อันนี้คือไอดีเพื่อนนะครับ เพื่อนผมส่งกระทู้ข้างล่างมาให้ผมอ่าน ผมอยากแชร์บ้างแต่ไม่มีไอดีพันทิป
สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://m.pantip.com/topic/33407140?
และ
http://m.pantip.com/topic/33410282?
อยากแชร์ประสบการณ์ในฐานะเด็กกาก สอบไม่ติดซักที่ มาฟังกัน
ผมเองเป็นเด็กที่เพื่อนๆเรียกว่า “เด็กกาก” ซึ่งไอการที่จะได้ฉายานี้มา คุณต้องเรียนได้กากในขั้นที่เกินธรรมดาครับ
ปัจจุบันผมเรียนอยู่คณะแพทย์แห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งการที่จะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายครับ เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน
สมัยมัธยม ผมเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมดัง(เงียบ)ฝั่งธนครับ เป็นที่ที่เปลี่ยนชีวิตผมมาก จากเด็กเนิร์ดที่ตั้งใจเรียนมาตั้งแต่ประถม พอก้าวเท้าเข้าโรงเรียนนี้ปั๊บ ชีวิตนี่อัพคลาสกลายเป็นเด็กเกรียนเลยครับ ไปโรงเรียนก็ไม่เคยเรียน ในห้องเข้าไปนั่งหลับหรือไม่ก็ไปนั่งให้ครูด่าเล่น บางทีก็มารอเจอเพื่อนที่หน้าโรงเรียนแล้วก็โดดไปตีแบตบ้าง เรียกว่าชีวิตดีครับ
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สามคน ขอเรียกย่อๆ ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษละกัน มีไอ k ไอ t แล้วก็ไอ c ครับ แต่จะขอเล่าถึงไอ k เป็นหลัก เพราะมันมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุด
ไอ k เป็นคนแรกที่พาชีวิตผมเข้าสู่วงการบันเทิง มันเริ่มต้นตอน ม3 ตอนที่ผมเรียนพิเศษแถวสยามกับมัน หลังจากที่เข้าห้องเรียนสายไป1ชม แล้วหลับต่ออีก ครึ่ง ชม มันก็ตื่นมาพูดกับผม
“เห้ย

น่าเบื่อว่ะ กูอยากโดดละ”
ด้วยความที่เป็นเด็กกึ่งเนิดในเวลานั้น ผมเลยห้ามมันไว้ พ่อแม่ส่งเงินมาให้ลูกเรียน จะมาทำตัวแบบนี้มันก็ไม่ถูก จริงไหมครับ แต่สิ่งที่มันตอบกลับคือ
“เห้ย กูโดดแค่วันนี้วันเดียวน่า คราวหน้าไม่โดดละ เคป่าว” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินจากมัน หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าซากวิญญาณของมันในห้องเรียนพิเศษอีกเลย…
ดูจากเพื่อนก็พอจะเดาชีวิต ม ปลายของผมได้ครับ ผมก็เหมือนกับเด็กอีกหลายๆคนคือ ด้วยความที่พ่อแม่อยากให้เป็นหมอ ผมเลยถูกบังคับให้เรียนพิเศษ ถ้าไม่ยอมต้องทำงาน ด้วยความที่เป็นคนมีสันดานขี้เกียจ ผมเลยสมัครเข้าเรียนพิเศษหลายๆที่ ซึ่งแต่ละที่ ผมเข้าไม่กี่รอบก็หายยาวๆครับ พอวันธรรมดา ผมก็เข้าโรงเรียนไปครับ แต่โรงเรียนสำหรับผมมันคล้ายๆกับสถานบันเทิง เข้าไปนั่งเล่น คุยกับเพื่อน เจอเรื่องฮาๆ บางทีก็โดดยกห้องบ้าง ครูไม่สอนบ้าง ประท้วงครูบ้าง (คืออยู่ ม ปลายสามปีนี่ นับวันเรียนได้เลยครับ) พอถึงวันสอบก็เขียนแค่ชื่อแล้วส่งบ้าง สอบเสร็จก็นั่งส่องรูปสาวกับเพื่อนบ้าง ผลที่ตามมาคือ ผมต้องซ่อมเกือบทุกวิชาที่สอบครับ แล้วก็ต้องซ่อมเกือบทุกรอบด้วย
