ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิด มีทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัว งานก็กำลังไปได้ดี อดีตสมัยวัยรุ่นช่วงเรียนมหาลัย ก็จัดว่าเป็นพวกประวัติไม่ดีหน่อยๆ
จริงๆก็ไม่ได้เจ้าชู้หรือมีแฟนมาก เพียงแต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน และเที่ยวกลางคืนบ้างแต่ดันเรียนในคณะที่มีแต่เด็กเรียนเป็นส่วนใหญ่ ช่วงเรียนจบกำลังเรียนต่อ
มีรุ่นน้องคนหนึ่งมาจากกรุงเทพ ผมก็แอบสังเกตุเธอมาตลอดเป็นคนเงียบๆ นิสัยดี เรียนเก่งมาก ผมเคยยุรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันตอนนั้นบอกให้จีบคนนี้ (ในใจคิด ถ้าไม่จีบ
กูจีบเองนะ) สรุปเธอก็ไม่เคยมีแฟน จนทั้งผมและเธอจบ ผมกลับบ้านเกิด เธอก็กลับ กทม ตลอดเวลาช่วงเรียนต่อ ผมก็ใช้ชีวิตแบบหนุ่มโสดทั่วไป ซึ่งยอมรับว่า ลุคมันไม่ดี
แล้วจากนั่นก็เว้นระยะ โสดมาสามปี ช่วงกลางปีที่แล้ว มีอีเว้นฟุตบอลโลก ผมจำได้ว่าเธอเชียร์ทีมหนึ่ง จึงทักไป เธอตอบกลับ นั่นเป็นจุดเริ่มของการคุยกันอีกครั้ง
จากนั้นอาจจะด้วยเพราะเธอเหงา ส่วนตัวผมคิดว่า พร้อมแล้วที่จะดูแลใครสักคน เราเลยคุยกันมากขึ้นๆ ผมไป กทมบ่อยขึ้นจากเรื่องงาน จึงได้นัดทานข้าวกัน ช่วงหลังปีใหม่
ผมคิดว่า เธอน่าจะมีใจบ้าง จึงขออนุญาตจีบเธอตรงๆ เธอตอบมาว่า ดูไปก่อนละกัน แต่ต่อมาก็ถามว่า ตกลงนี่เราเป็นแฟนกันรึยัง ผมเลยตอบว่า เป็นตั้งแต่ผมขอละ 55
เธอขอผมสามอย่าง ให้ลดการดื่ม อย่าโกหก และอย่าเจ้าชู้ ซึ่งผมทำได้อย่างไม่มีปัญหา
วันวาเลนไทน์ปีนี้ ผมมีความสุขมาก บอกตรงๆอย่างไม่อาย จริงๆผมไม่เคยได้ชอคโกแลตจากผู้หญิงมาก่อน ถึงแม้จะเคยมีแฟนมาแล้วสามคน
หลังจากนั้นเราก็คุยกันอย่างมีความสุขอีกสามวัน จนกระทั่งบ่ายวันอังคาร เธอเงียบหายไป บลอคทุกช่องทางการติดต่อ ผมคิดว่าเธอเหนื่อยจากการทำงานจึงไม่รบกวน
เช้าวันพุธ รู้สึกสังหรณ์ใจละว่ามันแปลก แล้วฝันร้ายก็มาถึง เธอไลน์สั้นๆมาบอกเลิก โดยเหตุผลคือเธอคิดว่า ผมไม่ใช่ แต่ไม่บอกสาเหตุว่า ไม่ใช่เพราะอะไร
ผมเป็นคนไร้สมรรถภาพไปราวหนึ่งสัปดาห์ ทำงานไม่รู้เรื่อง สุดท้ายจึงตัดสินใจไปหาเธอในอีกวีคต่อมา เธอบอกเหตุผลเดิม โดยไม่อธิบาย บอกแค่ว่าหวังว่าผมคงเข้าใจ
อีกเรื่องมั่นใจได้เลยว่า เธอไม่ได้เลิกเพราะมีคนอื่นมาจีบแน่ๆ
