หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้
อยากจะถามดู ว่าเธอเป็นอย่างหมอกหรือควัน
หมอกจะงดงามและทำให้เยือกเย็น
แสนจะเย็นสบายเมื่อยามเช้า
ถ้าเป็นควันไฟ ถึงจะบางจะเบา
หากเข้านัยน์ตาเรา ก็คงจะทำให้เสียน้ำตา
เธอเป็นอย่างไงฉันอยากรู้
เพราะฉันดูเธอไม่ออก ยังคงไม่เข้าใจ
บางทีเธอเป็นเช่นหมอกขาว
และบางคราวเธอเป็นเหมือนควัน
ฉันนั้นชักไม่มั่นใจ
เพราะถ้าฉันต้องเสี่ยงกับควันไฟ
จะเตรียมตัวและเตรียมใจ
ถอนตัวเพราะว่ากลัวจะเสียน้ำตา
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปนะคะ วันนี้เราก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียนรีวิวทริปเที่ยวของเราอีกครั้ง หลังจากมรสุมชีวิตเด็กเอนท์ได้ผ่านไปค่ะ พูดเลยว่าเรื่องเรียนหนักแค่ไหนเรื่องเล่นเราต้องหนักกว่านั้นสองเท่า ความจริงทริปนี้เรากับเพื่อนๆคุยกันไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้วว่ามีโอกาสจะต้องมาเชียงใหม่ให้ได้ เพราะเชียงใหม่ถือจุดหมายในฝันของเด็กวัยรุ่นหลายๆคนเลยทีเดียวค่ะ หนึ่งคือเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นกล้องมาก บนดอยก็เป็นท้องฟ้ากับหญ้าคูลๆ พระธาตุงามๆ ลงมาในเมืองก็มีวัดวาอาราม ประตูเมืองเก่าแก่ที่ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย สองก็คือความง่ายในการเดินทาง ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไรเลย สามคือเสน่ห์คนเมือง ที่ว่าใจดีและน่ารักมากๆเลยค่ะ สำหรับเนื้อเพลงหมอกหรือควันด้านบนซึ่งขับร้องโดยพี่เบิร์ดนั้น ขอให้ใช้เพลงประจำทริป ร้องคลอๆไประหว่างอ่านกระทู้ก็ได้ค่ะ เพราะตอนเขียนกระทู้นี้ เราก็ฟังแบบวนลูปไปเหมือนกันค่ะ เพลงพี่เบิร์ดนี่มันอมตะจริงๆนะคะ
เข้าเรื่องกันเถอะค่ะ ทริปนี้เริ่มประมาณปลายเดือนกุมภา จัดการเรื่องสอบต่างๆกันเสร็จก็แพลนเที่ยวกันเลย ประจวบเหมาะกับมีโปรตั๋วจากนานาสายการบินมาเลยทีเดียว เลยจัดการได้ตั๋วของไทยไลออนแอร์สำหรับขาไปกับนกแอร์สำหรับขากลับค่ะ
ทริปนี้เราจัดเวลาไว้สี่วันสามคืนเพราะกะจะเที่ยวแบบชิลๆค่ะ บินพุธเช้ากลับเสาร์ดึก ส่วนที่พักเราเลือกโฮสเทลเพราะจะได้ประหยัดและจะได้พบเจอเพื่อนๆชาวแบคแพคจากทั่วโลกด้วยค่ะ (เหตุผลเพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จนบางทีอาจลึกซึ้งไปถึงขึ้นตกหลุมรักและได้มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งก่อนจะพบว่าวันรุ่งขึ้นเขาต้องบินกลับยุโรปในขณะที่เรายังเหลือเวลาอีกสองวันในเชียงใหม่แต่จะบินตามกลับไปก็ไม่ได้เพราะเสียดายเงิน จึงได้แต่เที่ยวต่อแบบเหงาๆจนเกิดเป็นนิยายเรื่องใหม่เช่น