หลังจากที่ใช้ชีวิตแบบบันเทิงมาสามปี พอถึง ม6 ผมก็สมัครสอบเยอะๆ หวังกั๊กเขามั่ง ผมสมัครสอบเภสัชศิลปากร แกทแพทสองรอบ กสพท ยื่นตรงวิศวะเกษตร แล้วก็สมาท1 อีกสองรอบ ยื่นตรงพระมงกุฎอีกรอบนึง ผลที่ได้คือ ผมติดแค่สมาท1 ครั้งเดียวครับ ตอนนั้นหัวใจสลายเลยครับ คณะที่ตั้งเป้ามาตลอด สุดท้ายบินหายไปกับสายลม แล้วที่ใจสลายกว่าคือ เพื่อนๆผมได้คณะที่หวังกัน โดยเฉพาะไอ k ครับ ไม่เคยเข้าเรียนแต่สุดท้ายก็สอบเข้าวิศวะได้ตามที่ต้องการ และไอ t กับไอ c ก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ครับ แต่ตอนนี้มันก็เรียนอยู่จุฬาทั้งคู่ หดหู่มากๆครับ
ตอนนั้นชีวิตเคว้งคว้างมากเลยครับ โดนพ่อแม่กดดัน โดนพี่ด่า ชีวิตก็หมดไฟ ผมเลยเข้าบริหารเพราะขี้เกียจสอบใหม่แล้ว แต่สิ่งที่ได้คือความไม่พอใจครับ มันรู้สึกไม่ดีเลยเวลาที่เราเข้าคณะที่เราคิดว่าไม่ใช่ หลังจากเรียนบริหารอยู่1เดือน ผมก็ตัดสินใจครั้งยิ่งใหย่ที่สุดในชีวิตคือ ซิ่วครับ
หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือมันละเยอะๆ ผมเลือกซื้อหนังสือมาอ่านเองเพราะผมตามการสอนในห้องเรียนพิเศษไม่ทันครับ บางครั้งก็อาศัยเพื่อนที่ตั้งใจเรียนพิเศษจดละเอียดมายืมอ่านเอา และ1ปีซิ่วนี่แทบไม่ได้เที่ยวหรือออกไปไหนเลยครับ และแน่นอน แม่กับพี่ชายจะเข้ามาเช็คในห้องทุกเย็นว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ที่แน่นอนกว่าคือ เค้ามักจะแจ๊คพ็อตเข้ามาเช็คตอนที่ผมกำลังเล่นเกมหลังอ่านเสร็จครับ ก็โดนด่าไปตามระเบียบ
ในระหว่างที่เตรียมตัวสอบ ผมก็ลองสมัครสอบไปอีกสองที่ครับ คือ แพทย์ทหารอากาศกับเภสัชศิลปากรครับ ซึ่งตามที่ทุกคนเดาได้ ผมก็สอบไม่ติดตามเคยด้วยความที่เป็นเด็กกากครับ นี่เป็นหนึ่งในบทสนทนาของผมกับอาจารย์คุมสอบครับ
หลังจากที่ผมส่งกระดาษคำตอบแล้ว อาจารย์ก็ถามขึ้น “นี่เธอ ทำไมตรงนี้ไม่เขียนคำตอบลงไปล่ะ”
“ผมทำไม่ได้ครับอาจารย์” อาจารย์มองผมด้วยสายตามึนงง ก่อนถามต่อ
“ไม่คิดจะมั่วเลยหรอ”
ผมมองหน้าเค้าแปปนึง ก่อนตอบไป “โจทย์ผมยังอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ ผมเลยไม่รู้จะมั่วอะไรลงไป”
อาจารย์มองผมด้วยสายตาเข้าใจก่อนปล่อยให้ผมกลับบ้าน…
หลังจากผ่านประสบการณ์การสอบไม่ติดมาอย่างโชกโชน มันทำให้ผมรู้สึกกลัวครับ กลัวว่าสนาม กสพท ครั้งนี้จะเละอีก แต่ด้วยความที่เราล้มเหลวมาเยอะ เราเลยได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมพยายามอย่างหนักมากขึ้น ทำทุกทางเพื่อให้ติดคณะตามที่หวัง ไม่เว้นแม้แต่ลองเคล็ดตามที่เพื่อนบอกครับ สัปดาห์ก่อนสอบ ไอ k มันเล่าให้ผมฟังว่า