แน่ล่ะ ผมเข้าใจ ว่าเธอคิดว่า ผมกับเธอไปกันยาก เพราะเราดูต่างกันเกินไป ทั้งนิสัยส่วนตัว ผมพูดมาก เธอพูดน้อย ผมชอบทำงานในแบบที่ไม่ได้เรียนมา ไอ่ที่เรียนมาตรงๆน่ะทำเป็นงาน
การกุศล ส่วนเธอมุ่งมั่นในงานสาขาที่เราเรียนมา อีกอย่าง พ่อแม่เธอเริ่มอายุมาก และมีลูกคนเดียว ผมเป็นลูกชายคนโต พ่อแม่ก็คงอยู่ต่างจังหวัดตลอดไม่ย้ายเช่นกัน
อีกอย่าง เธอกำลังจะเรียนต่ออีกสองปี สองปีที่ว่ามันคงยุงมาก จนเธอคิดว่า ไม่มีเวลาให้แฟน และคนเจ้าชู้อย่างผมอาจจะเปลี่ยนไป
ที่พล่ามมาทั้งหมด คือ ผมคิดว่า การที่เราแตกต่างกันบ้างในเรื่องนิสัย เราอาจจะช่วยเติมเต็มในส่วนที่อีกคนขาดได้ด้วยซ้ำ เช่นการที่เค้ามีเพื่อนวงการอื่นน้อย ถ้าเกิดมีเหตุต้องพึ่งพา
คนอื่น ผมก็สามารถทำแทนเค้าได้ ส่วนเรื่องงานในสาขาที่เราเรียนมา ถ้าผมเองมีปัญหาในทางทฤษฎี ผมมั่นใจว่า คุณเธอช่วยผมได้แน่นอน
วันนี้เธอบอกเลิกผมมาครบหนึ่งเดือน ผมทำงานได้ปกติ แต่นอนฝันร้ายอยู่เกือบทุกคืน ไม่แน่ใจว่า เป็นจากจิตใต้สำนึกหรืออย่างไร
ในหนึ่งเดือนที่ว่า เราติดต่อกันนับครั้งได้ เพราะผมกลัวว่า ผมจะไปรบกวน หรือตื้อเธอเกินไป จนเธอบลอคทุกการติดต่ออีก ซึ่งแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่ๆ
ขอเป็นคนที่รักเธอแบบนี้ดีกว่า
สิ่งที่อยากถามความเห็นทุกท่าน
1 เพื่อนผมมันบอกว่า เธออาจจะเป็นคนที่ไม่คิดจะมีความรักเลยในชีวิตนี้ มันเป็นไปได้มั้ย?
2 ผมคิดเรื่องการย้ายไป กทม เผื่อเหตุผลของเธอคือเรื่องพ่อแม่จะได้ตัดความกังวลตรงนี้ไป แต่ผมก็มีพ่อแม่ผมที่ต้องดูแลเช่นกัน เรื่องนี้ตัดสินใจคช่อนข้างยากครับ
งานที่ผมทำได้ที่ กทม น่ะมี รายได้ดีกว่าบ้านเกิดสามเท่าครึ่ง แต่ความอิสระคงต่างกัน ไม่ใช่การกุศลละแบบนั้น
3 ถ้าผมเลือกที่จะรอเธออยู่ในที่ของผม ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เปิดรับคนใหม่ๆ เผื่อสักวันที่เธอคิดเรื่องนี้ เธออาจจะมองมา
มันเป็นความคิดที่ดีจริงรึไม่
4 ผมเข้าใจคำว่า คนไม่ใช่ ทำดีแค่ไหนก็ไม่ใช่ คนที่ใช่ ไม่ต้องทำอะไรมันก็ใช่ แต่จากที่เคยมีแฟนมา บางคนที่เคยคิดว่าใช่ มันกลายเป็นไม่ใช่ก็มี ดังนั้น
ผมมีโอกาสกลายเป็นคนที่ใช่สำหรับเค้าในสักวันหนึ่งมั้ย?
สุดท้าย ผมคิดนานมากว่าจะถามเรื่องของผมและเธอลงในนี้ดีมั้ยเพราะรู้ว่าสังคมพันทิพมันกว้างมาก
ขอโทษเธอ ณ ที่นี้ด้วยถ้าเธอมาอ่านเจอแล้วไม่ชอบใจ
รักนะ
ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นครับ
ผมรักคนที่ไม่มีหัวใจ?
