เพิ่งเข้าพัก รีสอร์ทหนึ่งที่แหลมแม่พิม ระยอง ชื่อ villa bali resort เป็นรีสอร์ทติดหาดแหลมแม่พิมเลยค่ะ เราโทรจองโดยที่พนักงานบอกว่าไม่ต้องโอนล่วงหน้า เพราะวันที่พักเป็นวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2558 ตอนแรกก็งงว่าไม่โอนมัดจำ เดี๋ยวพอวอร์คอินไปจะงงมั้ย? แต่คิดว่าเค้าคงมืออาชีพพอ เพราะก็ไม่น่าจะไก่กานะคะ ราคาก็อยู่ 1,750 บาท จริงๆต้องบอกก่อนว่าเคยไปพักมาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งก็พอใช้ได้ เพราะเรามีน้องหมาไปด้วย หาที่พักยาก ก็เลยต้องเป็นที่นี่
วันเชคอินเช้าราวๆ9โมงเราไปถึงแหลมแม่พิมแล้วก็โทรเข้าไปถามว่าเราเชคอินได้กี่โมง บอกเราว่าเที่ยงๆมาได้เลย โอเคเรานั่งเล่นที่หาดรอ เพราะหน้าหาดมีเต้นท์ผ้าใบมีร้านอาหารอร่อยๆเยอะ จนเวลาเที่ยงเราเดินทางเข้าไปที่พัก พนักงานคุยกับแม่บ้าน แม่บ้านบอกมาว่าห้องไม่เสร็จ อ้าว! ก็โทรถามแล้วไง นัดเราเข้ามาเองป้ะ ก็บอกให้เรารอบ่าย พอดีคืนก่อนเราลูกค้าเค้าเต็ม บ้านทำไม่ทัน โอเคนี้เข้าใจผ่าน รอไปหนีงชั่วโมงกว่า รอมาเกินเวลาที่นัด ไม่มาแจ้งหรือมาบอกสักคำว่าบ้านถึงไหนละ ให้รอไร้จุดหมายมาก ใจเย็นรอจนบ่ายสอง (เฮ้ยนั่งรอสองชั่วโมงแล้วนะ!) เลยเดินเข้าไปด้วยสีหน้ารมย์เสียนิดนึง
เรา:โทษนะคะ บ้านยังไม่เสร็จอีกหรอ รอมาสองชั่วโมงแล้วนะ ตอนแรกนัดเราเที่ยงด้วยซ้ำ บ่ายสองยังไม่มีวี่แววให้เชคอิน
พนักงาน: บ้านมันไม่ทันค่ะน้อง เเมื่อคืนลูกค้าเต็ม เร่งเดี๋ยวไม่สะอาดเรียบร้อยนะคะ
เรา:งั้นตามให้หน่อยถึงไหนแล้ว
พนักงานเดินไปตามให้ แม่บ้านบอกเสร็จตั้งนานแล้วแจ้งไปแล้วไง (อันนี้ได้ยินแม่บ้านตะโกน ได้ยินแล้วโคตรเซ็ง) แล้วเถียงเราอีก ขอโทษสักคำที่เรารอก็ไม่มีสักคำ
อ้าวคือ บ้านเสร็จนานแล้ว แต่คือพนักงานลืมเรางี้หรอ นั่งรออยู่ก็เห็นๆนะ เสียความรู้สึกมากค่ะ ต่อมาพนักงานก็แจ้งบ้านได้แล้วยิ้มแห้งๆ เราก็พยายามใจเย็น โอเคเสร็จแล้วก็จบ พนักงานคนดังกล่าวจะให้เรากรอกรีจิสอีกรอบ และเก็บตัง เราบอกเราลงไปแล้วและจ่ายเงินแล้วกับพนักงานคนก่อนหน้านี้ คือไม่มีการส่งงานกันเลยหรอ วันที่เราเข้าพักลูกค้าก็น้อย ไม่น่าสับสนป้ะ
นางบอกเลขห้องเบอร์ 17 (มหาประลัย) ใช้คำไม่ผิดแน่ค่ะ ห้องอยู่ท้ายยยสุด!ของรีสอร์ท ของให้ขนเอง ไม่มีคนช่วย เป็นนโยบายที่นี่มั้งนะคะ ไม่มีคนช่วย กรุณาช่วยเหลือตัวเองทุกสิ่งค่ะ
เข้าห้องไปตอนแรกรู้สึกดีนะ เปิดแอร์รอเรา มาเหนื่อยๆร้อนๆ เข้าห้องเย็นๆ รู้สึกหายโกรธปลิดทิ้ง คิดว่าจบละ แต่มันไม่จบสิคะ เริ่มจาก....
