ในเช้าวันฝนตก ที่จริงก็สายมากแล้ว แต่สำหรับผมมันยังเช้าอยู่ตราบใดที่แสงแดดนั้นยังไม่สามารถสาดส่องผ่านเมฆหนาที่พาฝนโปรยปรายลงมา
ผมได้มีโอกาสไปซื้อกาแฟแถวที่พักที่มาพักชั่วคราวเพื่อทำงาน สั่งไปสั่งมา เพื่อนที่ไปด้วยกันดันไปสะดุดเข้าใส่เมนูกาแฟที่น่าสนใจสามเมนู
ไออุ่น ฤดูรัก ฤดูอกหัก
ผมไม่ลังเลที่จะยิงคำถามใส่เจ้าของร้านทันทีที่เห็นมัน แต่ก่อนหน้านั้น แน่นอน อัพรูป…
เมนูแรก พี่เจ้าของร้านบอกว่าสาเหตุที่มันชื่อไออุ่นเพราะเมนูนี้จะขายเฉพาะแบบร้อนเท่านั้น รสชาติจะหอมกรุ่นและกลมกล่อม มีไออุ่นเบาเบาที่ระเหยขึ้นมาจากกาแฟแก้วนั้น ส่วนประกอบเป็นกาแฟที่ผสมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยอย่างมีเอกลักษณ์ ฟังดูแล้วชวนน่าลอง
สำหรับเมนูถัดมา ฤดูรัก ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่ามันจะต้องหวานแน่แน่ สูตรนี้พี่เขาบอกว่าจะใส่น้ำแดงลงไปในกาแฟด้วย เมนูนี้เพื่อนคาสโนวาของผมเป็นคนสั่ง หลังจากที่มันโซ้ยหมดภายในพริบตามันก็บอกว่า “ก็ดี” … แสดงว่าอาจจะไม่ถึงขั้น แต่ผมว่าเมนูนี้มันแล้วแต่คนนะ เพราะแต่ละคนนั้นรู้จักความหวานไม่เท่ากัน แต่ละคนนั้นรู้จักความรักไม่เท่ากันด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ยังคงมีความหวาน ขอแค่ยังคงมีความรักให้ต่อกัน แค่นั้นก็พอ
เมนูสุดท้าย อันนี้เด็ดสุด ผมคิดว่าเมนูนี้คงขายดีเป็นอันดับต้นต้นของร้านแน่แน่ “ฤดูอกหัก”
ในสามเมนูที่ผมสนใจ ผมสนใจเมนูนี้มากที่สุด ไม่ใช่เพราะผมกำลังอกหัก แต่เป็นเพราะว่าผมอยากรู้ว่าส่วนผสมมันมีอะไรบ้าง ก่อนที่จะถามไป ถ้าเกิดลองจินตนาการให้มันสุดโต่งสักหน่อยอาจจินตนาการได้ว่า อาจมีการผสมน้ำตาของผู้สั่งลงไปด้วย คนให้เข้ากันอย่างกล้ำกลืน เพิ่มพูนความขมขื่นด้วยเศษหัวใจที่แตกสลาย ละลายความเงียบเหงาสำเร็จรูปลงไปอีกที รสชาติอาจนำพามาซึ่งนิยามของกาแฟฤดูอกหัก
แต่มันจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากถามพี่เจ้าของร้าน พี่เขาบอกว่า “กาแฟลูกเดียวเลย” คำคำนี้หมายความว่า ใส่กาแฟอย่างเดียวเลย ให้ขมขื่นกันไปเลย ไม่มีน้ำตาล ไม่มีความหวาน ไม่มีความรัก มีเพียงความจืดชืดและความขมขื่นของกาแฟเพียงเท่านั้น
ผมรู้สึกประทับใจเหตุผลของกาแฟฤดูอกหักนะ “มันดูตรงตัวที่สุดแล้ว” แน่นอน ที่กล้าพูดแบบนั้นก็เพราะว่า ใครใครก็เคยสัมผัสรสชาติของฤดูนั้นกันมาก่อนอยู่แล้ว
หลังจากที่ออกจากร้านมาก็คิดไว้อยู่ว่า อยากจะลองมาที่ร้านนี้อีกครั้ง แน่นอนว่าผมติดใจรสชาติของมอคค่าที่สั่งไปก่อนหน้านั้น และผมก็จะลองมาสั่งเมนูที่เล่ามาข้างต้นนี้ด้วย .. ทั้งสามเมนู แล้วผมจะเอาทั้งสามแก้วนั้นมาเทรวมกัน แล้วตั้งชื่อซะใหม่ว่า “กาแฟบทเรียนชีวิต” ที่ประกอบไปด้วย สุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป ดูซิว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร
ติดตามผลงานได้ที่ fb : ทานตะวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ยินดีต้อนรับ : )
[งานเขียน] กาแฟบทเรียนชีวิต | ทานตะวัน
ผมได้มีโอกาสไปซื้อกาแฟแถวที่พักที่มาพักชั่วคราวเพื่อทำงาน สั่งไปสั่งมา เพื่อนที่ไปด้วยกันดันไปสะดุดเข้าใส่เมนูกาแฟที่น่าสนใจสามเมนู
ไออุ่น ฤดูรัก ฤดูอกหัก
ผมไม่ลังเลที่จะยิงคำถามใส่เจ้าของร้านทันทีที่เห็นมัน แต่ก่อนหน้านั้น แน่นอน อัพรูป…
เมนูแรก พี่เจ้าของร้านบอกว่าสาเหตุที่มันชื่อไออุ่นเพราะเมนูนี้จะขายเฉพาะแบบร้อนเท่านั้น รสชาติจะหอมกรุ่นและกลมกล่อม มีไออุ่นเบาเบาที่ระเหยขึ้นมาจากกาแฟแก้วนั้น ส่วนประกอบเป็นกาแฟที่ผสมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยอย่างมีเอกลักษณ์ ฟังดูแล้วชวนน่าลอง
สำหรับเมนูถัดมา ฤดูรัก ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่ามันจะต้องหวานแน่แน่ สูตรนี้พี่เขาบอกว่าจะใส่น้ำแดงลงไปในกาแฟด้วย เมนูนี้เพื่อนคาสโนวาของผมเป็นคนสั่ง หลังจากที่มันโซ้ยหมดภายในพริบตามันก็บอกว่า “ก็ดี” … แสดงว่าอาจจะไม่ถึงขั้น แต่ผมว่าเมนูนี้มันแล้วแต่คนนะ เพราะแต่ละคนนั้นรู้จักความหวานไม่เท่ากัน แต่ละคนนั้นรู้จักความรักไม่เท่ากันด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ยังคงมีความหวาน ขอแค่ยังคงมีความรักให้ต่อกัน แค่นั้นก็พอ
เมนูสุดท้าย อันนี้เด็ดสุด ผมคิดว่าเมนูนี้คงขายดีเป็นอันดับต้นต้นของร้านแน่แน่ “ฤดูอกหัก”
ในสามเมนูที่ผมสนใจ ผมสนใจเมนูนี้มากที่สุด ไม่ใช่เพราะผมกำลังอกหัก แต่เป็นเพราะว่าผมอยากรู้ว่าส่วนผสมมันมีอะไรบ้าง ก่อนที่จะถามไป ถ้าเกิดลองจินตนาการให้มันสุดโต่งสักหน่อยอาจจินตนาการได้ว่า อาจมีการผสมน้ำตาของผู้สั่งลงไปด้วย คนให้เข้ากันอย่างกล้ำกลืน เพิ่มพูนความขมขื่นด้วยเศษหัวใจที่แตกสลาย ละลายความเงียบเหงาสำเร็จรูปลงไปอีกที รสชาติอาจนำพามาซึ่งนิยามของกาแฟฤดูอกหัก
แต่มันจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากถามพี่เจ้าของร้าน พี่เขาบอกว่า “กาแฟลูกเดียวเลย” คำคำนี้หมายความว่า ใส่กาแฟอย่างเดียวเลย ให้ขมขื่นกันไปเลย ไม่มีน้ำตาล ไม่มีความหวาน ไม่มีความรัก มีเพียงความจืดชืดและความขมขื่นของกาแฟเพียงเท่านั้น
ผมรู้สึกประทับใจเหตุผลของกาแฟฤดูอกหักนะ “มันดูตรงตัวที่สุดแล้ว” แน่นอน ที่กล้าพูดแบบนั้นก็เพราะว่า ใครใครก็เคยสัมผัสรสชาติของฤดูนั้นกันมาก่อนอยู่แล้ว
หลังจากที่ออกจากร้านมาก็คิดไว้อยู่ว่า อยากจะลองมาที่ร้านนี้อีกครั้ง แน่นอนว่าผมติดใจรสชาติของมอคค่าที่สั่งไปก่อนหน้านั้น และผมก็จะลองมาสั่งเมนูที่เล่ามาข้างต้นนี้ด้วย .. ทั้งสามเมนู แล้วผมจะเอาทั้งสามแก้วนั้นมาเทรวมกัน แล้วตั้งชื่อซะใหม่ว่า “กาแฟบทเรียนชีวิต” ที่ประกอบไปด้วย สุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป ดูซิว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร
ติดตามผลงานได้ที่ fb : ทานตะวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้