ระบบการศึกษาไทย!! จะลดกิจกรรม เพิ่มเวลาเรียน!!! เพราะเกรดเด็กไทยตกต่ำ ใช้อะไรคิด?

สวัสดีค่ะ ในฐานะนักเรียนคนนึงบอกเลยค่ะทุกวันนี้เรียนแบบไม่มีกิจกรรมให้ทำอยู่แล้วเพราะโรงเรียนเองก็พยายามแต่จะเน้นวิชาการๆๆๆๆอย่างเดียว(เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งค่ะขอไม่เอ่ยนาม) ตัดกิจกรรมลดลงเยอะมากจากที่เคยมี ก็ไม่มี แล้วยังคิดจะตัดกิจจกรรมออกเพื่อแก้ปัญหาหรอค่ะ รู้ไหมว่าเด็กทุกคนล้วนรอคอยกิจกรรมพวกนี้ในแต่ละปี เพราะมีแต่เรียนๆๆๆๆๆอย่างเดียว ในความคิดส่วนตัวดิฉันกับการจะ"ลดกิจกรรมเพิ่มเวลาเรียน" ควรปรับปรุงที่ระบบการศึกษาค่ะ ควรล้างใหม่หมด! ให้เน้นปฏิบัติจริง ใช้ได้ในชีวิตจริง ไม่ใช่มีแต่ทฤษฏี! เมืองที่เค้าจะเจริญแล้วก็กรุณาดูเขาเป็นตังอย่างค่ะ ไม่เห็นประเทศไหนเรียนมากมายขนาดนี้แต่อยู่ที่เดิม เรียกตัวเองว่ากำลังพัฒนาแต่ไม่เลย ทำไมประเทศอื่นเรียนไม่เยอะเท่านี้"แต่จบมามีคุณภาพ" ใช้ชีวิตได้จริงเป็นหัวสิงห์ไม่ใช่หาง เช่น สิงคโปร์ ระบบการศึกษาเขาดีมาก ก็เห็นแห่แหนกันไปดูงานศึกษางาน แล้วไหนค่ะ? ที่นำมาปรับปรุง ไม่ใช่มาโทษกิจกรรมบอกตรงๆว่าสะเทือนใจมาก แล้วพูดเลยว่าเด็กไทยมากมายเองก็ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงนี้ค่ะยิ้ม  ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ แล้วทุกท่านคิดเห็นอย่างไรกับระบบการศึกษาไทยค่ะ


ข่าวที่พบเมื่อเช้าค่ะ

นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ.เตรียมปรับลดกิจกรรมนักเรียนลง หลังผลศึกษาพบว่า เวลาเรียนซึ่งมีอยู่ปีละ 200 วันนั้น  นักเรียนต้องไปทำกิจกรรมอื่นๆ ถึง 82 วัน เพราะแต่ละปีมีกิจกรรมจากหน่วยงานต่างๆ  ให้นักเรียนร่วมถึง 67 กิจกรรม อย่างไรก็ตาม โดยหลักวิชาการแล้ว นักเรียนไม่ควรใช้เวลาเรียนไปทำกิจกรรมอื่นเกิน 10%  หรือ 40 วัน  และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลการเรียนของเด็กไม่สูงตามที่เราคาดหวัง สพฐ.จึงต้องการลดทอนกิจกรรมเหล่านี้ลง เพื่อคืนเวลาเรียนให้เด็ก

นายกมล กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมที่นักเรียนต้องเข้าร่วมในแต่ละปีนั้น จะแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ประเภทแรกเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับนักเรียนโดยตรงหรือเกี่ยวข้องกับวิชาเรียน อาทิเช่น กิจกรรมสร้างเสริมสุขอนามัย  รณรงค์ส่งเสริมคุณธรรม กิจกรรมปลูกป่าพัฒนาสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน  ค่ายวิทยาศาสตร์ ส่วนประเภทที่ 2 เป็นกิจกรรมช่วยงานหน่วยงานภายนอก เช่น รณรงค์เลือกตั้ง กิจกรรมประจำปีของจังหวัดซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียนของเด็ก หรือการเกณฑ์เด็กไปร่วมกิจกรมการจัดงานต่าง ๆ เพราะให้ดูเหมือนมีคนไปร่วมงานจำนวนมาก และประเภทที่ 3 เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการประเมินต่างๆ ซึ่งกำหนดไว้ว่า จะใช้เวลาไม่เกิน 9 วัน แต่ในทางปฏิบัติต้องมีการเตรียมความพร้อมรับการประเมินเป็นเดือน กระทบต่อเวลาเรียนของเด็ก

"ปลายเดือน มีนาคมนี้ สพฐ.จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้ง 67 โครงการ มาประชุมหารือร่วมกัน เพื่อหาทางปรับลดเวลาการทำกิจกรรมเหล่านี้ให้เหลือไม่เกิน  10%  เด็กจะได้มีเวลาเรียนเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ว่า สพฐ.จะเลิกกิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมที่ดี แค่จัดระบบใหม่  แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่นหมวดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ หมวดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม แล้วบูรณาการกิจกรรมประเภทเดียวกันจากหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ถ้าทำอย่างนี้จะช่วยลดเวลาทำกิจกรรมไปได้มาก ทุกวันนี้  หน่วยงานเจ้าของกิจกรรมไม่ค่อยคุยกัน ต่างคนต่างมา

อย่างกระทรวงสาธารณสุขนั้น มีกิจกรรมที่หลากหลายมาก  น่าจะคุยกันก่อนแล้วบูรณาการกิจกรรมเข้าด้วยกัน  หรืออย่างกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนั้น ก็มีโครงการทำนองนี้จากหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)  ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการรัฐสภา ทุกหน่วยงานก็อยากเอาเด็กเป็นเป้าหมาย แต่ไม่ได้นึกว่า จะทำให้เด็กเสียเวลาเรียน  ซึ่งจริงๆ แล้ว ทุกกิจกรรม ก็พาเด็กไปทำเรื่องดี ๆ แต่ถ้ามากเกินไปก็ทำให้เด็กเสียเวลาเรียน  “นายกมล กล่าวและว่า  กิจกรรมบางประเภท เช่น การแข่งกีฬา อาจจะให้จัดในช่วงปิดภาคเรียนแทน  ที่สำคัญในช่วงเดือนที่นักเรียนสอบ จะไม่ให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น  


ปล. เห็นได้จากการนำตารางเรียนต่างประเทศกับประเทศไทยมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทยเรียนหนักมาก แต่ไม่เป็นผลเลย ส่วนต่างประเทศนั้นเขาไม่เรียนหนักเท่าเรา แต่เด็กมีคุณภาพเกือบทุกคนยิ้ม (วิดิโอนั้นหาดูได้ทั่วไปค่ะ หาเจอแล้วจะนำมาแปะให้)
ปล.2 หากผิดพลาดประการใดขอภัยนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่