ห้องน้ำ: เข้าห้องน้ำไป มีกลิ่นเหม็นฉี่ ไม่รู้ว่าฉี่ของคน สุนัข รึว่าตัวอะไร เราก็หาที่มากลิ่น ปรากฎว่าผ้าเช็ดเท้าไม่ได้เปลี่ยนแน่นอน หยิบมาดม โอ้มายก้อด เหม็นมาก ก็เลยหยิบไปโยนไว้หน้าบ้านพักเลยค่ะ ส่วนตัวเราสุนัขของเราจะพกแผ่นรองซับสำหรับสุนัขฉี่ตลอด เพราะฝึกมาแบบนั้นค่ะ (อันนี้ฝากคนที่มีสุนัขเดินทาง พกกันด้วยนะคะ)
อย่างไรก็ตามกลิ่นเหม็นๆในหัองน้ำก็ไม่หายค่ะ เราก็เลยต้องฉีดน้ำล้างพื้นทั่วห้องน้ำ แต่ก็งงๆว่าทำไมกลิ่นไม่ดีขึ้น หันไปเห็น โอ้โห ท่อน้ำทิ้งอุดตันค่ะ เวลาแค่เปิดน้ำล้างเท้าน้ำก็ท่วมเท้าแล้ว แล้วตอนอาบน้ำ เท้าก็จะแช่น้ำอยู่แบบนั้นล่ะค่ะ ผสมกันเศษอะไรที่เอ่อออกมาจากท่อ แย่มากกกกก คือมันมีอะไรดำๆเป็นเศษๆ เอ่อขึ้นมาจากท่อน้ำทิ้งด้วยอ่ะ โอ้ยเรานี่ขยะแขยงเท้ามากกกก (อันนี้ไม่ดัดจริตนะคะ มันสกปรกมาก) เรานึกประหลาดใจว่าเศษอะไรดำๆเหมือนขี้จิ้งจก แต่ก็ใหญ่กว่านะ อันนี้มีบทสรุปตอนท้ายนะคะ ว่ามันคือขี้ของตัวอะไร....
เตียงนอน: เป็นฟูกถูกๆไม่ได้มีความนุ่มเด้งดึ่งๆเหมือนที่เคยมาพักเลยยยย เป็นที่นอนยุบๆ ย้ำว่ายุบบุ๋มลงไปเห็นได้ชัดเลยค่ะ เราก็แบบนอนไม่ลง ต้องไปเอาถุงนอนส่วนตัว มานอนเอง ผ้าห่มไม่กล้าใช้แล้วนาทีนี้ (พยายามปลอบใจตัวเองว่าเรามีสุนัข ก็คงต้องทนจะหรูมากก็ไม่ได้ )
เบาะที่นั่ง: เลอะเปรอะเป็นรอยคราบเหลืองๆ ด่างไปหมด เรียกได้ว่า นั่งไม่ลงจริงๆ
บรรยากาศ : ด้วยความที่เป็นสวน และบวกกับวันที่เราพัก คนไม่ค่อยมี มันเลยน่ากลัวมาก ทางเดินมีไฟห่างๆ ไฟทางบางดวงเสีย เราก็เลยถือวิสาสะไปเปิดไฟหน้าบ้านพักหลังอื่นแทนเพราะบางช่วงมันมืดมากกก แค่ดวงเดียว และเช้าเราก็ไปดู ไฟ ไม่มีใครมาปิดไฟดวงนั้นจ้ะ เราก็เดินไปปิดให้เอง กลัวเค้าเปลืองไฟ อีกนัยหนึ่งแปลว่าไรคะ แปลว่าไม่มีการเดินตรวจตราความเป็นอยู่ของลูกค้าตาดำๆเลยค่ะ
อีกมุมหนึ่งแง่ดีของสวนที่นี่ก็มีหลากหลายพันธุ์ไม้ให้ได้ชื่นชมนะคะ ต้นอะไรไม่เคยเห็นก็ได้มาเห็นแต่ไม่ร่มรื่นค่ะเพราะไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่