ล้านนา ลาแล้วรัก เป็นต้น) สำหรับตารางการท่องเที่ยวแบบคร่าวๆของเรานั้นมีดังนี้ค่ะ
วันแรก (วันพุธ)
ลงเครื่องแปดโมง ขึ้นดอยอินทนนท์ เที่ยวบนดอย ค้างหนึ่งคืน
วันที่สอง (วันพฤหัส)
ไปเดินกิ่วแม่ปาน ลงดอย กลับเข้าเมือง เชคอินโฮสเทล เที่ยวในเมืองต่อ
วันที่สาม (วันศุกร์)
ขึ้นดอยสุเทพ ลงมาเที่ยวต่อในเมือง
วันที่สี่ (วันเสาร์)
ขี่จักรยานเที่ยววัดรอบเมือง ไปถนนคนเดิน กลับกรุงเทพฯ
จากแผนการคร่าวๆจะเห็นได้ว่าเราแบ่งเวลาให้ในเมืองเยอะ จนบางทีก็เยอะเกินไป ซึ่งก็จริงค่ะ ความจริงวันเดียวก็ครบแล้ว (ถ้าจะเที่ยวแบบเก็บเช็คพ็อยท์นะคะ)
วันแรก
เครื่องออกจากดอนเมืองตอนเจ็ดโมงห้านาทีค่ะ ไปถึงสนามบินแปดโมงสิบห้า พอไปถึงน้ารถตู้ที่เหมาไว้ตั้งแต่แรกก็มารออยู่แล้ว จากนั้นจึงมุ่งหน้าขึ้นดอยอินทนนท์กันค่ะ
แผนการเที่ยวทั้งหมดบนดอยอินทนนท์น้ารถตู้เป็นคนแนะนำค่ะ ว่าไปน้ำตกไหนดี ที่ไหนสวยงี้ แต่แอบเสียใจที่ไม่ได้ไปน้ำตกแม่ยะที่ตอนแรกอยากไปดูมากค่ะ
เริ่มที่สถานที่แรก ผาช่อ
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. เช็คสภาพอากาศ
2. ร่ม
3. รองเท้านุ่มๆ หรือรองเท้ากีฬายิ่งดี
3. โบกครีมกันให้หนาๆ และระวังครีมกันแดดที่มีรองพื้นด้วยค่ะ ถ้าหนาเกินไปเดี๋ยวเดินๆอยู่เพื่อนหันหลังมามองหน้าแล้วจะตกใจ
เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่ของผู้ร่วมทริปหกคนรวมกันเท่ากับ 0 (แหงหล่ะ ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่จริงๆก็คงจะไม่มาช่วงนี้) จึงจะมาคาดหวังการเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะพบเจอข้างหน้าจากพวกเราไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีลงจากรถตู้มารองพื้นที่โป๊ะไว้ก็ระเหยไปเสียแล้ว ไม่มีร่ม ไม่มีอะไรทั้งนั้น น้ารถตู้ก็บอกจะไปที่จอดรถด้านล่างแล้วขับรถออกไปเลย ตัดภาพมาอีกทีผู้หญิงหกคนกับตุ๊ดอีกกำลังมองหน้ากันด้วยความไม่มั่นใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตกันดี กลับตัวก็ไม่ทันแล้ว มีทางเดียวคือเดินต่อไปให้ถึง ว่าแล้วก็เดินต่อกันค่ะ
อ้อ อีกอย่างนึงคือทางเดินไปผาช่อค่อนข้างไกลและร้อน น้ำดื่มจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆค่ะ
มีที่พักระหว่าทางด้วยยยย
ถึงแล้ววววว เขาบอกว่านี่เป็นแกรนด์แคนย่อนเมืองไทยค่ะ พอเดินมาถึงนี่ลืมความเหนื่อยความหิวไปเลยค่ะ สวยมว้ากกกกก (เอาจริงๆก็ยังเหนื่อยยังหิวเหมือนเดิมค่ะ แค่มีวิวสวยๆอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง กลัวเขียนแบบนี้ไปตั้งแต่แรกแล้วจะไม่ได้ฟีลตกตะลึงพรึงเพริดค่ะ)