จริงๆก็ไม่ได้เจ้าชู้หรือมีแฟนมาก เพียงแต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน และเที่ยวกลางคืนบ้างแต่ดันเรียนในคณะที่มีแต่เด็กเรียนเป็นส่วนใหญ่ ช่วงเรียนจบกำลังเรียนต่อ
มีรุ่นน้องคนหนึ่งมาจากกรุงเทพ ผมก็แอบสังเกตุเธอมาตลอดเป็นคนเงียบๆ นิสัยดี เรียนเก่งมาก ผมเคยยุรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันตอนนั้นบอกให้จีบคนนี้ (ในใจคิด ถ้าไม่จีบ
กูจีบเองนะ) สรุปเธอก็ไม่เคยมีแฟน จนทั้งผมและเธอจบ ผมกลับบ้านเกิด เธอก็กลับ กทม ตลอดเวลาช่วงเรียนต่อ ผมก็ใช้ชีวิตแบบหนุ่มโสดทั่วไป ซึ่งยอมรับว่า ลุคมันไม่ดี
แล้วจากนั่นก็เว้นระยะ โสดมาสามปี ช่วงกลางปีที่แล้ว มีอีเว้นฟุตบอลโลก ผมจำได้ว่าเธอเชียร์ทีมหนึ่ง จึงทักไป เธอตอบกลับ นั่นเป็นจุดเริ่มของการคุยกันอีกครั้ง
จากนั้นอาจจะด้วยเพราะเธอเหงา ส่วนตัวผมคิดว่า พร้อมแล้วที่จะดูแลใครสักคน เราเลยคุยกันมากขึ้นๆ ผมไป กทมบ่อยขึ้นจากเรื่องงาน จึงได้นัดทานข้าวกัน ช่วงหลังปีใหม่
ผมคิดว่า เธอน่าจะมีใจบ้าง จึงขออนุญาตจีบเธอตรงๆ เธอตอบมาว่า ดูไปก่อนละกัน แต่ต่อมาก็ถามว่า ตกลงนี่เราเป็นแฟนกันรึยัง ผมเลยตอบว่า เป็นตั้งแต่ผมขอละ 55
เธอขอผมสามอย่าง ให้ลดการดื่ม อย่าโกหก และอย่าเจ้าชู้ ซึ่งผมทำได้อย่างไม่มีปัญหา
วันวาเลนไทน์ปีนี้ ผมมีความสุขมาก บอกตรงๆอย่างไม่อาย จริงๆผมไม่เคยได้ชอคโกแลตจากผู้หญิงมาก่อน ถึงแม้จะเคยมีแฟนมาแล้วสามคน
หลังจากนั้นเราก็คุยกันอย่างมีความสุขอีกสามวัน จนกระทั่งบ่ายวันอังคาร เธอเงียบหายไป บลอคทุกช่องทางการติดต่อ ผมคิดว่าเธอเหนื่อยจากการทำงานจึงไม่รบกวน
เช้าวันพุธ รู้สึกสังหรณ์ใจละว่ามันแปลก แล้วฝันร้ายก็มาถึง เธอไลน์สั้นๆมาบอกเลิก โดยเหตุผลคือเธอคิดว่า ผมไม่ใช่ แต่ไม่บอกสาเหตุว่า ไม่ใช่เพราะอะไร
ผมเป็นคนไร้สมรรถภาพไปราวหนึ่งสัปดาห์ ทำงานไม่รู้เรื่อง สุดท้ายจึงตัดสินใจไปหาเธอในอีกวีคต่อมา เธอบอกเหตุผลเดิม โดยไม่อธิบาย บอกแค่ว่าหวังว่าผมคงเข้าใจ
อีกเรื่องมั่นใจได้เลยว่า เธอไม่ได้เลิกเพราะมีคนอื่นมาจีบแน่ๆ
แน่ล่ะ ผมเข้าใจ ว่าเธอคิดว่า ผมกับเธอไปกันยาก เพราะเราดูต่างกันเกินไป ทั้งนิสัยส่วนตัว ผมพูดมาก เธอพูดน้อย ผมชอบทำงานในแบบที่ไม่ได้เรียนมา ไอ่ที่เรียนมาตรงๆน่ะทำเป็นงาน