บริการ : ไม่ประทับใจเลยอย่างที่เล่าตอนแรก ขนาดไปทานอาหารเช้า พนักงานเดินผ่านตะโกนข้ามหัวเรา คุยกันว่า “โอ้ย ซื้อกางเกงยีนมาใส่ไม่ได้” อื้มมมมม บริการได้บ้านๆมากเลยค่ะ มารยาทแย่ คือราคาเสียไป 1,750 บริการนึกว่านอนห้องละห้าร้อยแปดร้อย ปวดตับมากกกกก
ขออภัยเขียนยาวไปนะคะ มันอัดอั้นตันใจเหลือเกิ๊นนนนน
มาที่ประเด็นหลักของ topic นี้เลยนะคะ ตกกลางคืนดิฉันเป็นคนเดินทางคนเดียว ไปค้างไหนต้องเตรียมพร้อมระมัดระวังตัว ฉะนั้นอุปกรณ์พร้อม ไฟฉายพร้อม และอุปกรณ์ของน้องหมาพร้อมหมด เรียกว่าพักที่ไหนไม่เคยรีเควสอะไรให้ใครต้องวุ่นวาย และที่สำคัญพก กล้องเว็บแคมอินฟาเรด ตั้งบันทึกเป็น cctv ในขณะนอนหลับด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเจออะไรหรอกนะคะ มันทำเป็นนิสัยส่วนตัวเฉยๆ เพื่อที่จะคอยดูน้องหมาของเรา ก่อนเราจะนอน กดบันทึกไว้เลยค่ะจนเช้า
ระหว่างที่ดูทีวีตอนสักสี่ห้าทุ่มได้ยินเสียงตะกุกตะกัก เอาไฟฉายรีบส่อง ไม่เจออะไร (บอกก่อนว่า ไฟห้องไม่สว่างนะคะ เป็นไฟสี เหลืองๆ มีดวงเดียวที่โต๊ะเครื่องแป้งที่เป็นนีออนสีขาว แต่ก็ไม่ได้สว่างมาก) พกไฟฉายที่หมอนค่ะ เพื่ออุ่นใจ ต่อมาก็ปิดไฟหลับ เริ่มที่เวลา
11.00 เราปิดไฟนอนหลับ ปิดหมดทุกดวง เปิดแต่ดวงหน้าบ้านพัก
04.00 เสียงดังตึ้ง!!! สะดุ้งตื่นสิคะคุณผู้ชมมม ตกใจมากกก รีบคว้าไฟฉายส่องที่หน้าต่าง ตอนแรกคิดว่าขโมย แต่ไม่ใช่ค่ะ ม่านที่หน้าต่างเป็นผืนคล้ายเสื่อม้วนๆมันทิ้งดัวดิ่งลงมาเองค่ะ ปิดหน้าต่างเองทั้งบาน หลอนสิคะ!! ตอนแรกนึกว่าเอาแล้ววว ไปมากี่ที่ไม่เคยเจอแบบนี้ ก่อนนอนก็กราบขอขมาเจ้าที่เจ้าทางแล้วนะ ก็ยังไม่คิดมากค่ะ เรามาดี คงไม่มีอะไร นอนต่อๆ
05.30 เสียงดังกุกกักๆๆๆๆๆๆ ที่ผนังห้อง สะดุ้งตื่นอีกแล้ว (ผนังห้องเค้าเป็นไม้ไผ่ปิดทับผนังปูนอีกที เหมือนจะบูทีคนะคะ แต่ดูเลอะเทอะมากกว่า สำหรับห้องเบอร์17)
06.10 เสียงกุกกักๆๆๆๆ สะดุ้งตื่นอีกแล้ว อีกแล้วค่ะแต่คราวนี้เป็นเสียงหนูร้องด้วย ชัดเลย!