วันก่อนสอบมันกับเพื่อนอีกกลุ่มนั่งกินเหล้ากันก่อนวันสอบ แล้วทุกคนในกลุ่มนั้นก็สอบติดตามที่หวังครับ ผมเลยเอามั่ง ตอนนี้ไหนๆก็ไหนๆ ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว สี่วันก่อนสอบผมเลยจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย ซื้อเหล้าเบียมาตุนไว้ โทรเรียกเพื่อนๆและรุ่นพี่ ก่อนจะซดแหลกครับ คืนนี้ไม่เมาไม่นอน ถ้านอนก็ต้องเอาให้เป็นแบบเมาหลับครับ
และสุดท้ายผมก็ทำได้ตามที่หวังครับ ผล กสพท ประกาศแล้ว ผมมีรายชื่ออยู่ในนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จ ความพยายามที่เราทำมาทั้งหมดไม่สูญเปล่า เด็กโง่ๆแบบเราก็ทำได้เหมือนกัน
ชีวิตหลังสอบนี่เป็นอะไรที่ฟินมากครับ เที่ยวทุกวัน นอนวันละสามรอบ พอตื่นนอนก็เที่ยวอีก แต่ตอนนั้นก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง เพราะวันสอบสัมภาษมันยังมาไม่ถึง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกกลัวว่าเราจะไม่ผ่านสนามสัมภาษเอา ผมเลยต้องเตีรยมตัวซักนิด นี่เป็น1ในบทสนทนาตอนสัมภาษณ์ครับ
“เธอมาจากที่นี่เหรอเนี่ย ว่าแต่เธอกินเหล้าหรือเปล่า” อาจารย์ถามผมพร้อมกับเปิดเอกสารข้อมูลโรงเรียนมัธยม
“กินครับ นานๆทีกิน”
“นานๆทีนี่คือ สองสามวันกินทีหรือเปล่า”
“เอ่อ เดือนนึงกินทีครับ แล้วก็แค่กินนิดๆด้วย”
“นิดๆนี่คือเมาเหรอ” ในตอนนั้นผมคิดในใจ ทำไมอาจารย์รู้ดีจังวะ อย่างกะว่ารู้ว่าผมซดแหลกก่อนสอบ
“โอเค งั้นลองแนะนำตัวมาหน่อยซิ” อาจารย์พูด “เธอมีอะไรจะแนะนำตัวมั้ย ชีวประวัติ อะไรก็ได้”
“เอ่อ ว่าไงดีอะครับ คือตอน… ม ปลาย ผมเป็นเด็กไม่เรียนอะครับ วิชาไหนไม่ชอบไม่เข้าทั้งเทอมเลยครับ”
“หืม…แล้วเข้ามาที่นี่จะโดดอีกไหม”
“ไม่แน่ครับ”
หลังจากที่ผมพูดจบ อาจารย์ก็หัวเราะครับ แล้วก็รับผมเข้าเรียน สงสัยอาจถูกใจในความหน้าด้านของผมก็เป็นได้
คือที่เล่ามานี่ก็หวังจะแชร์ประสบการณ์จากทุกคนครับ การเข้าคณะที่ต้องการมันไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องทุ่มแรงกายแรงใจของเราครับ และถึงแม้จะเป็นเด็กไม่เก่ง แต่เราก็สามารถประสบความสำเร็จตามที่ต้องการได้เหมือนกับคนอื่นครับ เพราะงั้นอย่ายอมแพ้ครับ แล้วก็อย่างว่า เกรดที่คณะแพทย์ของผมตอนนี้ได้2.5xครับ เพราะผมโดดทุกคาบที่ไม่เช็คชื่อ ยิ่งอยู่หอแม่ไม่ปลุกนี่สบายครับ จะพยายามพยุงตัวเองให้ไม่โดนรีไทล์นะครับ
ปล.พิมพ์มาตั้งนานยังหาสาระกับสิ่งที่ตัวเองเขียนไม่ได้เบยส์ แต่อยากให้รู้ว่าสอบแพทย์ อ่านหนังสือหนักๆ1ปีก็ติดได้ครับ น้องๆม.5 ม.6 อยากให้รู้ว่าเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายครับ
อยากแชร์ประสบการณ์ในฐานะเด็กกาก สอบไม่ติดซักที่ มาฟังกัน
สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://m.pantip.com/topic/33407140?
