สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
จริงๆชอบหลายฉากมาก แต่ฉากที่ทึ่งในการนำเสนอ ชอบฉากกินสตอเบอรี่ที่สุด 5555 อาจแปลกกว่าของคนอื่นหน่อยนะคะ เราชอบบทที่คนเขียนบทเพิ่มตอนนี้มาก เป็นบทย่อยแนวสัญลักษณ์น่ะคะ ไม่เคยเจอในละครมาก่อน เคยเห็นแต่ในหนัง แต่ขนาดในหนังบางเรื่องก็ไม่ได้ทำออกมาดีขนาดนี้ ถ้าจำกันได้นะ ตอนแรกมีสตอเบอรี่หวานกับเปรี้ยวมันแยกถ้วยกันอยู่ ภัทเก็บมาได้แต่เปรี้ยว กลัวต้องกินแต่เปรียวๆ เลยจับผสมกับของหมอณนต์ที่มีแต่หวานๆ นางจะหยิบไปแล้ว อยู่ดีๆอิหมอก็เกิดพุทธปัญญาขึ้นมา ชวนภัทเล่นเกมส์กินสตอเบอรี่เปิดใจ ให้แต่ละคนเลือกหยิบสตอเบอรี่ขึ้นมาจะแบบเปรี้ยวหรือแบบหวานก็ได้ แล้วให้ถามคำถามอะไรก็ได้ ใครชนะ มีโอกาสจะเลือกกิน หรือให้อีกฝั่งกินก็ได้
- ภัทเริ่มก่อน หยิบสตอเบอรี่ลูกโตหวานช่ำ พร้อมคำตามที่ว่าเธอสระผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แหม่ นางวางแผนมาแต่แรกแล้วว่ายังไงหมอณนต์ต้องตอบนางไม่ได้ นางชนะใสๆ ได้กินสตอเบอรี่อันนั้นไป
- ตาหมอณนต์ หมอหยิบลูกเล็กๆ 2 ลูก ท่าทางจะเปรี้ยวเข็ดฟันมา ถ้าภัทไม่อยากกินก็ต้องตอบให้ชนะ แต่หมอดันไปถามว่าวันนี้ที่เจอแฟนเก่า แล้วนางร้องให้เสียสติเดินมาราธอนจากประตูท่าแพ ยันสะพานขั้วเล็ก (บ้าไปแล้ว นางแข็งแรงเกินนางเอกไทยไปประมาณ 2 ปีแสง 5555) นั้นเป็นเพราะอะไร ภัทบอกว่าไม่อยากตอบ หมอเลยบอกว่างั้นก็กินเปรี้ยวๆไปซะ
- ตาภัทอีกรอบ รอบนี้นางจัดเต็มหยิบลูกเปรี้ยวๆขึ้นมา 3 ลูก คิดซะว่ายังไง อิหมอมันไม่อยากกิน มันตอบตอบความจริงแน่ แต่ภัทดันไปถามว่า หมอมีเรื่องกังวลอะไรอยู่ในใจ อิหมอไม่คิดเลยจ้าหยิบสตอเบอรี่จากมือภัทมากินเลย ประมาณว่ากุไม่อยากตอบ และไม่มีทางเล่าแน่นอน 555
- สุดท้ายพระเอกหยิบลูกหวานมา ถามว่า ที่นางเอกร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรนี่ เพราะยังรักแฟนเก่าอยู่ใช่มั๊ย นางเอกบอกทันทีว่าผิด แล้วตัดบทว่าเลิกเล่นเถอะ