คือคิดว่าไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้วค่ะ ตื่นตลอดคืนแบบนี้ นอนไม่ได้ละ ก็ลุกไปดูที่ม่านที่ดังเมื่อตอนตีสี่ ว่ามันหลุดหรือยังไง สรุปคือเชือกม่านขาดเป็นสามท่อน เราก็งงว่ามันขาดเองได้ไง สิ่งลี้ลับหรืออะไร อันนี้คาใจค่ะ
เช้ามาเดินทางกลับกรุงเทพแต่เช้า จริงๆคิดว่าเป็นสิ่งลี้ลับนะ คือไปดีกว่าไม่ไหวแล้ววว ไม่สนุกแล้วทริปนี้ มาย้อนดู cctv ที่เราตั้งไว้ อะไรเกิดขึ้นล่ะคะ?
สรุป ภาพอินฟาเรดจับได้ว่าขณะปิดไฟนอนหลับ มีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตาวาวๆ มันคือ หนู!!!!!!! ออกมาวิ่งเริงร่าจ้าาาาาคุณผู้ชมมมมม หลอนมาก ดูไปกรี๊ดไป ชั้นนอนกับหนู!!!!!! กรี๊ดดดดด โอ้โหคือสิ่งที่เราคิดว่าเราถูกผีหลอกมันไม่ใช่อะ มันคือหนูมาวิ่งเพ่นพ่านใกล้เตียงนอนเราเลย เกินบรรยายจริงๆ ขนลุกไม่รู้ลืมจริงๆ และคือข้อดีของที่นี่ก็มีนะ แต่สำหรับเราขอบาย villa bali
There was a rat in my room no.17 from cctv I saw. my god!!!!!
Service is so sooooo poor
Advantages are the beach and restaurant only.
But I won’t be back over there.
ภาพหนูจากกล้องอินฟาเรด
นาทีที่เชือกม่านขาดปิดลงมาเอง เราตกใจมากกกก
[CR] พาน้องหมาพัก villa bali resort มีหนูในบ้านพัก (Villa bali resort has a rat in room no'17)
วันเชคอินเช้าราวๆ9โมงเราไปถึงแหลมแม่พิมแล้วก็โทรเข้าไปถามว่าเราเชคอินได้กี่โมง บอกเราว่าเที่ยงๆมาได้เลย โอเคเรานั่งเล่นที่หาดรอ เพราะหน้าหาดมีเต้นท์ผ้าใบมีร้านอาหารอร่อยๆเยอะ จนเวลาเที่ยงเราเดินทางเข้าไปที่พัก พนักงานคุยกับแม่บ้าน แม่บ้านบอกมาว่าห้องไม่เสร็จ อ้าว! ก็โทรถามแล้วไง นัดเราเข้ามาเองป้ะ ก็บอกให้เรารอบ่าย พอดีคืนก่อนเราลูกค้าเค้าเต็ม บ้านทำไม่ทัน โอเคนี้เข้าใจผ่าน รอไปหนีงชั่วโมงกว่า รอมาเกินเวลาที่นัด ไม่มาแจ้งหรือมาบอกสักคำว่าบ้านถึงไหนละ ให้รอไร้จุดหมายมาก ใจเย็นรอจนบ่ายสอง (เฮ้ยนั่งรอสองชั่วโมงแล้วนะ!) เลยเดินเข้าไปด้วยสีหน้ารมย์เสียนิดนึง
เรา:โทษนะคะ บ้านยังไม่เสร็จอีกหรอ รอมาสองชั่วโมงแล้วนะ ตอนแรกนัดเราเที่ยงด้วยซ้ำ บ่ายสองยังไม่มีวี่แววให้เชคอิน