เสร็จจากผาช่อ เราก็มาแวะทานอาหารกลางวันที่น้ำตกวชิรธารค่ะ เสร็จแล้วก็เดินเล่นให้อาหารย่อยแถวน้ำตก สวยงามมากค่ะ
จากนั้นน้ารถตู้ก็พาเรามาจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์ ตรงยอดดอยนี้เหมือนมีใครเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลาเลยค่ะ ลงจากรถตู้ทีนี่แปลงร่างเป็นพี่ลูกเกดเดอะเฟสไทยแลนด์เลยค่ะ ขนลุกแล้วค่ะ ขนลุกแล้วววว สุดยอดมากจริงๆค่ะ
เสร็จแล้วเราก็มาเดินเล่นในอ่างกาค่ะ แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนป่าค่อนข้างโทรมเราเลยเดินเข้าไปนิดนึงแล้วจึงเดินกลับออกมา (ถ้าเอาจริงๆก็คือเหนื่อยน่ะค่ะ คนหยิบโหย่งแบบพวกเราเดินไปไหนได้ไม่นานหรอก555)
ในลำดับถัดไปไฮไลต์ของดอยอินทนนท์เลยก็ว่าได้ค่ะ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ สองพระธาตุที่ตั้งตระง่านท่านกลางขุนเขาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหมอก (เอ๊ะ หรือว่าควัน เพลงพี่เบิร์ดขึ้นค่ะ!) พูดได้คำเดียวค่ะ สวย สองคำก็ได้ สวยมาก สวนดอกไม้ขนาดในหน้าร้อนยังสวยขนาดนี้ หน้าหนาวดอกไม้คงฉ่ำวาวกว่านี้แน่ๆค่ะ
รูปนี้เป็นวิวจากพระธาตุ มุมท็อปมากค่ะ งามมาก ตะลึงเลยค่ะ
ในลำดับถัดมาเราจะเข้าที่พักกันค่ะ จากการหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีพระคุณกับเรามากที่สุด ซึ่งก็คือพันทิปนั่นเองค่ะ ได้ข้อมูลมาว่าหากจะค้างคืนบนดอยอินทนนท์ควรจะพักที่ดอยชัวญ่าซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ มีทั้งบ้านพักและเต้นท์ให้เช่าค่ะ มีหมูกระทะด้วยนะคะ (และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เลือกพักที่นี่ค่ะ)
วิวบริเวณที่พักค่ะ มองไปไกลๆจะเห็นสถานีเกษตร
ไม่ว่าเราจะรักกันแค่ไหนก็ไม่มีคำว่ามิตรภาพบนเตาหมูกระทะอย่างแน่นอนค่ะ
เต้นท์สำหรับหกคนทางรีสอร์ทมีให้เช่าได้ในราคา 700 บาทค่ะ รวมกับผ้าห่มหมอนและผ้าปูรองนอนก็พันนึงพอดีค่ะ เต้นท์ขนาดนี้ถ้าเป็นผู้หญิงล้วนแบบพวกเรา (ตุ๊ดตัวเล็กน่ารักสองคนนับเป็นผู้หญิงนะคะ) ถือว่านอนกันกำลังสบายเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันอาจจะเบียดกันนิดนึงนะคะ
รูปนี้ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสี่ เห็นว่าสวยดีเลยถ่ายไว้ค่ะ
สำหรับวันแรกขอจบไว้แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยววันที่เหลือจะตามมาทีหลัง ขอบคุณค่าาาาาาาาาา