การกุศล ส่วนเธอมุ่งมั่นในงานสาขาที่เราเรียนมา อีกอย่าง พ่อแม่เธอเริ่มอายุมาก และมีลูกคนเดียว ผมเป็นลูกชายคนโต พ่อแม่ก็คงอยู่ต่างจังหวัดตลอดไม่ย้ายเช่นกัน
อีกอย่าง เธอกำลังจะเรียนต่ออีกสองปี สองปีที่ว่ามันคงยุงมาก จนเธอคิดว่า ไม่มีเวลาให้แฟน และคนเจ้าชู้อย่างผมอาจจะเปลี่ยนไป
ที่พล่ามมาทั้งหมด คือ ผมคิดว่า การที่เราแตกต่างกันบ้างในเรื่องนิสัย เราอาจจะช่วยเติมเต็มในส่วนที่อีกคนขาดได้ด้วยซ้ำ เช่นการที่เค้ามีเพื่อนวงการอื่นน้อย ถ้าเกิดมีเหตุต้องพึ่งพา
คนอื่น ผมก็สามารถทำแทนเค้าได้ ส่วนเรื่องงานในสาขาที่เราเรียนมา ถ้าผมเองมีปัญหาในทางทฤษฎี ผมมั่นใจว่า คุณเธอช่วยผมได้แน่นอน
วันนี้เธอบอกเลิกผมมาครบหนึ่งเดือน ผมทำงานได้ปกติ แต่นอนฝันร้ายอยู่เกือบทุกคืน ไม่แน่ใจว่า เป็นจากจิตใต้สำนึกหรืออย่างไร
ในหนึ่งเดือนที่ว่า เราติดต่อกันนับครั้งได้ เพราะผมกลัวว่า ผมจะไปรบกวน หรือตื้อเธอเกินไป จนเธอบลอคทุกการติดต่ออีก ซึ่งแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่ๆ
ขอเป็นคนที่รักเธอแบบนี้ดีกว่า
สิ่งที่อยากถามความเห็นทุกท่าน
1 เพื่อนผมมันบอกว่า เธออาจจะเป็นคนที่ไม่คิดจะมีความรักเลยในชีวิตนี้ มันเป็นไปได้มั้ย?
2 ผมคิดเรื่องการย้ายไป กทม เผื่อเหตุผลของเธอคือเรื่องพ่อแม่จะได้ตัดความกังวลตรงนี้ไป แต่ผมก็มีพ่อแม่ผมที่ต้องดูแลเช่นกัน เรื่องนี้ตัดสินใจคช่อนข้างยากครับ
งานที่ผมทำได้ที่ กทม น่ะมี รายได้ดีกว่าบ้านเกิดสามเท่าครึ่ง แต่ความอิสระคงต่างกัน ไม่ใช่การกุศลละแบบนั้น
3 ถ้าผมเลือกที่จะรอเธออยู่ในที่ของผม ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เปิดรับคนใหม่ๆ เผื่อสักวันที่เธอคิดเรื่องนี้ เธออาจจะมองมา
มันเป็นความคิดที่ดีจริงรึไม่
4 ผมเข้าใจคำว่า คนไม่ใช่ ทำดีแค่ไหนก็ไม่ใช่ คนที่ใช่ ไม่ต้องทำอะไรมันก็ใช่ แต่จากที่เคยมีแฟนมา บางคนที่เคยคิดว่าใช่ มันกลายเป็นไม่ใช่ก็มี ดังนั้น
ผมมีโอกาสกลายเป็นคนที่ใช่สำหรับเค้าในสักวันหนึ่งมั้ย?
สุดท้าย ผมคิดนานมากว่าจะถามเรื่องของผมและเธอลงในนี้ดีมั้ยเพราะรู้ว่าสังคมพันทิพมันกว้างมาก
ขอโทษเธอ ณ ที่นี้ด้วยถ้าเธอมาอ่านเจอแล้วไม่ชอบใจ
รักนะ
ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นครับ