- สุดท้ายภัทก็ยอมบอกหมอว่าที่เสียใจเพราะโดนอิหนาด มันด่าว่าขายตัว แม้มันจะไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ใจลึกๆของนางก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คุยกันร้องไห้ไปบนเตียง เพราะเอกก็ปลอบแบบอ่อนโยนมาก แล้วนางรัองแบบเด็ก คือน่าเอ็นดูจริงๆ ส่วนอิหมอก็แบบปลอบแบบอ่อนโยนมากกกกก บอกนางเอกนอนซะ ตื่นมาจะพาไปกินของอร่อย นางเอกเลยรีบสวนขึ้นมาว่า กินเค้กนะ บทตรงนี้มันใช่ๆ ใช่มากๆ คิดว่าฉากนี้ผู้หญิงหลายคนต้องโดนแฟนปลอบ แล้วตัวเองตอบแบบนี้แน่นอน 5555 พอนางเอกหลับหมอก็ห่มผ้า และก้มลงไปจูบหน้าผาก เป็นอันจบปิ้งความซึ้งแสนตรึงใจ ^^
ฉากนี้เหมือนง่ายนะคะ แต่บอกเลยว่ายาก เพราะบทเขียนมายาก อ่านเฉยๆไม่ยาก แต่ยากในแง่ของการแสดงแน่นอน เล่นน้อยไปรับรองเอื่อย คนดูเบื่อ ตีความไม่ออกแน่นอน ถ้าเล่นมากไป ก็ดูประดิษฐ์ แต่ฉากนี้ณเดชน์ แต้ว เล่นได้พอดีมาก ทำให้เรารู้ความห่วงใยที่หมอมีแต่ภัท การที่หมอทำให้ภัทยอมระบายเรื่องในใจออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รู้ว่าเรื่องของหมอณนต์ หมอไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้เลย เพราะหมอเลือกกินสตอเบอรี่เปรี้ยวทันที โดยไม่เสียเวลาคิดเลยว่าจะตอบหรือไม่ตอบ อันนี้เรามองว่าเค้าเปรียบสตอเบอรี่ในจานที่มันมีทั้งหวานและเปรี้ยว มันก็เหมือนชีวิตคนเรา ว่าจะยกด้านไหนขึ้นมาดู วิธีแก้ปัญหามีหลายแบบ บางครั้งเราก็เลือกที่จะเผชิญมัน บางครั้งก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถึงมัน แต่นั่นมันก็เป็นสีสันของชีวิต ที่ทีทั้งหอมหวาน แต่บางทีก็เปรี้ยวจนเข็ดฟันผสมปนเปกันไป........โอ๊ยยยย แบบว่ามันดีอ่ะแกร คือแบบแยบคายทั้งบทและการนำเสนอ นำเสนอได้ดีจริงๆ ไม่ต้องให้นักแสดงมาเล่าเป็นอาขยาน แต่ใช้การบอกเล่าผ่านการถามตอบของพระเอกนางเอก ทำให้คนดูรู้สึกมีร่วมร่วมกับละครได้ นี่สุดยอดมากนะคะ เลยชอบฉากนี้เป็นพิเศษ ทึ่งอยู่ว่าคนเขียนบทคิดได้ไง คุณศักดิ์ชายร้ายกาจมาก 5555

- ภัทเริ่มก่อน หยิบสตอเบอรี่ลูกโตหวานช่ำ พร้อมคำตามที่ว่าเธอสระผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แหม่ นางวางแผนมาแต่แรกแล้วว่ายังไงหมอณนต์ต้องตอบนางไม่ได้ นางชนะใสๆ ได้กินสตอเบอรี่อันนั้นไป
- ตาหมอณนต์ หมอหยิบลูกเล็กๆ 2 ลูก ท่าทางจะเปรี้ยวเข็ดฟันมา ถ้าภัทไม่อยากกินก็ต้องตอบให้ชนะ แต่หมอดันไปถามว่าวันนี้ที่เจอแฟนเก่า แล้วนางร้องให้เสียสติเดินมาราธอนจากประตูท่าแพ ยันสะพานขั้วเล็ก (บ้าไปแล้ว นางแข็งแรงเกินนางเอกไทยไปประมาณ 2 ปีแสง 5555) นั้นเป็นเพราะอะไร ภัทบอกว่าไม่อยากตอบ หมอเลยบอกว่างั้นก็กินเปรี้ยวๆไปซะ