พนักงาน: บ้านมันไม่ทันค่ะน้อง เเมื่อคืนลูกค้าเต็ม เร่งเดี๋ยวไม่สะอาดเรียบร้อยนะคะ
เรา:งั้นตามให้หน่อยถึงไหนแล้ว
พนักงานเดินไปตามให้ แม่บ้านบอกเสร็จตั้งนานแล้วแจ้งไปแล้วไง (อันนี้ได้ยินแม่บ้านตะโกน ได้ยินแล้วโคตรเซ็ง) แล้วเถียงเราอีก ขอโทษสักคำที่เรารอก็ไม่มีสักคำ
อ้าวคือ บ้านเสร็จนานแล้ว แต่คือพนักงานลืมเรางี้หรอ นั่งรออยู่ก็เห็นๆนะ เสียความรู้สึกมากค่ะ ต่อมาพนักงานก็แจ้งบ้านได้แล้วยิ้มแห้งๆ เราก็พยายามใจเย็น โอเคเสร็จแล้วก็จบ พนักงานคนดังกล่าวจะให้เรากรอกรีจิสอีกรอบ และเก็บตัง เราบอกเราลงไปแล้วและจ่ายเงินแล้วกับพนักงานคนก่อนหน้านี้ คือไม่มีการส่งงานกันเลยหรอ วันที่เราเข้าพักลูกค้าก็น้อย ไม่น่าสับสนป้ะ
นางบอกเลขห้องเบอร์ 17 (มหาประลัย) ใช้คำไม่ผิดแน่ค่ะ ห้องอยู่ท้ายยยสุด!ของรีสอร์ท ของให้ขนเอง ไม่มีคนช่วย เป็นนโยบายที่นี่มั้งนะคะ ไม่มีคนช่วย กรุณาช่วยเหลือตัวเองทุกสิ่งค่ะ
เข้าห้องไปตอนแรกรู้สึกดีนะ เปิดแอร์รอเรา มาเหนื่อยๆร้อนๆ เข้าห้องเย็นๆ รู้สึกหายโกรธปลิดทิ้ง คิดว่าจบละ แต่มันไม่จบสิคะ เริ่มจาก....
ห้องน้ำ: เข้าห้องน้ำไป มีกลิ่นเหม็นฉี่ ไม่รู้ว่าฉี่ของคน สุนัข รึว่าตัวอะไร เราก็หาที่มากลิ่น ปรากฎว่าผ้าเช็ดเท้าไม่ได้เปลี่ยนแน่นอน หยิบมาดม โอ้มายก้อด เหม็นมาก ก็เลยหยิบไปโยนไว้หน้าบ้านพักเลยค่ะ ส่วนตัวเราสุนัขของเราจะพกแผ่นรองซับสำหรับสุนัขฉี่ตลอด เพราะฝึกมาแบบนั้นค่ะ (อันนี้ฝากคนที่มีสุนัขเดินทาง พกกันด้วยนะคะ)
อย่างไรก็ตามกลิ่นเหม็นๆในหัองน้ำก็ไม่หายค่ะ เราก็เลยต้องฉีดน้ำล้างพื้นทั่วห้องน้ำ แต่ก็งงๆว่าทำไมกลิ่นไม่ดีขึ้น หันไปเห็น โอ้โห ท่อน้ำทิ้งอุดตันค่ะ เวลาแค่เปิดน้ำล้างเท้าน้ำก็ท่วมเท้าแล้ว แล้วตอนอาบน้ำ เท้าก็จะแช่น้ำอยู่แบบนั้นล่ะค่ะ ผสมกันเศษอะไรที่เอ่อออกมาจากท่อ แย่มากกกกก คือมันมีอะไรดำๆเป็นเศษๆ เอ่อขึ้นมาจากท่อน้ำทิ้งด้วยอ่ะ โอ้ยเรานี่ขยะแขยงเท้ามากกกก (อันนี้ไม่ดัดจริตนะคะ มันสกปรกมาก) เรานึกประหลาดใจว่าเศษอะไรดำๆเหมือนขี้จิ้งจก แต่ก็ใหญ่กว่านะ อันนี้มีบทสรุปตอนท้ายนะคะ ว่ามันคือขี้ของตัวอะไร....