[CR] hazylanna รีวิวเที่ยวเชียงใหม่หน้าร้อน ที่ไม่ได้ร้อนสักเท่าไหร่
อยากจะถามดู ว่าเธอเป็นอย่างหมอกหรือควัน
หมอกจะงดงามและทำให้เยือกเย็น
แสนจะเย็นสบายเมื่อยามเช้า
ถ้าเป็นควันไฟ ถึงจะบางจะเบา
หากเข้านัยน์ตาเรา ก็คงจะทำให้เสียน้ำตา
เธอเป็นอย่างไงฉันอยากรู้
เพราะฉันดูเธอไม่ออก ยังคงไม่เข้าใจ
บางทีเธอเป็นเช่นหมอกขาว
และบางคราวเธอเป็นเหมือนควัน
ฉันนั้นชักไม่มั่นใจ
เพราะถ้าฉันต้องเสี่ยงกับควันไฟ
จะเตรียมตัวและเตรียมใจ
ถอนตัวเพราะว่ากลัวจะเสียน้ำตา
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปนะคะ วันนี้เราก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียนรีวิวทริปเที่ยวของเราอีกครั้ง หลังจากมรสุมชีวิตเด็กเอนท์ได้ผ่านไปค่ะ พูดเลยว่าเรื่องเรียนหนักแค่ไหนเรื่องเล่นเราต้องหนักกว่านั้นสองเท่า ความจริงทริปนี้เรากับเพื่อนๆคุยกันไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้วว่ามีโอกาสจะต้องมาเชียงใหม่ให้ได้ เพราะเชียงใหม่ถือจุดหมายในฝันของเด็กวัยรุ่นหลายๆคนเลยทีเดียวค่ะ หนึ่งคือเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นกล้องมาก บนดอยก็เป็นท้องฟ้ากับหญ้าคูลๆ พระธาตุงามๆ ลงมาในเมืองก็มีวัดวาอาราม ประตูเมืองเก่าแก่ที่ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย สองก็คือความง่ายในการเดินทาง ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไรเลย สามคือเสน่ห์คนเมือง ที่ว่าใจดีและน่ารักมากๆเลยค่ะ สำหรับเนื้อเพลงหมอกหรือควันด้านบนซึ่งขับร้องโดยพี่เบิร์ดนั้น ขอให้ใช้เพลงประจำทริป ร้องคลอๆไประหว่างอ่านกระทู้ก็ได้ค่ะ เพราะตอนเขียนกระทู้นี้ เราก็ฟังแบบวนลูปไปเหมือนกันค่ะ เพลงพี่เบิร์ดนี่มันอมตะจริงๆนะคะ
เข้าเรื่องกันเถอะค่ะ ทริปนี้เริ่มประมาณปลายเดือนกุมภา จัดการเรื่องสอบต่างๆกันเสร็จก็แพลนเที่ยวกันเลย ประจวบเหมาะกับมีโปรตั๋วจากนานาสายการบินมาเลยทีเดียว เลยจัดการได้ตั๋วของไทยไลออนแอร์สำหรับขาไปกับนกแอร์สำหรับขากลับค่ะ
ทริปนี้เราจัดเวลาไว้สี่วันสามคืนเพราะกะจะเที่ยวแบบชิลๆค่ะ บินพุธเช้ากลับเสาร์ดึก ส่วนที่พักเราเลือกโฮสเทลเพราะจะได้ประหยัดและจะได้พบเจอเพื่อนๆชาวแบคแพคจากทั่วโลกด้วยค่ะ (เหตุผลเพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จนบางทีอาจลึกซึ้งไปถึงขึ้นตกหลุมรักและได้มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งก่อนจะพบว่าวันรุ่งขึ้นเขาต้องบินกลับยุโรปในขณะที่เรายังเหลือเวลาอีกสองวันในเชียงใหม่แต่จะบินตามกลับไปก็ไม่ได้เพราะเสียดายเงิน จึงได้แต่เที่ยวต่อแบบเหงาๆจนเกิดเป็นนิยายเรื่องใหม่เช่น ล้านนา ลาแล้วรัก เป็นต้น) สำหรับตารางการท่องเที่ยวแบบคร่าวๆของเรานั้นมีดังนี้ค่ะ