และ
http://m.pantip.com/topic/33410282?
อยากแชร์ประสบการณ์ในฐานะเด็กกาก สอบไม่ติดซักที่ มาฟังกัน
ผมเองเป็นเด็กที่เพื่อนๆเรียกว่า “เด็กกาก” ซึ่งไอการที่จะได้ฉายานี้มา คุณต้องเรียนได้กากในขั้นที่เกินธรรมดาครับ
ปัจจุบันผมเรียนอยู่คณะแพทย์แห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งการที่จะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายครับ เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน
สมัยมัธยม ผมเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมดัง(เงียบ)ฝั่งธนครับ เป็นที่ที่เปลี่ยนชีวิตผมมาก จากเด็กเนิร์ดที่ตั้งใจเรียนมาตั้งแต่ประถม พอก้าวเท้าเข้าโรงเรียนนี้ปั๊บ ชีวิตนี่อัพคลาสกลายเป็นเด็กเกรียนเลยครับ ไปโรงเรียนก็ไม่เคยเรียน ในห้องเข้าไปนั่งหลับหรือไม่ก็ไปนั่งให้ครูด่าเล่น บางทีก็มารอเจอเพื่อนที่หน้าโรงเรียนแล้วก็โดดไปตีแบตบ้าง เรียกว่าชีวิตดีครับ
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สามคน ขอเรียกย่อๆ ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษละกัน มีไอ k ไอ t แล้วก็ไอ c ครับ แต่จะขอเล่าถึงไอ k เป็นหลัก เพราะมันมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุด
ไอ k เป็นคนแรกที่พาชีวิตผมเข้าสู่วงการบันเทิง มันเริ่มต้นตอน ม3 ตอนที่ผมเรียนพิเศษแถวสยามกับมัน หลังจากที่เข้าห้องเรียนสายไป1ชม แล้วหลับต่ออีก ครึ่ง ชม มันก็ตื่นมาพูดกับผม
“เห้ย
ด้วยความที่เป็นเด็กกึ่งเนิดในเวลานั้น ผมเลยห้ามมันไว้ พ่อแม่ส่งเงินมาให้ลูกเรียน จะมาทำตัวแบบนี้มันก็ไม่ถูก จริงไหมครับ แต่สิ่งที่มันตอบกลับคือ
“เห้ย กูโดดแค่วันนี้วันเดียวน่า คราวหน้าไม่โดดละ เคป่าว” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินจากมัน หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าซากวิญญาณของมันในห้องเรียนพิเศษอีกเลย…
ดูจากเพื่อนก็พอจะเดาชีวิต ม ปลายของผมได้ครับ ผมก็เหมือนกับเด็กอีกหลายๆคนคือ ด้วยความที่พ่อแม่อยากให้เป็นหมอ ผมเลยถูกบังคับให้เรียนพิเศษ ถ้าไม่ยอมต้องทำงาน ด้วยความที่เป็นคนมีสันดานขี้เกียจ ผมเลยสมัครเข้าเรียนพิเศษหลายๆที่ ซึ่งแต่ละที่ ผมเข้าไม่กี่รอบก็หายยาวๆครับ พอวันธรรมดา ผมก็เข้าโรงเรียนไปครับ แต่โรงเรียนสำหรับผมมันคล้ายๆกับสถานบันเทิง เข้าไปนั่งเล่น คุยกับเพื่อน เจอเรื่องฮาๆ บางทีก็โดดยกห้องบ้าง ครูไม่สอนบ้าง ประท้วงครูบ้าง (คืออยู่ ม ปลายสามปีนี่ นับวันเรียนได้เลยครับ) พอถึงวันสอบก็เขียนแค่ชื่อแล้วส่งบ้าง สอบเสร็จก็นั่งส่องรูปสาวกับเพื่อนบ้าง ผลที่ตามมาคือ ผมต้องซ่อมเกือบทุกวิชาที่สอบครับ แล้วก็ต้องซ่อมเกือบทุกรอบด้วย
