โตทั้งในตัวจังหวัดและในแต่ละอำเภอก็จะแยกมาจัดของของอำเภอตนเอง อำเภอเราก็ใช้สถานที่สนาม อบต.จัดงาน มีการแสดงแสงสีเสียงและมีข้าวของมาขายมากมาย รวมถึงมีการละเล่นต่างๆ ปาโป่ง ปาเป้า โยนกระป๋อง ฯลฯ ข้าวของเครื่องใช้ ของกินมากมาย ครอบครัวของเราก็เป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ขาย กลุ่มหนึ่งที่ไปหากินทุกทีที่มีการจัดงาน ทีนี้ทางผู้จัดงาน อบต. เทศบาล มาบอกว่าจะไม่ปล่อยไฟฟ้าให้แม่ค้าเพราะกลัวไฟฟ้าในการจัดแสดงแสงสีเสียงไม่พอ แต่ในเมื่อมันเป็นงานกลางคืนไม่มีไฟฟ้าจะขายของกันยังไง ทางบ้านของเราก็เลยไปเอาเครื่องปั่นไฟมาให้บริการกลุ่มแม่ค้า โดยเก็บค่าไฟจากร้านที่มาขอใช้ เมื่องานใกล้สิ้นสุดเรากลับบ้านก่อนเหลือแต่บรรดาน้องๆต้องนั่งรอจนแม่ค้าเก็บของหมดเพื่อเราจะได้เก็บสายไฟ ระหว่างที่รอน้องเราก็ซื้อเบียร์มากินคนละกระป๋องน้องเรา2คน และพ่อค้าที่อยู่ในงาน1คน อยู่ๆตำรวจก็ขับรถเข้ามา แล้วจับน้องเราไป บอกว่ามีคนแจ้งมาว่าดื่มเหล้าในสถานที่ราชการ ทั้งๆที่ในงานนั้นนั่งกินกันเต็มไปหมด ยิ่งตามร้านขายของในงานก็นั่งกินร้านขายเหล้าในงานก็เยอะแยะแล้วเบียร์ที่น้องเราซื้อมากินก็ซื้อจากในงาน ตำรวจจับเป่าแอลกอฮอร์ เกิน1คน อีก2คนไม่ถึง ตำรวจมาจับตอนนั่งกินนะไม่ได้ขับรถ หรือเดินไปไหน และไม่ได้เสียงดังโวยวาย หรือมีเหตะทะเลาะวิวาทเลย นั่งกินเฉยๆนะย้ำ และขอย้อนกลับไปอีกนิด ช่วงบ่ายๆก่อนที่งานจะเริ่มพวกเราก็ตั้งร้านในสนา อบต.ก็เห็เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เค้าเตรียมงานในคืนนี้ ก็ซื้อเหล้าเข้ามานั่งกินตั้งวงกันกินไปทำงานไปกันเรื่อยๆขวดเหล้าก็ตั้งกันโด่ มีตั้งแต่ระดับลูกจ้าง นายช่าง ยันปลัดแต่เราก็ไม่คิดอะไรเพราะเห็นจนชินแล้ว แต่พองานเลิกน้องเราโดนจับเพียงเพราะน้องเราเป็นประชาชนธรรมดาหรือไม่มียศมีตำแหน่งอะไรหรือ แล้วที่นั่งกินกันโครมๆในงานไม่รู้กี่กลุ่มและที่ร้านขายเหล้าล่ะทำไม่จับก่อนที่จะมาจับน้องเราตำรวจก็ขับรถผ่านกลุ่มที่เค้ากินเหล้ากันอยู่กลุ่มเบ้อเร่อ น้องเรา3คน นั่งกินเบียร์คนล่ะกระป๋องโดนจับ เข้าห้องขังและตำรวจไม่ให้ประกันตัวมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ เราเข้าใจนะว่าเราทำผิดเราเคารพกฏหมายไทยแต่ทำไมตำรวจเลือกปฏิบัติพอเราถามร้อยเวร ร้อยเวรก็โมโหไม่คุยกับเราหาว่าพวกเราเรื่องมากไล่เรากลับบ้านปิดไฟโรงพักหนีเรายังมิหนำซ้ำบอกเราว่ากลับไปๆผมจะนอน และจะจับพวกน้องๆเราส่งศาลให้ได้เลย พอเราบอกว่าในงานมีการเล่นการพนันพวกปาโป่งปาเป้า หมุนวงล้อซึ่งมันเป็นสิ่งผิดกฏหมายทำไมตำรวจปล่อยให้มีของพวกนี้ในสถานที่ราชการเราจะแจ้งความก็เฉยเราเคารพกฏหมายนะและยอมรับในการกระทำผิดของพวกเราแต่ทำไมตำรวจเลือกปฏิบัติ เราต้องยอมขึ้นศาลเราไม่มีเงินเสียค่าปรับตรงนั้นหรอกเพราะเราต้องขายของอีกกี่วัน ปั่นไฟอีกกี่งานถึงจะมีเงินไปจ่ายค่าปรับบอกไว้เลยว่ามันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆแต่ถ้าในงานนี้ตำรวจเข็มงวดกับทุกๆคนงานหรือไม่ให้มีการขายสุราจำหมดตั้งแต่ต้นตอ คุกในโรงพักคืนนั่นไม่พอขังแน่ๆ สุดท้ายน้องเราก็โดนจับขังคุก เราคิดว่าเรื่องเลวแล้วจะจบลงแค่นี้แต่เราก็แถบจะทรุดลงกองกับพื้นอีกครั้งเมื่อเรากลับมาที่ในงานเพื่อเก็บของอุปกรณ์เพราะตอนที่น้องเนาโดนจับมันกระทันหันมากเค้าโดนจับขึ้นรถตำรวจไปไม่ทันได้ดูอะไร เรากลับมาที่รถสายไฟ ไปหมดทุกชิ้นเหลือแต่เครื่องปั่นไฟมันหนักมากขโมยเลไม่เอาไปภายในงานเงียบสงบเพราะตอนนั่นเวลาเกือบตี2เราจะไปถามจากใครเดชะบุญที่รถเรายังไม่หายเพราะกุญแจอยู่กับน้องเรา เราได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นน้องก็โดนจับเครื่องเมือทำมาหากินก็หมดตอนแรกเนาจะไปแจ้งความแต่เราเจอฤทธิ์ตำรวจแล้วเราไม่ไปดีกว่าตำรวจคงไม่สนใจหรอกขนาดข้าราชการกินเหล้า มีการละเล่นการพนันในสถานที่ราชการเนาแจ้งตำรวจยังเฉยๆและเราก็ไม่อยากกลับไปเห็นสภาพน้องเรานอนคุดคู้อยูในห้องขัง เราขอย้ำนะว่าเราเคารพกฏหมายและยอมรับผิดแต่เราสงสัยว่าทำไมตำรวจถึงไม่เข็มงวดและจริงจังในการจับให้เท่าถึงทั้งงาน
โดนจับข้อหากินเหล้าในสถานที่ราชการ ทั้งๆที่มีการจัดงานรื่นเริง