วันแรก (วันพุธ)
ลงเครื่องแปดโมง ขึ้นดอยอินทนนท์ เที่ยวบนดอย ค้างหนึ่งคืน
วันที่สอง (วันพฤหัส)
ไปเดินกิ่วแม่ปาน ลงดอย กลับเข้าเมือง เชคอินโฮสเทล เที่ยวในเมืองต่อ
วันที่สาม (วันศุกร์)
ขึ้นดอยสุเทพ ลงมาเที่ยวต่อในเมือง
วันที่สี่ (วันเสาร์)
ขี่จักรยานเที่ยววัดรอบเมือง ไปถนนคนเดิน กลับกรุงเทพฯ
จากแผนการคร่าวๆจะเห็นได้ว่าเราแบ่งเวลาให้ในเมืองเยอะ จนบางทีก็เยอะเกินไป ซึ่งก็จริงค่ะ ความจริงวันเดียวก็ครบแล้ว (ถ้าจะเที่ยวแบบเก็บเช็คพ็อยท์นะคะ)
วันแรก
เครื่องออกจากดอนเมืองตอนเจ็ดโมงห้านาทีค่ะ ไปถึงสนามบินแปดโมงสิบห้า พอไปถึงน้ารถตู้ที่เหมาไว้ตั้งแต่แรกก็มารออยู่แล้ว จากนั้นจึงมุ่งหน้าขึ้นดอยอินทนนท์กันค่ะ
แผนการเที่ยวทั้งหมดบนดอยอินทนนท์น้ารถตู้เป็นคนแนะนำค่ะ ว่าไปน้ำตกไหนดี ที่ไหนสวยงี้ แต่แอบเสียใจที่ไม่ได้ไปน้ำตกแม่ยะที่ตอนแรกอยากไปดูมากค่ะ
เริ่มที่สถานที่แรก ผาช่อ
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. เช็คสภาพอากาศ
2. ร่ม
3. รองเท้านุ่มๆ หรือรองเท้ากีฬายิ่งดี
3. โบกครีมกันให้หนาๆ และระวังครีมกันแดดที่มีรองพื้นด้วยค่ะ ถ้าหนาเกินไปเดี๋ยวเดินๆอยู่เพื่อนหันหลังมามองหน้าแล้วจะตกใจ
เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่ของผู้ร่วมทริปหกคนรวมกันเท่ากับ 0 (แหงหล่ะ ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่จริงๆก็คงจะไม่มาช่วงนี้) จึงจะมาคาดหวังการเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะพบเจอข้างหน้าจากพวกเราไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีลงจากรถตู้มารองพื้นที่โป๊ะไว้ก็ระเหยไปเสียแล้ว ไม่มีร่ม ไม่มีอะไรทั้งนั้น น้ารถตู้ก็บอกจะไปที่จอดรถด้านล่างแล้วขับรถออกไปเลย ตัดภาพมาอีกทีผู้หญิงหกคนกับตุ๊ดอีกกำลังมองหน้ากันด้วยความไม่มั่นใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตกันดี กลับตัวก็ไม่ทันแล้ว มีทางเดียวคือเดินต่อไปให้ถึง ว่าแล้วก็เดินต่อกันค่ะ
อ้อ อีกอย่างนึงคือทางเดินไปผาช่อค่อนข้างไกลและร้อน น้ำดื่มจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆค่ะ
มีที่พักระหว่าทางด้วยยยย
ถึงแล้ววววว เขาบอกว่านี่เป็นแกรนด์แคนย่อนเมืองไทยค่ะ พอเดินมาถึงนี่ลืมความเหนื่อยความหิวไปเลยค่ะ สวยมว้ากกกกก (เอาจริงๆก็ยังเหนื่อยยังหิวเหมือนเดิมค่ะ แค่มีวิวสวยๆอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง กลัวเขียนแบบนี้ไปตั้งแต่แรกแล้วจะไม่ได้ฟีลตกตะลึงพรึงเพริดค่ะ)