- ตาภัทอีกรอบ รอบนี้นางจัดเต็มหยิบลูกเปรี้ยวๆขึ้นมา 3 ลูก คิดซะว่ายังไง อิหมอมันไม่อยากกิน มันตอบตอบความจริงแน่ แต่ภัทดันไปถามว่า หมอมีเรื่องกังวลอะไรอยู่ในใจ อิหมอไม่คิดเลยจ้าหยิบสตอเบอรี่จากมือภัทมากินเลย ประมาณว่ากุไม่อยากตอบ และไม่มีทางเล่าแน่นอน 555
- สุดท้ายพระเอกหยิบลูกหวานมา ถามว่า ที่นางเอกร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรนี่ เพราะยังรักแฟนเก่าอยู่ใช่มั๊ย นางเอกบอกทันทีว่าผิด แล้วตัดบทว่าเลิกเล่นเถอะ
- สุดท้ายภัทก็ยอมบอกหมอว่าที่เสียใจเพราะโดนอิหนาด มันด่าว่าขายตัว แม้มันจะไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ใจลึกๆของนางก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คุยกันร้องไห้ไปบนเตียง เพราะเอกก็ปลอบแบบอ่อนโยนมาก แล้วนางรัองแบบเด็ก คือน่าเอ็นดูจริงๆ ส่วนอิหมอก็แบบปลอบแบบอ่อนโยนมากกกกก บอกนางเอกนอนซะ ตื่นมาจะพาไปกินของอร่อย นางเอกเลยรีบสวนขึ้นมาว่า กินเค้กนะ บทตรงนี้มันใช่ๆ ใช่มากๆ คิดว่าฉากนี้ผู้หญิงหลายคนต้องโดนแฟนปลอบ แล้วตัวเองตอบแบบนี้แน่นอน 5555 พอนางเอกหลับหมอก็ห่มผ้า และก้มลงไปจูบหน้าผาก เป็นอันจบปิ้งความซึ้งแสนตรึงใจ ^^
ฉากนี้เหมือนง่ายนะคะ แต่บอกเลยว่ายาก เพราะบทเขียนมายาก อ่านเฉยๆไม่ยาก แต่ยากในแง่ของการแสดงแน่นอน เล่นน้อยไปรับรองเอื่อย คนดูเบื่อ ตีความไม่ออกแน่นอน ถ้าเล่นมากไป ก็ดูประดิษฐ์ แต่ฉากนี้ณเดชน์ แต้ว เล่นได้พอดีมาก ทำให้เรารู้ความห่วงใยที่หมอมีแต่ภัท การที่หมอทำให้ภัทยอมระบายเรื่องในใจออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รู้ว่าเรื่องของหมอณนต์ หมอไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้เลย เพราะหมอเลือกกินสตอเบอรี่เปรี้ยวทันที โดยไม่เสียเวลาคิดเลยว่าจะตอบหรือไม่ตอบ อันนี้เรามองว่าเค้าเปรียบสตอเบอรี่ในจานที่มันมีทั้งหวานและเปรี้ยว มันก็เหมือนชีวิตคนเรา ว่าจะยกด้านไหนขึ้นมาดู วิธีแก้ปัญหามีหลายแบบ บางครั้งเราก็เลือกที่จะเผชิญมัน บางครั้งก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถึงมัน แต่นั่นมันก็เป็นสีสันของชีวิต ที่ทีทั้งหอมหวาน แต่บางทีก็เปรี้ยวจนเข็ดฟันผสมปนเปกันไป........