เมืองไทยของเรานั้นเป็นเมืองร้อน ไม่ว่าจะเดือนไหนฤดูไหน อากาศและแสงแดดก็ไม่ได้น้อยลงไปซักเท่าไหร่นะคะ ยิ่งช่วงฤดูร้อนด้วยแล้ว แดดจัดจนบางทีก็รู้สึกแสบผิวกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าแสงอาทิตย์จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และให้วิตามิน แต่การได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ อันได้แก่ โรคมะเร็งผิวหนังได้นะคะ โดยมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเป็นชนิดหนึ่งที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และมีความสัมพันธ์กับการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งเป็นรังสีจากดวงอาทิตย์โดยตรงคะ
การรับผลกระทบจากแสงแดดขึ้นอยู่กับประเภทของผิวหนังด้วยคะ โดยจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ในบางรายจะพบความเสี่ยงในการได้รับผลกระทบที่อันตรายมากกว่าคนอื่นๆ ประเภทของผิวที่ต่างกันจะส่งผลกระทบต่อระดับการเผาไหม้จากแสงแดดที่แตกต่างกัน รวมทั้งระยะเวลาที่ถูกเผาไหม้ด้วยคะ อธิบายคร่าวๆตามสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แบ่งประเภทประเภทผิวออกเป็นระดับ 1 ถึง 6 โดยบุคคลที่มีสภาพผิวในระดับที่ต่ำกว่า (1 และ 2) จะมีผิวขาว และมีแนวโน้มที่จะถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า ส่วนบุคคลที่มีสภาพผิวในระดับสูง (5 และ 6) จะมีผิวคล้ำ และผิวหนังจะไม่ถูกแดดเผาไหม้ง่ายเท่ากับคนผิวขาวคะ
ทั้งนี้เราสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยการใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธีนะคะ
ครีมกันแดดสามารถสะท้อน และดูดซับรังสี UVA และ UVB ได้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้กำหนดให้ครีมกันแดดทุกประเภทมีฉลากแสดงค่า Sun Protection Factor (SPF) ซึ่งค่าดังกล่าวจะช่วยแสดงให้เห็นระดับของการป้องกันจากการถูกแดดเผาไหม้ได้คะ ครีมกันแดดที่แนะนำ ควรมีค่า SPF ไม่น้อยกว่า 15 ซึ่งทุกๆ คนควรทราบว่าค่า SPF 30 ไม่ได้ช่วยป้องกันแสงแดดเป็นสองเท่าของค่า SPF 15 แต่เมื่อนำครีมที่มีค่า SPF 15 มาใช้อย่างถูกต้อง มันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้มากถึงร้อยละ 93 และครีมที่มีค่า SPF 30 จะช่วยป้องกันที่อัตราร้อยละ 97 และแม้ว่าการจัดอันดับค่า SPF ที่พบในครีมกันแดดส่วนใหญ่จะหมายถึงการปกป้องรังสี UVB แต่ผู้ผลิตครีมกันแดดหลายรายจะรวมส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA เอาไว้เช่นกันคะ ซึ่งครีมกันแดดกลุ่มที่มีขอบเขตการออกฤทธิ์ประเภทนี้เป็นประเภทที่แนะนำคะ
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดแรงๆนะคะ
(ข้อมูลจาก epa.gov)
ปกป้องผิวสวยจากแสงแดด
การรับผลกระทบจากแสงแดดขึ้นอยู่กับประเภทของผิวหนังด้วยคะ โดยจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ในบางรายจะพบความเสี่ยงในการได้รับผลกระทบที่อันตรายมากกว่าคนอื่นๆ ประเภทของผิวที่ต่างกันจะส่งผลกระทบต่อระดับการเผาไหม้จากแสงแดดที่แตกต่างกัน รวมทั้งระยะเวลาที่ถูกเผาไหม้ด้วยคะ อธิบายคร่าวๆตามสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แบ่งประเภทประเภทผิวออกเป็นระดับ 1 ถึง 6 โดยบุคคลที่มีสภาพผิวในระดับที่ต่ำกว่า (1 และ 2) จะมีผิวขาว และมีแนวโน้มที่จะถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า ส่วนบุคคลที่มีสภาพผิวในระดับสูง (5 และ 6) จะมีผิวคล้ำ และผิวหนังจะไม่ถูกแดดเผาไหม้ง่ายเท่ากับคนผิวขาวคะ
ทั้งนี้เราสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยการใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธีนะคะ
ครีมกันแดดสามารถสะท้อน และดูดซับรังสี UVA และ UVB ได้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้กำหนดให้ครีมกันแดดทุกประเภทมีฉลากแสดงค่า Sun Protection Factor (SPF) ซึ่งค่าดังกล่าวจะช่วยแสดงให้เห็นระดับของการป้องกันจากการถูกแดดเผาไหม้ได้คะ ครีมกันแดดที่แนะนำ ควรมีค่า SPF ไม่น้อยกว่า 15 ซึ่งทุกๆ คนควรทราบว่าค่า SPF 30 ไม่ได้ช่วยป้องกันแสงแดดเป็นสองเท่าของค่า SPF 15 แต่เมื่อนำครีมที่มีค่า SPF 15 มาใช้อย่างถูกต้อง มันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้มากถึงร้อยละ 93 และครีมที่มีค่า SPF 30 จะช่วยป้องกันที่อัตราร้อยละ 97 และแม้ว่าการจัดอันดับค่า SPF ที่พบในครีมกันแดดส่วนใหญ่จะหมายถึงการปกป้องรังสี UVB แต่ผู้ผลิตครีมกันแดดหลายรายจะรวมส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA เอาไว้เช่นกันคะ ซึ่งครีมกันแดดกลุ่มที่มีขอบเขตการออกฤทธิ์ประเภทนี้เป็นประเภทที่แนะนำคะ
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดแรงๆนะคะ
(ข้อมูลจาก epa.gov)