หลังจากที่ใช้ชีวิตแบบบันเทิงมาสามปี พอถึง ม6 ผมก็สมัครสอบเยอะๆ หวังกั๊กเขามั่ง ผมสมัครสอบเภสัชศิลปากร แกทแพทสองรอบ กสพท ยื่นตรงวิศวะเกษตร แล้วก็สมาท1 อีกสองรอบ ยื่นตรงพระมงกุฎอีกรอบนึง ผลที่ได้คือ ผมติดแค่สมาท1 ครั้งเดียวครับ ตอนนั้นหัวใจสลายเลยครับ คณะที่ตั้งเป้ามาตลอด สุดท้ายบินหายไปกับสายลม แล้วที่ใจสลายกว่าคือ เพื่อนๆผมได้คณะที่หวังกัน โดยเฉพาะไอ k ครับ ไม่เคยเข้าเรียนแต่สุดท้ายก็สอบเข้าวิศวะได้ตามที่ต้องการ และไอ t กับไอ c ก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ครับ แต่ตอนนี้มันก็เรียนอยู่จุฬาทั้งคู่ หดหู่มากๆครับ
ตอนนั้นชีวิตเคว้งคว้างมากเลยครับ โดนพ่อแม่กดดัน โดนพี่ด่า ชีวิตก็หมดไฟ ผมเลยเข้าบริหารเพราะขี้เกียจสอบใหม่แล้ว แต่สิ่งที่ได้คือความไม่พอใจครับ มันรู้สึกไม่ดีเลยเวลาที่เราเข้าคณะที่เราคิดว่าไม่ใช่ หลังจากเรียนบริหารอยู่1เดือน ผมก็ตัดสินใจครั้งยิ่งใหย่ที่สุดในชีวิตคือ ซิ่วครับ
หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือมันละเยอะๆ ผมเลือกซื้อหนังสือมาอ่านเองเพราะผมตามการสอนในห้องเรียนพิเศษไม่ทันครับ บางครั้งก็อาศัยเพื่อนที่ตั้งใจเรียนพิเศษจดละเอียดมายืมอ่านเอา และ1ปีซิ่วนี่แทบไม่ได้เที่ยวหรือออกไปไหนเลยครับ และแน่นอน แม่กับพี่ชายจะเข้ามาเช็คในห้องทุกเย็นว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ที่แน่นอนกว่าคือ เค้ามักจะแจ๊คพ็อตเข้ามาเช็คตอนที่ผมกำลังเล่นเกมหลังอ่านเสร็จครับ ก็โดนด่าไปตามระเบียบ
ในระหว่างที่เตรียมตัวสอบ ผมก็ลองสมัครสอบไปอีกสองที่ครับ คือ แพทย์ทหารอากาศกับเภสัชศิลปากรครับ ซึ่งตามที่ทุกคนเดาได้ ผมก็สอบไม่ติดตามเคยด้วยความที่เป็นเด็กกากครับ นี่เป็นหนึ่งในบทสนทนาของผมกับอาจารย์คุมสอบครับ
หลังจากที่ผมส่งกระดาษคำตอบแล้ว อาจารย์ก็ถามขึ้น “นี่เธอ ทำไมตรงนี้ไม่เขียนคำตอบลงไปล่ะ”
“ผมทำไม่ได้ครับอาจารย์” อาจารย์มองผมด้วยสายตามึนงง ก่อนถามต่อ
“ไม่คิดจะมั่วเลยหรอ”
ผมมองหน้าเค้าแปปนึง ก่อนตอบไป “โจทย์ผมยังอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ ผมเลยไม่รู้จะมั่วอะไรลงไป”
อาจารย์มองผมด้วยสายตาเข้าใจก่อนปล่อยให้ผมกลับบ้าน…