โอ๊ยยยย แบบว่ามันดีอ่ะแกร คือแบบแยบคายทั้งบทและการนำเสนอ นำเสนอได้ดีจริงๆ ไม่ต้องให้นักแสดงมาเล่าเป็นอาขยาน แต่ใช้การบอกเล่าผ่านการถามตอบของพระเอกนางเอก ทำให้คนดูรู้สึกมีร่วมร่วมกับละครได้ นี่สุดยอดมากนะคะ เลยชอบฉากนี้เป็นพิเศษ ทึ่งอยู่ว่าคนเขียนบทคิดได้ไง คุณศักดิ์ชายร้ายกาจมาก 5555


ความคิดเห็นที่ 7
ดูลมซ่อนรักมันจะมีฉากประทับใจ ภาพจดจำเต็มไปหมด ในหัวมีแต่ลมซ่อนรัก นึกเป็นภาพในหัวได้เป็นฉากๆ
ฉากเลิฟซีนที่ประทับใจ ตอนนี้ให้เป็นฉากจูบไหล่เมีย คือมันไม่ได้มีอะไรเล้ยย แต่รู้สึกฟิน อินขั้นสุด แบบรักมาก ห่วงมาก แต่ต้องอดกลั้น อบอุ่นรักหลงเมียแบบทั้งเนื้อทั้งตัว เริ่มจะอีโรติกแล้ว 555


ฉากกินสตอเบอรี่ก็เป็นอีกฉากที่ประทับใจตั้งแต่ไปเก็บสตอเบอรี่ยาวไปจนถึงจุ๊บเหม่ง หลากหลายอารมณ์มาก มันก็ไม่มีอะไรแต่ทำไมฟินมากเหมือนไปหลบอยู่พุ่มไม้ดูเค้าคุยกัน

ชอบฉากในรถของอัณกับหมอณนต์ ภัทริน มันอึดอัดและหน่วงมาก ต่างคนต่างเจ็บ ครีเอทซีนนี้ได้เยี่ยมมาก

ซีนจ้องตากดดันในโรงพยาบาลก็น่ารัก

ซีนสองสาวคุยกัน ดราม่าน้ำตาร่วงที่โรงพยาบาลก็ชอบ ฉากนี้ทั้งนักแสดง ทั้งเพลง ร้องไห้ตามเลยเข้าใจความรู้สึกสองสาว

สรุปประทับใจไปหมดตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบัน มีภาพจำไปหมด ซีนเล็กๆที่หมอเก็กขรึมแต่เขียนระบายในโทรศัพท์ยังประทับใจเลย ... ชั้นรักละครเรื่องนี้ ลมซ่อนรัก
ฉากเลิฟซีนที่ประทับใจ ตอนนี้ให้เป็นฉากจูบไหล่เมีย คือมันไม่ได้มีอะไรเล้ยย แต่รู้สึกฟิน อินขั้นสุด แบบรักมาก ห่วงมาก แต่ต้องอดกลั้น อบอุ่นรักหลงเมียแบบทั้งเนื้อทั้งตัว เริ่มจะอีโรติกแล้ว 555


ฉากกินสตอเบอรี่ก็เป็นอีกฉากที่ประทับใจตั้งแต่ไปเก็บสตอเบอรี่ยาวไปจนถึงจุ๊บเหม่ง หลากหลายอารมณ์มาก มันก็ไม่มีอะไรแต่ทำไมฟินมากเหมือนไปหลบอยู่พุ่มไม้ดูเค้าคุยกัน

ชอบฉากในรถของอัณกับหมอณนต์ ภัทริน มันอึดอัดและหน่วงมาก ต่างคนต่างเจ็บ ครีเอทซีนนี้ได้เยี่ยมมาก

ซีนจ้องตากดดันในโรงพยาบาลก็น่ารัก

