ประสบการณ์ชีวิต (อันแสนเลวร้าย) กับกระบวนการยุติธรรม มีเรื่อง ขึ้นโรงขึ้นศาล พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูปผู้ต้องหา หาเงินมาประกันตัวเอง กลายเป็นจำเลย ต้องดิ้นรนหาทนาย และต้องไปศาลอีกไม่รู้กี่นัด แถมไม่รู้ด้วยว่าเรื่องจะลงเอยยังไง....ทั้งที่เราไม่ผิด
มิ.ย. 57 มีคนหาว่าเราขับรถชน แต่เราไม่ได้ชน เขายืนขวางถนนเราขับรถมาดีๆ เห็นเขายืนขวางอยู่เราก็จอดรถ เขาเข้ามาทุบรถเราแล้วร้องแรกแหกกระเชอว่าเราขับรถชน (ผู้เห็นเหตุการณ์มีเพียงเรากับเขาสองคน) ญาติพี่น้องเขาในละแวกนั้นก็กรูกันออกมารุมล้อมด่าว่าเรา แล้วมีคนโทรแจ้งตำรวจ ตำรวจก็มาดูที่เกิดเหตุ สอบถาม ถ่ายรูปรถ บริเวณที่เกิดเหตุ แล้วให้ตำรวจอีกคนพา "คนเจ็บ" ไป โรงพยาบาลเอกชน
ร้อยเวรให้เราขับรถไปไว้ที่โรงพักก็ไปกับร้อยเวรแหละ วันถัดมาตำรวจก็ให้อู่รถมาตรวจสภาพรถ เขาก็ดูแล้วลงบันทึกว่าไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน เราต้องจ่ายเงินค่าตรวจรถ 1,000 บาท ตำรวจให้เราจอดรถไว้ที่โรงพักสามวันสองคืน จึงเอารถออกมาได้ โชคร้ายอีกอย่างก็คือรถเราหมดประกันด้วย
เราก็ให้ปากคำกับร้อยเวรว่าเรามีเรื่องบาดหมางกันกับคนเจ็บอยู่ แล้วก็เล่ารายละเอียดให้ฟังตามความเป็นจริงทุกเรื่อง ร้อยเวรบอกว่าเขาคงอยากได้เงินคุณแหละดูท่าทางเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรเลย
เขานอนโรงพยาบาลสองคืน เอาใบเสร็จมาให้ร้อยเวร ค่าใช้จ่าย 12,000 บาท แต่ใบเสร็จระบุว่าเป็น "ค่าตรวจร่างกาย" และไม่ได้ระบุว่าพบอาการบาดเจ็บอะไร เขาแจ้งความว่าเรา "พยายามฆ่า" ร้อยเวรบอกกับเขาว่าถ้าเขาจะฆ่าคุณจริงคุณคงไม่ได้มายืนกล่าวหาเขาอยู่อย่างนี้หร็อก แต่ที่สุดแล้วตำรวจก็ตั้งข้อหาเราว่า "พยายามทำร้ายร่างกาย"
เราก็ไปพบตำรวจตามนัดทุกครั้ง ตำรวจบอกว่าจะไกล่เกลี่ยให้ เพราะดูแล้วเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แค่อยากมีเรื่องใส่ร้ายเรา (อ้าว ตำรวจก็รู้นี่ แล้วทำไมทำอย่างนี้ล่ะ) เราก็ต้องไปโรงพักหลายครั้งนะ ทีแรกทางนู้นเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เราบอกว่าไม่จ่ายเพราะเราไม่ได้ทำผิด ต่อมาตำรวจต่อรองให้ว่าทางนู้นจะเอา 30,000 บาท ถ้าเราหามาจ่ายเขาไปเรื่องมันก็จบ ไม่ต้องมีประวัติด้วย คือก็อึ้งๆ นะว่า "โลกนี้มันหมุนได้ด้วยเงินจริงๆ" ใครผิดใครถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย แต่เรายืนยันว่าเราไม่ผิด ยังไงเราก็ไม่จ่ายแน่ๆ อีกอย่างรู้ๆ อยู่ว่าทางนู้นใส่ร้ายเราพร้อมทั้งปล่อยข่าวสารพัดให้เราเป็นที่เกลียดชัง
สรุปแล้วร้อยเวรทำเรื่องส่งอัยการ ฟ้องเราตามมาตรา 295
13 ก.พ. 58 ศาลนัดสมานฉันท์ ให้ฝ่ายโจทก์แจกแจงค่าใช้จ่ายตามจริงว่าเสียค่าอะไรไปเท่าไร โจทก์ก็อ้างค่านู่นนี่นั่น ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญ ค่าจิปาถะ ศาลบอกว่า "ไม่มีหร็อกค่าทำขวัญน่ะ" ศาลสรุปให้เบ็ดเสร็จค่าโรงพยาบาลรวมกับค่าขาดงานทั้งสิ้น 16,000 บาท แล้วก็หันมาทางเราที่เป็นจำเลยว่าเท่านี้จะจ่ายมั๊ย เราก็ถามศาลว่าถ้าจ่ายก็แปลว่าเราเป็นฝ่ายผิดใช่มั๊ย (เหมือนจะลดราคาลงเรื่อยๆ จากห้าหมื่นเหลือสามหมื่นเหลือหมื่นหก เพื่อให้เรายอมจ่าย ยอมรับผิด เพื่อให้เรื่องมันจบๆ เฮ้ย กระบวนการยุติธรรมมันเป็นอย่างเนี้ย เพิ่งรู้)
ศาลก็พูดอะไรฟังยากๆ แต่จับใจความได้ว่า "ใช่" ซึ่งถ้าเรารับสารภาพและชดใช้ความผิด (คือเสียตังค์) ตามสมควร ศาลจะลงโทษสถานเบาหรือไม่ลงโทษก็ได้
เราก็บอก "ดิฉันไม่ผิด ดิฉันขอสู้ค่ะ"
ศาลก็บอกให้เราคิดให้ดีๆ อย่ามองย้อนอดีต ให้มองปัจจุบันกับอนาคต (ท่านพูดเหมือนมีคติเตือนใจยาวเหยียด... เพื่อให้คนไม่ผิดยอมรับผิด)
พรุ่งนี้ คือ 17 มี.ค. 58 ขึ้นศาล นัดพร้อม
เราก็หาทนายได้ตามมีตามเกิดแหละค่ะ เพราะกำลังลำบาก เงินทองก็ไม่มี แถมยังตกงานอีก... ทนายท่านบอกว่ายินดีช่วย เพราะเห็นใจมาก เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องห่วง
ที่เล่ามายาวมากๆๆ เนี่ย มีคนอดทนอ่านจบจะดีใจมาก แล้วท่านใดที่อ่านแล้วมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน หรือมีคำปลอบใจอะไรให้ดิฉันบ้างจะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ...
