อยากจะให้เก็บภาษีที่ดินแบบอังกฤษ
http://pantip.com/topic/33344408
เป็นการแบ่งมูลค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นขั้นบันได
ซึ่งแบ่งถี่มากถึง 8 ขั้น (ฺBand A - Band H)
เฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2%
........
ระบบนี้มันบังคับให้คนที่อยู่ในที่ดินต้องทำประโยชน์ให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย
ถ้าสู้ไม่ไหวก็ต้องคายที่ดิน เพื่อให้คนที่สู้ไหวเข้ามาทำประโยชน์ต่อ
แล้วออกไปถือครองในขั้นที่ต่ำกว่า
วิธีนี้ ทำให้เกิดการลงทุนกระจายไปยังขั้นที่ดินที่ต่ำกว่า
ก่อให้เกิดการพัฒนากระจายออกไปในแนวราบ
ไม่กระจุกกันอยู่แต่ กทม.หรือหัวเมืองใหญ่
.............
ส่วนคนที่มีความสามารถจะทำประโยชน์ในขั้นที่ดินที่สูง แต่ประสบปัญหาว่าเขาไม่ยอมขาย
ก็จะมีโอกาสได้เข้าทำประโยชน์มากขึ้น
เพราะคนที่ถือครองที่ดินในขั้นที่สูงเกินตัว จำเป็นต้องคายเพื่อหนีค่าใช้จ่าย
ดีกว่าปล่อยให้เป็นอสังหาฯที่รกร้างว่างเปล่า แบบที่เห็นกันทั่วไปในกรุงเทพ หรือหัวเมืองใหญ่
ที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมทำประโยชน์ รอขายแพง รอรถไฟฟ้า เช่น บ้านเก่า ตึกร้าง ที่ดินรกร้าง
...........
หลายคนอาจจะคิดว่า แบบนี้คนจนต้องได้คายที่ดินกันหมด คนรวยต้องหอบไว้แน่ๆ
เขาหอบไว้เฉยๆไม่ได้ครับ เขาต้องจ่ายภาษีเหมือนกัน เขาต้องคำนวนว่าถือยังไงถึงจะกำไร
มันทำให้คนรวยที่จะ stock ที่ดินต้องคิดหนัก
มันไม่ได้หากินง่ายๆแบบเดิมที่ว่า ซื้อถูก แล้วปล่อยไว้งั้น รอหลายๆปี หรือรอลูกโต แล้วขายตอนแพง
เจ้าของที่ดินอาจจะต้องตัดใจขายเพื่อหนีค่าใช้จ่าย
ซึ่งต้องจ่ายภาษีเป็นเงินสดทุกปี
กระแสเงินสดตัวนี้แหละครับที่จะเป็นแรงผลักดันให้คนที่ถือที่ดินเฉยๆลำบากมาก
ลองถือสัก 10 ไร่ ใน Band ที่มีราคาสูงก็ตายแน่ครับ
เขาต้องขายไปถือใน Band ที่มีราคาต่ำ
เกิดการพัฒนาทั้งสอง Band
ใครถือเป็นร้อยเป็นพันไร่ในต่างจังหวัด ถ้าไม่สามารถทำกำไรได้ ก็ตายเหมือนกัน
ก็จำเป็นต้องคายออกมาสู่ตลาด เกิดแรงผลักดันการพัฒนาอสังหาออกไปรอบนอกในแนวราบ
และกระจายการถือครองเข้าทำประโยชน์
คนจนมีโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินมากขึ้นด้วยซ้ำไป
..........
ภาษีที่ดิน เอาแบบนี้ไหมครับคุณสมหมาย
http://pantip.com/topic/33344408
เป็นการแบ่งมูลค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นขั้นบันได
ซึ่งแบ่งถี่มากถึง 8 ขั้น (ฺBand A - Band H)
เฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2%
........
ระบบนี้มันบังคับให้คนที่อยู่ในที่ดินต้องทำประโยชน์ให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย
ถ้าสู้ไม่ไหวก็ต้องคายที่ดิน เพื่อให้คนที่สู้ไหวเข้ามาทำประโยชน์ต่อ
แล้วออกไปถือครองในขั้นที่ต่ำกว่า
วิธีนี้ ทำให้เกิดการลงทุนกระจายไปยังขั้นที่ดินที่ต่ำกว่า
ก่อให้เกิดการพัฒนากระจายออกไปในแนวราบ
ไม่กระจุกกันอยู่แต่ กทม.หรือหัวเมืองใหญ่
.............
ส่วนคนที่มีความสามารถจะทำประโยชน์ในขั้นที่ดินที่สูง แต่ประสบปัญหาว่าเขาไม่ยอมขาย
ก็จะมีโอกาสได้เข้าทำประโยชน์มากขึ้น
เพราะคนที่ถือครองที่ดินในขั้นที่สูงเกินตัว จำเป็นต้องคายเพื่อหนีค่าใช้จ่าย
ดีกว่าปล่อยให้เป็นอสังหาฯที่รกร้างว่างเปล่า แบบที่เห็นกันทั่วไปในกรุงเทพ หรือหัวเมืองใหญ่
ที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมทำประโยชน์ รอขายแพง รอรถไฟฟ้า เช่น บ้านเก่า ตึกร้าง ที่ดินรกร้าง
...........
หลายคนอาจจะคิดว่า แบบนี้คนจนต้องได้คายที่ดินกันหมด คนรวยต้องหอบไว้แน่ๆ
เขาหอบไว้เฉยๆไม่ได้ครับ เขาต้องจ่ายภาษีเหมือนกัน เขาต้องคำนวนว่าถือยังไงถึงจะกำไร
มันทำให้คนรวยที่จะ stock ที่ดินต้องคิดหนัก
มันไม่ได้หากินง่ายๆแบบเดิมที่ว่า ซื้อถูก แล้วปล่อยไว้งั้น รอหลายๆปี หรือรอลูกโต แล้วขายตอนแพง
เจ้าของที่ดินอาจจะต้องตัดใจขายเพื่อหนีค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องจ่ายภาษีเป็นเงินสดทุกปี
กระแสเงินสดตัวนี้แหละครับที่จะเป็นแรงผลักดันให้คนที่ถือที่ดินเฉยๆลำบากมาก
ลองถือสัก 10 ไร่ ใน Band ที่มีราคาสูงก็ตายแน่ครับ
เขาต้องขายไปถือใน Band ที่มีราคาต่ำ
เกิดการพัฒนาทั้งสอง Band
ใครถือเป็นร้อยเป็นพันไร่ในต่างจังหวัด ถ้าไม่สามารถทำกำไรได้ ก็ตายเหมือนกัน
ก็จำเป็นต้องคายออกมาสู่ตลาด เกิดแรงผลักดันการพัฒนาอสังหาออกไปรอบนอกในแนวราบ
และกระจายการถือครองเข้าทำประโยชน์
คนจนมีโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินมากขึ้นด้วยซ้ำไป
..........