ซีนสองสาวคุยกัน ดราม่าน้ำตาร่วงที่โรงพยาบาลก็ชอบ ฉากนี้ทั้งนักแสดง ทั้งเพลง ร้องไห้ตามเลยเข้าใจความรู้สึกสองสาว

สรุปประทับใจไปหมดตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบัน มีภาพจำไปหมด ซีนเล็กๆที่หมอเก็กขรึมแต่เขียนระบายในโทรศัพท์ยังประทับใจเลย ... ชั้นรักละครเรื่องนี้ ลมซ่อนรัก

ความคิดเห็นที่ 12
บอกตรงๆว่า เวลานักแสดงโด่งดังมากๆ เห็นภาพจำทำอย่างอื่นมากมาย โดยเฉพาะณเดชน์เนี่ย คิดไปเองว่าน่าจะยากที่คนดูจะอินไปกับตัวละครแบบเชื่อว่ามีตัวละครนั้นๆจริงๆ แถมเวลาอินในละครไม่มีแม้เสี้ยวความคิดว่ามีอะไรอินนอกจอ
อย่างที่รู้ว่าณเดชน์ก็มีคนพิเศษเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ แต้วก็มีคนพิเศษมา10 ปี
นอกจอเวลาออกรายการเหมือนพี่สาวน้องชาย ยิ่งอินยากเข้าไปใหญ่
แต่ปราณนต์ ปราณ และภัทริน ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนดูละครแล้วรู้สึกว่ามี ฝาแฝดอยู่ 2 คนคือปราณนต์และปราณ มีผู้หญิงพัวพันด้วยในช่วงเวลาต่างๆกัน 2 คนคือภัทรินและอัณณา
ชอบช่วงที่ปราณนต์เปลี่ยนความรู้สึกแต่งงานตามแผนเป็น รักหลงระดับถึงขั้นอยากได้เป็นเมีย (ไม่รู้จะใช้คำนี้ได้ไหมในที่นี้เพราะหมอณนต์ดูอยากได้ในระดับแบบนั้นจริงๆ) ความรู้สึกรักหลงอยากได้พุ่งชนทันด่วนจนแสดงออกเยอะว่าอยากได้ จนภัทรินซึ่งเหมือนโดนความรักหลงพุ่งชนงงกับการรับไว้แต่เผลอรับเข้าไปซะเต็มตัว ประมาณว่าอยากได้ให้ก็ได้ฟระ แสดงกันเทพมาก
ช่วงต่อมาเป็นช่วงที่หมอณนต์ปลอมตัวเป็นปราณหลังแต่งงานและได้ภัทริน แต่โดยปฏิเสธว่าไม่ได้รักก็แค่มีอะไรด้วยตามอารมณ์
อยู่ดีดีเหมือนถูกรางวัลใหญ่ ภัทรินคิดว่าหมอณนต์อุบัติเหตุหนักหลังทะเลาะใหญ่เลยแสดงออกถึงความรักห่วงใยหนักให้หมอณนต์ในคราบปราณได้รู้ ภัทรินคร่ำครวญห่วงใยพรรณนาให้หมอณนต์ได้ฟังกับหูดูด้วยตาแต่ดันแสดงออกไม่ได้เลยว่าดีใจแค่ไหนรักห่วงแค่ไหน
ตอนภัทรินไข้ขึ้นละเมอออกมาต่อหน้าหมอณนต์ในคราบปราณน่าสงสารมาก โทษตัวเองคร่าครวญเสียใจ คนดูสงสารขั้นสุด หมอณนต์ซึ่งรักภัทรินทั้งห่วงสงสารสายตาเจ็บปวดรักหลงเป็นห่วงแบบสามีมีต่อภรรยา คือสายตาอยากได้จะกลืนกิน,ไม่ใช่แค่สงสารมีอารมณ์ลึกล้ำกว่านั้นด้วย ทำได้แค่หอมตรงบ่า เช้ามาภัทรินจะไปรพ.ทั้งที่ไข้ขึ้นจะล้ม พ่อยังห้ามประคองอีก
อีกครั้งและอีกหน ไม่เทพแสดงไม่ได้ถึงอารมณ์ลึกล้ำนั้นได้นะ
อีกฉากเป็นของปราณ (ส่วนตัวชอบบทบาท ปราณหลังป่วย มากที่สุดในบรรดา 4 บทที่ณเดชน์แสดง) หลังป่วยความจำเสื่อม แต่ด้วยรักมั่นในอัณณาก็จำได้อยู่คนเดียว ตอนก่อนป่วยปราณเป็นคนมีมาดนักธุรกิจรักษาท่าที หลงรักอัณณามาตั้งแต่วัยรุ่นก็อยู่เคียงข้างรอคอยวันที่อัณณาตัดใจได้ ความอดทนอดกลั้นรักษาท่าทีหายไปหมดหลังป่วย กดดันจากการจำใครไม่ได้ไม่พอยังได้รู้ว่าอัณณาหลงรักผู้ชายอีกคนซึ่งคือน้องฝาแฝดของตัวเอง ความน้อยใจเสียใจหึงมาเต็ม ไม่ต้องแคร์ภาพพจน์ใดในช่วงป่วยแสดงออกเต็มที่งอนอาละวาดงัดทุกไม้มาเรียกร้องความสนใจ สายตาที่มองอัณณาคือทำลายล้างละลายได้แสดงออกถึงความรักมั่นคงรอคอยมองฉันเถอะตลอดเวลา
ณเดชน์แสดงได้เทพมาก รู้สึกว่ามีพี่ปราณอยู่จริง ที่น่าเอาใจช่วยในความรักกับอัณณามากๆซะด้วย เมื่อไหร่อัณณาจะตัดใจจากหมอณนต์ซะที
อีกฉาก(เยอะไปไหม ก็ประทับใจมากมายจริงๆ) เวลารักของหมอณนต์เหลื่อมกับผู้หญิงแต่ละคนจนทำให้เข้าใจไปคนละทาง ก่อนแต่งงานหมอณนต์รักผูกพันอัณณามาตลอดสิบกว่าปีที่สนิทกันมาแต่เด็ก พยายามตัดใจให้พี่ปราน ด้วยอาการตัดแต่ไม่ขาดมันยึดหน่วงทำให้ทั้งสามคนไม่คืบหน้าไปทางไหนกันทั้งหมด วันแต่งงานหมอณนต์ยังตอบคำถามพิธีกรว่ารักกับภัทรินได้อย่างไรโดยการเล่าเรื่องความรักของหมอณนต์และอัณณาแทน
จนหลังแต่งงานตามแผนหมอณนต์รักหลงอยากได้ภัทรินไปแล้วจนเลิกรักอัณณาโดยไม่รู้ตัว ความรักหลงยิ่งเข้มข้นที่รพ.เมื่อภัทรินคร่ำครวญหวนไห้ต่อหน้าหมอณนต์ในคราบปราณ แต่ผู้หญิงสองคนเข้าใจคนละทาง ภัทรินนึกเรื่องเล่าวันแต่งงานได้ทำให้คิดว่าหมอณนต์รักอัณณา ส่วนอัณณาร้องไห้เสียใจมองเห็นความรักหลงของหมอณนต์ต่อภัทริน อัณณายื้อสู้เฮือกสุดท้ายด้วยไม้ตายการพยายามกดดันบอกว่าจะแต่งงานกับปราณขอให้หมอณนต์สนับสนุน หมอณนต์แม้เลิกรักอัณณาแล้วแต่ความห่วงใยเคยรักที่มีมาหลายปีก็ยังทำให้สนับสนุนการแต่งงานกับปราณได้ไม่เต็มที่ เลยยิ่งเหมือนกั๊ก
ณเดชน์ แต้ว แสดงได้เป๊ะอีกแล้ว ไดนามิค จังหวะเร็วช้าเนิบ สมบูรณ์แบบ
แพทริเซียทำได้ดีกว่าในฉากที่ไม่ต้องพูด เพราะการพูดทำให้ดูเกร็งลุ้นไปบ้าง ฉากน้ำตาไหลเงียบๆอะไรทำนองนี้พอใช้ได้
ตัวอย่างที่นึกออกมีประมาณนี้ มั่นใจว่าจะมีฉากประทับใจอีกในการดูต่อๆไป
บทละครดีเลิศขนาดนี้แล้วได้นักแสดงเจ๋งอย่างณเดชน์แต้วถ่ายทอดได้ล้ำไปอีก
ช่วง3 คืนกำไรคนดูโดยไม่ต้องโปรโมทเยอะหรืออลังการงานสร้างอะไรเลย
อย่างที่รู้ว่าณเดชน์ก็มีคนพิเศษเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ แต้วก็มีคนพิเศษมา10 ปี
นอกจอเวลาออกรายการเหมือนพี่สาวน้องชาย ยิ่งอินยากเข้าไปใหญ่
แต่ปราณนต์ ปราณ และภัทริน ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนดูละครแล้วรู้สึกว่ามี ฝาแฝดอยู่ 2 คนคือปราณนต์และปราณ มีผู้หญิงพัวพันด้วยในช่วงเวลาต่างๆกัน 2 คนคือภัทรินและอัณณา
ชอบช่วงที่ปราณนต์เปลี่ยนความรู้สึกแต่งงานตามแผนเป็น รักหลงระดับถึงขั้นอยากได้เป็นเมีย (ไม่รู้จะใช้คำนี้ได้ไหมในที่นี้เพราะหมอณนต์ดูอยากได้ในระดับแบบนั้นจริงๆ) ความรู้สึกรักหลงอยากได้พุ่งชนทันด่วนจนแสดงออกเยอะว่าอยากได้ จนภัทรินซึ่งเหมือนโดนความรักหลงพุ่งชนงงกับการรับไว้แต่เผลอรับเข้าไปซะเต็มตัว ประมาณว่าอยากได้ให้ก็ได้ฟระ แสดงกันเทพมาก
ช่วงต่อมาเป็นช่วงที่หมอณนต์ปลอมตัวเป็นปราณหลังแต่งงานและได้ภัทริน แต่โดยปฏิเสธว่าไม่ได้รักก็แค่มีอะไรด้วยตามอารมณ์
อยู่ดีดีเหมือนถูกรางวัลใหญ่ ภัทรินคิดว่าหมอณนต์อุบัติเหตุหนักหลังทะเลาะใหญ่เลยแสดงออกถึงความรักห่วงใยหนักให้หมอณนต์ในคราบปราณได้รู้ ภัทรินคร่ำครวญห่วงใยพรรณนาให้หมอณนต์ได้ฟังกับหูดูด้วยตาแต่ดันแสดงออกไม่ได้เลยว่าดีใจแค่ไหนรักห่วงแค่ไหน
ตอนภัทรินไข้ขึ้นละเมอออกมาต่อหน้าหมอณนต์ในคราบปราณน่าสงสารมาก โทษตัวเองคร่าครวญเสียใจ คนดูสงสารขั้นสุด หมอณนต์ซึ่งรักภัทรินทั้งห่วงสงสารสายตาเจ็บปวดรักหลงเป็นห่วงแบบสามีมีต่อภรรยา คือสายตาอยากได้จะกลืนกิน,ไม่ใช่แค่สงสารมีอารมณ์ลึกล้ำกว่านั้นด้วย ทำได้แค่หอมตรงบ่า เช้ามาภัทรินจะไปรพ.ทั้งที่ไข้ขึ้นจะล้ม พ่อยังห้ามประคองอีก
อีกครั้งและอีกหน ไม่เทพแสดงไม่ได้ถึงอารมณ์ลึกล้ำนั้นได้นะ
อีกฉากเป็นของปราณ (ส่วนตัวชอบบทบาท ปราณหลังป่วย มากที่สุดในบรรดา 4 บทที่ณเดชน์แสดง) หลังป่วยความจำเสื่อม แต่ด้วยรักมั่นในอัณณาก็จำได้อยู่คนเดียว ตอนก่อนป่วยปราณเป็นคนมีมาดนักธุรกิจรักษาท่าที หลงรักอัณณามาตั้งแต่วัยรุ่นก็อยู่เคียงข้างรอคอยวันที่อัณณาตัดใจได้ ความอดทนอดกลั้นรักษาท่าทีหายไปหมดหลังป่วย กดดันจากการจำใครไม่ได้ไม่พอยังได้รู้ว่าอัณณาหลงรักผู้ชายอีกคนซึ่งคือน้องฝาแฝดของตัวเอง ความน้อยใจเสียใจหึงมาเต็ม ไม่ต้องแคร์ภาพพจน์ใดในช่วงป่วยแสดงออกเต็มที่งอนอาละวาดงัดทุกไม้มาเรียกร้องความสนใจ สายตาที่มองอัณณาคือทำลายล้างละลายได้แสดงออกถึงความรักมั่นคงรอคอยมองฉันเถอะตลอดเวลา
ณเดชน์แสดงได้เทพมาก รู้สึกว่ามีพี่ปราณอยู่จริง ที่น่าเอาใจช่วยในความรักกับอัณณามากๆซะด้วย เมื่อไหร่อัณณาจะตัดใจจากหมอณนต์ซะที
อีกฉาก(เยอะไปไหม ก็ประทับใจมากมายจริงๆ) เวลารักของหมอณนต์เหลื่อมกับผู้หญิงแต่ละคนจนทำให้เข้าใจไปคนละทาง ก่อนแต่งงานหมอณนต์รักผูกพันอัณณามาตลอดสิบกว่าปีที่สนิทกันมาแต่เด็ก พยายามตัดใจให้พี่ปราน ด้วยอาการตัดแต่ไม่ขาดมันยึดหน่วงทำให้ทั้งสามคนไม่คืบหน้าไปทางไหนกันทั้งหมด วันแต่งงานหมอณนต์ยังตอบคำถามพิธีกรว่ารักกับภัทรินได้อย่างไรโดยการเล่าเรื่องความรักของหมอณนต์และอัณณาแทน
จนหลังแต่งงานตามแผนหมอณนต์รักหลงอยากได้ภัทรินไปแล้วจนเลิกรักอัณณาโดยไม่รู้ตัว ความรักหลงยิ่งเข้มข้นที่รพ.เมื่อภัทรินคร่ำครวญหวนไห้ต่อหน้าหมอณนต์ในคราบปราณ แต่ผู้หญิงสองคนเข้าใจคนละทาง ภัทรินนึกเรื่องเล่าวันแต่งงานได้ทำให้คิดว่าหมอณนต์รักอัณณา ส่วนอัณณาร้องไห้เสียใจมองเห็นความรักหลงของหมอณนต์ต่อภัทริน อัณณายื้อสู้เฮือกสุดท้ายด้วยไม้ตายการพยายามกดดันบอกว่าจะแต่งงานกับปราณขอให้หมอณนต์สนับสนุน หมอณนต์แม้เลิกรักอัณณาแล้วแต่ความห่วงใยเคยรักที่มีมาหลายปีก็ยังทำให้สนับสนุนการแต่งงานกับปราณได้ไม่เต็มที่ เลยยิ่งเหมือนกั๊ก
ณเดชน์ แต้ว แสดงได้เป๊ะอีกแล้ว ไดนามิค จังหวะเร็วช้าเนิบ สมบูรณ์แบบ
แพทริเซียทำได้ดีกว่าในฉากที่ไม่ต้องพูด เพราะการพูดทำให้ดูเกร็งลุ้นไปบ้าง ฉากน้ำตาไหลเงียบๆอะไรทำนองนี้พอใช้ได้
ตัวอย่างที่นึกออกมีประมาณนี้ มั่นใจว่าจะมีฉากประทับใจอีกในการดูต่อๆไป
บทละครดีเลิศขนาดนี้แล้วได้นักแสดงเจ๋งอย่างณเดชน์แต้วถ่ายทอดได้ล้ำไปอีก
ช่วง3 คืนกำไรคนดูโดยไม่ต้องโปรโมทเยอะหรืออลังการงานสร้างอะไรเลย
แสดงความคิดเห็น
มาจนถึงตอนนี้....ชอบฉากไหนมากที่สุดใน ลมซ่อนรัก..