เสร็จจากผาช่อ เราก็มาแวะทานอาหารกลางวันที่น้ำตกวชิรธารค่ะ เสร็จแล้วก็เดินเล่นให้อาหารย่อยแถวน้ำตก สวยงามมากค่ะ
จากนั้นน้ารถตู้ก็พาเรามาจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์ ตรงยอดดอยนี้เหมือนมีใครเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลาเลยค่ะ ลงจากรถตู้ทีนี่แปลงร่างเป็นพี่ลูกเกดเดอะเฟสไทยแลนด์เลยค่ะ ขนลุกแล้วค่ะ ขนลุกแล้วววว สุดยอดมากจริงๆค่ะ
เสร็จแล้วเราก็มาเดินเล่นในอ่างกาค่ะ แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนป่าค่อนข้างโทรมเราเลยเดินเข้าไปนิดนึงแล้วจึงเดินกลับออกมา (ถ้าเอาจริงๆก็คือเหนื่อยน่ะค่ะ คนหยิบโหย่งแบบพวกเราเดินไปไหนได้ไม่นานหรอก555)
ในลำดับถัดไปไฮไลต์ของดอยอินทนนท์เลยก็ว่าได้ค่ะ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ สองพระธาตุที่ตั้งตระง่านท่านกลางขุนเขาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหมอก (เอ๊ะ หรือว่าควัน เพลงพี่เบิร์ดขึ้นค่ะ!) พูดได้คำเดียวค่ะ สวย สองคำก็ได้ สวยมาก สวนดอกไม้ขนาดในหน้าร้อนยังสวยขนาดนี้ หน้าหนาวดอกไม้คงฉ่ำวาวกว่านี้แน่ๆค่ะ
รูปนี้เป็นวิวจากพระธาตุ มุมท็อปมากค่ะ งามมาก ตะลึงเลยค่ะ
ในลำดับถัดมาเราจะเข้าที่พักกันค่ะ จากการหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีพระคุณกับเรามากที่สุด ซึ่งก็คือพันทิปนั่นเองค่ะ ได้ข้อมูลมาว่าหากจะค้างคืนบนดอยอินทนนท์ควรจะพักที่ดอยชัวญ่าซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ มีทั้งบ้านพักและเต้นท์ให้เช่าค่ะ มีหมูกระทะด้วยนะคะ (และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เลือกพักที่นี่ค่ะ)
วิวบริเวณที่พักค่ะ มองไปไกลๆจะเห็นสถานีเกษตร
ไม่ว่าเราจะรักกันแค่ไหนก็ไม่มีคำว่ามิตรภาพบนเตาหมูกระทะอย่างแน่นอนค่ะ
เต้นท์สำหรับหกคนทางรีสอร์ทมีให้เช่าได้ในราคา 700 บาทค่ะ รวมกับผ้าห่มหมอนและผ้าปูรองนอนก็พันนึงพอดีค่ะ เต้นท์ขนาดนี้ถ้าเป็นผู้หญิงล้วนแบบพวกเรา (ตุ๊ดตัวเล็กน่ารักสองคนนับเป็นผู้หญิงนะคะ) ถือว่านอนกันกำลังสบายเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันอาจจะเบียดกันนิดนึงนะคะ
รูปนี้ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสี่ เห็นว่าสวยดีเลยถ่ายไว้ค่ะ
สำหรับวันแรกขอจบไว้แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยววันที่เหลือจะตามมาทีหลัง ขอบคุณค่าาาาาาาาาา