เตียงนอน: เป็นฟูกถูกๆไม่ได้มีความนุ่มเด้งดึ่งๆเหมือนที่เคยมาพักเลยยยย เป็นที่นอนยุบๆ ย้ำว่ายุบบุ๋มลงไปเห็นได้ชัดเลยค่ะ เราก็แบบนอนไม่ลง ต้องไปเอาถุงนอนส่วนตัว มานอนเอง ผ้าห่มไม่กล้าใช้แล้วนาทีนี้ (พยายามปลอบใจตัวเองว่าเรามีสุนัข ก็คงต้องทนจะหรูมากก็ไม่ได้ )
เบาะที่นั่ง: เลอะเปรอะเป็นรอยคราบเหลืองๆ ด่างไปหมด เรียกได้ว่า นั่งไม่ลงจริงๆ
บรรยากาศ : ด้วยความที่เป็นสวน และบวกกับวันที่เราพัก คนไม่ค่อยมี มันเลยน่ากลัวมาก ทางเดินมีไฟห่างๆ ไฟทางบางดวงเสีย เราก็เลยถือวิสาสะไปเปิดไฟหน้าบ้านพักหลังอื่นแทนเพราะบางช่วงมันมืดมากกก แค่ดวงเดียว และเช้าเราก็ไปดู ไฟ ไม่มีใครมาปิดไฟดวงนั้นจ้ะ เราก็เดินไปปิดให้เอง กลัวเค้าเปลืองไฟ อีกนัยหนึ่งแปลว่าไรคะ แปลว่าไม่มีการเดินตรวจตราความเป็นอยู่ของลูกค้าตาดำๆเลยค่ะ
อีกมุมหนึ่งแง่ดีของสวนที่นี่ก็มีหลากหลายพันธุ์ไม้ให้ได้ชื่นชมนะคะ ต้นอะไรไม่เคยเห็นก็ได้มาเห็นแต่ไม่ร่มรื่นค่ะเพราะไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่
บริการ : ไม่ประทับใจเลยอย่างที่เล่าตอนแรก ขนาดไปทานอาหารเช้า พนักงานเดินผ่านตะโกนข้ามหัวเรา คุยกันว่า “โอ้ย ซื้อกางเกงยีนมาใส่ไม่ได้” อื้มมมมม บริการได้บ้านๆมากเลยค่ะ มารยาทแย่ คือราคาเสียไป 1,750 บริการนึกว่านอนห้องละห้าร้อยแปดร้อย ปวดตับมากกกกก
ขออภัยเขียนยาวไปนะคะ มันอัดอั้นตันใจเหลือเกิ๊นนนนน
มาที่ประเด็นหลักของ topic นี้เลยนะคะ ตกกลางคืนดิฉันเป็นคนเดินทางคนเดียว ไปค้างไหนต้องเตรียมพร้อมระมัดระวังตัว ฉะนั้นอุปกรณ์พร้อม ไฟฉายพร้อม และอุปกรณ์ของน้องหมาพร้อมหมด เรียกว่าพักที่ไหนไม่เคยรีเควสอะไรให้ใครต้องวุ่นวาย และที่สำคัญพก กล้องเว็บแคมอินฟาเรด ตั้งบันทึกเป็น cctv ในขณะนอนหลับด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเจออะไรหรอกนะคะ มันทำเป็นนิสัยส่วนตัวเฉยๆ เพื่อที่จะคอยดูน้องหมาของเรา ก่อนเราจะนอน กดบันทึกไว้เลยค่ะจนเช้า
ระหว่างที่ดูทีวีตอนสักสี่ห้าทุ่มได้ยินเสียงตะกุกตะกัก เอาไฟฉายรีบส่อง ไม่เจออะไร (บอกก่อนว่า ไฟห้องไม่สว่างนะคะ เป็นไฟสี เหลืองๆ มีดวงเดียวที่โต๊ะเครื่องแป้งที่เป็นนีออนสีขาว แต่ก็ไม่ได้สว่างมาก) พกไฟฉายที่หมอนค่ะ เพื่ออุ่นใจ ต่อมาก็ปิดไฟหลับ เริ่มที่เวลา