หลังจากผ่านประสบการณ์การสอบไม่ติดมาอย่างโชกโชน มันทำให้ผมรู้สึกกลัวครับ กลัวว่าสนาม กสพท ครั้งนี้จะเละอีก แต่ด้วยความที่เราล้มเหลวมาเยอะ เราเลยได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมพยายามอย่างหนักมากขึ้น ทำทุกทางเพื่อให้ติดคณะตามที่หวัง ไม่เว้นแม้แต่ลองเคล็ดตามที่เพื่อนบอกครับ สัปดาห์ก่อนสอบ ไอ k มันเล่าให้ผมฟังว่า วันก่อนสอบมันกับเพื่อนอีกกลุ่มนั่งกินเหล้ากันก่อนวันสอบ แล้วทุกคนในกลุ่มนั้นก็สอบติดตามที่หวังครับ ผมเลยเอามั่ง ตอนนี้ไหนๆก็ไหนๆ ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว สี่วันก่อนสอบผมเลยจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย ซื้อเหล้าเบียมาตุนไว้ โทรเรียกเพื่อนๆและรุ่นพี่ ก่อนจะซดแหลกครับ คืนนี้ไม่เมาไม่นอน ถ้านอนก็ต้องเอาให้เป็นแบบเมาหลับครับ
และสุดท้ายผมก็ทำได้ตามที่หวังครับ ผล กสพท ประกาศแล้ว ผมมีรายชื่ออยู่ในนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จ ความพยายามที่เราทำมาทั้งหมดไม่สูญเปล่า เด็กโง่ๆแบบเราก็ทำได้เหมือนกัน
ชีวิตหลังสอบนี่เป็นอะไรที่ฟินมากครับ เที่ยวทุกวัน นอนวันละสามรอบ พอตื่นนอนก็เที่ยวอีก แต่ตอนนั้นก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง เพราะวันสอบสัมภาษมันยังมาไม่ถึง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกกลัวว่าเราจะไม่ผ่านสนามสัมภาษเอา ผมเลยต้องเตีรยมตัวซักนิด นี่เป็น1ในบทสนทนาตอนสัมภาษณ์ครับ
“เธอมาจากที่นี่เหรอเนี่ย ว่าแต่เธอกินเหล้าหรือเปล่า” อาจารย์ถามผมพร้อมกับเปิดเอกสารข้อมูลโรงเรียนมัธยม
“กินครับ นานๆทีกิน”
“นานๆทีนี่คือ สองสามวันกินทีหรือเปล่า”
“เอ่อ เดือนนึงกินทีครับ แล้วก็แค่กินนิดๆด้วย”
“นิดๆนี่คือเมาเหรอ” ในตอนนั้นผมคิดในใจ ทำไมอาจารย์รู้ดีจังวะ อย่างกะว่ารู้ว่าผมซดแหลกก่อนสอบ
“โอเค งั้นลองแนะนำตัวมาหน่อยซิ” อาจารย์พูด “เธอมีอะไรจะแนะนำตัวมั้ย ชีวประวัติ อะไรก็ได้”
“เอ่อ ว่าไงดีอะครับ คือตอน… ม ปลาย ผมเป็นเด็กไม่เรียนอะครับ วิชาไหนไม่ชอบไม่เข้าทั้งเทอมเลยครับ”
“หืม…แล้วเข้ามาที่นี่จะโดดอีกไหม”
“ไม่แน่ครับ”
หลังจากที่ผมพูดจบ อาจารย์ก็หัวเราะครับ แล้วก็รับผมเข้าเรียน สงสัยอาจถูกใจในความหน้าด้านของผมก็เป็นได้
คือที่เล่ามานี่ก็หวังจะแชร์ประสบการณ์จากทุกคนครับ การเข้าคณะที่ต้องการมันไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องทุ่มแรงกายแรงใจของเราครับ และถึงแม้จะเป็นเด็กไม่เก่ง แต่เราก็สามารถประสบความสำเร็จตามที่ต้องการได้เหมือนกับคนอื่นครับ เพราะงั้นอย่ายอมแพ้ครับ แล้วก็อย่างว่า เกรดที่คณะแพทย์ของผมตอนนี้ได้2.5xครับ เพราะผมโดดทุกคาบที่ไม่เช็คชื่อ ยิ่งอยู่หอแม่ไม่ปลุกนี่สบายครับ จะพยายามพยุงตัวเองให้ไม่โดนรีไทล์นะครับ
ปล.พิมพ์มาตั้งนานยังหาสาระกับสิ่งที่ตัวเองเขียนไม่ได้เบยส์ แต่อยากให้รู้ว่าสอบแพทย์ อ่านหนังสือหนักๆ1ปีก็ติดได้ครับ น้องๆม.5 ม.6 อยากให้รู้ว่าเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายครับ