แชร์ประสบการณ์!!! โอปปาติกะใช่หรือไม่???

ตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้จนถึงปัจจุบันตัวผมนั้นมักได้มีโอกาสรับรู้รับฟังเรี่องราวเกี่ยวกับธรรมะและสิ่งแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติจากบุคคลใกล้ตัวทั้งบิดามารดาและญาติๆ เนื่องจากตระกูลของผม พวกเราชอบเข้าวัดฟังธรรมและปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและโชคดีมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบงดงามด้วยศีลจริยวัตรสายพระป่าหลวงปู่มั่นเป็นผู้ชี้ทางอบรมสั่งสอน โดยสมาชิกในครอบครัวของผมนั้นเรื่องความเจริญก้าวหน้าในธรรมต้องยกให้คุณแม่ของผมซึ่งท่านไปได้ไวและไปได้ไกลมากสามารถสัมผัสและเข้าถึงสภาวะธรรมที่ยากที่บุคคลทั่วไปจะเข้าใจและอธิบายได้ ทั้งยังแตกฉานในปริศนาธรรมต่างๆ เวลาคุณแม่สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านจะสนทนากันเพียง 2-3 ประโยค ก็จะเข้าใจกันทีนที จนบางทีญาติธรรมคนอื่นๆ ที่ร่วมอยู่ในวงสนทนาก็แปลกใจใคร่รู้ขอให้พระอาจารย์และคุณแม่อธิบายขยายความเพิ่มเติมเพราะข้อความส่วนใหญ่จะเป็นปริศนาธรรม และหลายๆ ครั้งที่ท่านพระอาจารย์และคุณแม่มักจะสนทนากันถึงเหตุการณ์ต่างๆ คล้ายกับเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือเป็นเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว แต่ความจริงแล้วพอเวลาล่วงเลยไปสัก 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง กระทั่ง 1 ปีบ้าง เหตุการณ์ต่างๆ ที่สนทนากันนั้นกลับเกิดขึ้นในภายหลังเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง จนกระทั่งชอบมาขอร้องให้คุณแม่ของผมทำนายทายทักให้ สร้างความหนักใจให้แก่คุณแม่มาก เพราะท่านไม่ชอบทายทักใครท่านอยากให้คนสนใจใฝ่ธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์มากกว่า คุณแม่มักจะพูดเสมอว่าผู้ใดปฏิบัติธรรมผู้นั้นย่อมรู้เห็นได้ด้วยตนเอง สำหรับเรื่องราวของคุณแม่ของผมนั้น ผมขอยุติไว้เพียงเท่านี้ก่อน เพื่อที่จะถ่ายทอดบอกเล่าประสบการณ์ของผมที่ได้ประสบพบเจอมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยผมเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1-2 สมัยนั้นผมกับพี่ชายและน้องชายรวมทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทุกคนยังคงอาศัยอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังเก่าที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งห้องนอนของผมจะอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ที่บ้านหลังนี้ผมจำได้ว่าคืนหนึ่งผมนอนฝันร้ายมากจำสาระสำคัญไม่ค่อยได้ แต่ที่จำได้ไม่ลืมก็คิอในฝันผมได้พบผู้ชายดูเหมือนคนโบราณสูงราวๆ 180 เซ็นติเมตร เทียบเคียงกับตัวผมซึ่งสูง 174 เซ็นติเมตร ผิวกายของผู้ชายคนนั้นมีสีผิวคล้ำค่อนไปทางดำ ผิวหนังแลดูแห้งแต่สะอาดสะอ้านดี ทั่วทั้งตัวมีกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนปราศจากไขมันหุ่นคล้ายบรูซลีสมัยหนุ่มๆ เครื่องนุ่งห่มมีเพียงกางเกงสีแดงคล้ายนักมวยคาดเชือก และมีผ้าแดงโพกพันรอบศีรษะแต่ไม่มีชายผ้า โครงหน้าคล้ายคนไทยโบราณ มีสันกรามใหญ่มองเห็นชัดเจน ช่วงคิ้วจะมีลักษณะหนาและโหนกนูนกว่าคนปกติทั่วไป รวมทั้งดวงตาที่ใหญ่โตกว่าคนปกติทั่วไปครึ่งเท่า ลักษณะเด่นก็คือแววตาของชายดังกล่าวจะแลดูทรงพลังน่าเกรงขามและเบิกกว้างมองเห็นตาขาวและตาดำได้อย่างชัดเจน ในความฝันผู้ชายคนนั้นได้เดินตรงมาจับมี่ศีรษะของผมและทำท่าทางเหมือนจะว่ากล่าวตักเตือนอะไรสักอย่างซึ่งผมก็จำไม่ได้ พอรุ่งเช้าผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับความฝัน แต่ที่ยังคงจดจำภาพชายคนนั้นได้เพราะภาพที่ปรากฏในฝันนั้นชัดเจนมาก ภายหลังจากเหตุการณ์ความฝันนั้นผ่านพ้นไปได้ไม่นานเท่าไร เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงวันสอบวัดผลของมหาวิทยาลัย ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่มีสอบหรือติดภารกิจเช้า ผมมักนอนดึกมาก ตีสองเป็นต้นไปถึงจะเริ่มง่วง แต่วันนั้นเนื่องจากติดสอบผมจึงเข้านอนเร็วกว่าปกติ จำได้ว่าละครทีวีจบปุ๊บ ผมก็ข่มใจเดินขึ้นห้องนอนทันทีตอนนั้นผมคิดในใจว่า เอ! จะนอนเลยดีไหมตอนเช้ามืดค่อยตื่นมาอ่านทบทวนตำราเรียน หรือว่าจะอ่านยาวๆ ตอนเช้าสอบเสร็จค่อยกลับมานอน ชั่งใจสักพักความขี้เกียจเข้าครอบงำ ผมบอกตัวเองว่านอนก่อนดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ จากนั้นผมก็ลุกจากที่นอนไปดับสวิตซ์ไฟที่ปลายเตียง แป๊ก!!! สิ้นเสียงดับสวิตซ์ไฟแต่ภายในห้องกลับสว่างเหมือนเดิม ตอนนั้นผมคิดว่า เฮ้ย!!! สงสัยสวิตซ์ไฟเสีย ไม่เป็นไร ช่างมัน นอนเปิดไฟก็ได้เรื่องเล็กน้อย ผมจึงเดินกลับขึ้นเตียงนอน ปรากฏว่าขณะที่ผมนั่งลงบนเตียงตั้งท่าจะเอนหลังนอน สายตาของผมก็เหลือบมองไปที่ประตูห้องนอนฝั่งปลายเตียงตามความเคยชิน แต่วันนี้สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่แค่ประตูห้องนอนอย่างทุกที สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าผมขณะนั้น ผมมองเห็นผู้ชายนุ่งผ้าแดง โพกผ้าแดงลักษณะเดียวกันกับที่เคยเห็นในฝันลอยผ่านทะลุประตูห้องนอนตรงเข้ามาหาผม ซึ่งการที่ผมกล้ายืนยันว่าเขาลอยทะลุมาหาผมนั้นเพราะผมสังเกตเห็นว่าบริเวณตั้งแต่หัวเข่าลงไปของชายคนนั้นไม่มีขาท่อนล่าง เขาพุ่งตรงมาหาผมจนหน้าเราแทบจะชนกัน ซึ่งสิ่งที่ผมจดจำได้ไม่ลืมเลย ก็คือ แววตาที่ดุดันน่ากลัว ทรงอำนาจและน่าเกรงขาม ตอนนั้นผมตื่นตกใจกลัวมาก อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก อยากจะหงายหลังหรือลุกขึ้นยืนก็ทำไม่ได้ ตอนนั้นตัวแข็งทื่ิอไปหมดไปทั้งตัวครับ พริบตาเดียวถัดมาไฟในห้องนอนของผมก็ดับลงมืดสนิท และชายนุ่งผ้าแดงก็หายวับไปด้วย สิ่งที่ผมฉุกคิดทันที ณ ตอนนั้น ก็คือ ถ้าเปิดไฟได้ก็รอด มืดๆ แบบนี้หลอนเกินจะรับไว้ ทันทีทันใดผมพุ่งพรวดจนร่วงตกเตียงตะเกียกตะกายจนเปิดสวิตซ์ไฟได้สำเร็จ และก็รีบเปิดประตูห้องออกไปดูทันทีแต่ก็ไม่พบเห็นอะไรผิดปกติ ตอนนั้นผมซาบซึ้งและเข้าใจคำว่าอาการขนลุกขนพองถนัดถนี่เลยครับ ขนนี่ลุกเกลียวทั้งตัวยันผมบนศีรษะเลยครับ คืนนั้นทั้งคืนผมเลยเปิดไฟนอนยันเช้า วันถัดมาผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนในบ้านฟัง ซึ่งคุณแม่ของผมท่านก็บอกให้ผมฟังว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นคือผู้ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาของมีค่าใต้พื้นดินที่บ้านเราปลูกสร้างทับอยู่ คุณแม่บอกผมว่าท่านมาดีไม่ต้องกลัว...แต่ผมขอสารภาพตามตรงเลยนะครับ....ผมนี้กลัวอุจจาระหดตดหายเลยครับผม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่