11.00 เราปิดไฟนอนหลับ ปิดหมดทุกดวง เปิดแต่ดวงหน้าบ้านพัก
04.00 เสียงดังตึ้ง!!! สะดุ้งตื่นสิคะคุณผู้ชมมม ตกใจมากกก รีบคว้าไฟฉายส่องที่หน้าต่าง ตอนแรกคิดว่าขโมย แต่ไม่ใช่ค่ะ ม่านที่หน้าต่างเป็นผืนคล้ายเสื่อม้วนๆมันทิ้งดัวดิ่งลงมาเองค่ะ ปิดหน้าต่างเองทั้งบาน หลอนสิคะ!! ตอนแรกนึกว่าเอาแล้ววว ไปมากี่ที่ไม่เคยเจอแบบนี้ ก่อนนอนก็กราบขอขมาเจ้าที่เจ้าทางแล้วนะ ก็ยังไม่คิดมากค่ะ เรามาดี คงไม่มีอะไร นอนต่อๆ
05.30 เสียงดังกุกกักๆๆๆๆๆๆ ที่ผนังห้อง สะดุ้งตื่นอีกแล้ว (ผนังห้องเค้าเป็นไม้ไผ่ปิดทับผนังปูนอีกที เหมือนจะบูทีคนะคะ แต่ดูเลอะเทอะมากกว่า สำหรับห้องเบอร์17)
06.10 เสียงกุกกักๆๆๆๆ สะดุ้งตื่นอีกแล้ว อีกแล้วค่ะแต่คราวนี้เป็นเสียงหนูร้องด้วย ชัดเลย!
คือคิดว่าไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้วค่ะ ตื่นตลอดคืนแบบนี้ นอนไม่ได้ละ ก็ลุกไปดูที่ม่านที่ดังเมื่อตอนตีสี่ ว่ามันหลุดหรือยังไง สรุปคือเชือกม่านขาดเป็นสามท่อน เราก็งงว่ามันขาดเองได้ไง สิ่งลี้ลับหรืออะไร อันนี้คาใจค่ะ
เช้ามาเดินทางกลับกรุงเทพแต่เช้า จริงๆคิดว่าเป็นสิ่งลี้ลับนะ คือไปดีกว่าไม่ไหวแล้ววว ไม่สนุกแล้วทริปนี้ มาย้อนดู cctv ที่เราตั้งไว้ อะไรเกิดขึ้นล่ะคะ?
สรุป ภาพอินฟาเรดจับได้ว่าขณะปิดไฟนอนหลับ มีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตาวาวๆ มันคือ หนู!!!!!!! ออกมาวิ่งเริงร่าจ้าาาาาคุณผู้ชมมมมม หลอนมาก ดูไปกรี๊ดไป ชั้นนอนกับหนู!!!!!! กรี๊ดดดดด โอ้โหคือสิ่งที่เราคิดว่าเราถูกผีหลอกมันไม่ใช่อะ มันคือหนูมาวิ่งเพ่นพ่านใกล้เตียงนอนเราเลย เกินบรรยายจริงๆ ขนลุกไม่รู้ลืมจริงๆ และคือข้อดีของที่นี่ก็มีนะ แต่สำหรับเราขอบาย villa bali
There was a rat in my room no.17 from cctv I saw. my god!!!!!
Service is so sooooo poor
Advantages are the beach and restaurant only.
But I won’t be back over there.
ภาพหนูจากกล้องอินฟาเรด
นาทีที่เชือกม่านขาดปิดลงมาเอง เราตกใจมากกกก