ระบบยุติธรรม นี่หมายถึงอะไรกันแน่คะ จบลงอย่างเป็นธรรม หรือแค่ทำๆ ให้มันจบ
ประสบการณ์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา แล้วก็เป็นจำเลย
มิ.ย. 57 มีคนหาว่าเราขับรถชน แต่เราไม่ได้ชน เขายืนขวางถนนเราขับรถมาดีๆ เห็นเขายืนขวางอยู่เราก็จอดรถ เขาเข้ามาทุบรถเราแล้วร้องแรกแหกกระเชอว่าเราขับรถชน (ผู้เห็นเหตุการณ์มีเพียงเรากับเขาสองคน) ญาติพี่น้องเขาในละแวกนั้นก็กรูกันออกมารุมล้อมด่าว่าเรา แล้วมีคนโทรแจ้งตำรวจ ตำรวจก็มาดูที่เกิดเหตุ สอบถาม ถ่ายรูปรถ บริเวณที่เกิดเหตุ แล้วให้ตำรวจอีกคนพา "คนเจ็บ" ไป โรงพยาบาลเอกชน
ร้อยเวรให้เราขับรถไปไว้ที่โรงพักก็ไปกับร้อยเวรแหละ วันถัดมาตำรวจก็ให้อู่รถมาตรวจสภาพรถ เขาก็ดูแล้วลงบันทึกว่าไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน เราต้องจ่ายเงินค่าตรวจรถ 1,000 บาท ตำรวจให้เราจอดรถไว้ที่โรงพักสามวันสองคืน จึงเอารถออกมาได้ โชคร้ายอีกอย่างก็คือรถเราหมดประกันด้วย
เราก็ให้ปากคำกับร้อยเวรว่าเรามีเรื่องบาดหมางกันกับคนเจ็บอยู่ แล้วก็เล่ารายละเอียดให้ฟังตามความเป็นจริงทุกเรื่อง ร้อยเวรบอกว่าเขาคงอยากได้เงินคุณแหละดูท่าทางเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรเลย
เขานอนโรงพยาบาลสองคืน เอาใบเสร็จมาให้ร้อยเวร ค่าใช้จ่าย 12,000 บาท แต่ใบเสร็จระบุว่าเป็น "ค่าตรวจร่างกาย" และไม่ได้ระบุว่าพบอาการบาดเจ็บอะไร เขาแจ้งความว่าเรา "พยายามฆ่า" ร้อยเวรบอกกับเขาว่าถ้าเขาจะฆ่าคุณจริงคุณคงไม่ได้มายืนกล่าวหาเขาอยู่อย่างนี้หร็อก แต่ที่สุดแล้วตำรวจก็ตั้งข้อหาเราว่า "พยายามทำร้ายร่างกาย"
เราก็ไปพบตำรวจตามนัดทุกครั้ง ตำรวจบอกว่าจะไกล่เกลี่ยให้ เพราะดูแล้วเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แค่อยากมีเรื่องใส่ร้ายเรา (อ้าว ตำรวจก็รู้นี่ แล้วทำไมทำอย่างนี้ล่ะ) เราก็ต้องไปโรงพักหลายครั้งนะ ทีแรกทางนู้นเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เราบอกว่าไม่จ่ายเพราะเราไม่ได้ทำผิด ต่อมาตำรวจต่อรองให้ว่าทางนู้นจะเอา 30,000 บาท ถ้าเราหามาจ่ายเขาไปเรื่องมันก็จบ ไม่ต้องมีประวัติด้วย คือก็อึ้งๆ นะว่า "โลกนี้มันหมุนได้ด้วยเงินจริงๆ" ใครผิดใครถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย แต่เรายืนยันว่าเราไม่ผิด ยังไงเราก็ไม่จ่ายแน่ๆ อีกอย่างรู้ๆ อยู่ว่าทางนู้นใส่ร้ายเราพร้อมทั้งปล่อยข่าวสารพัดให้เราเป็นที่เกลียดชัง
สรุปแล้วร้อยเวรทำเรื่องส่งอัยการ ฟ้องเราตามมาตรา 295
13 ก.พ. 58 ศาลนัดสมานฉันท์ ให้ฝ่ายโจทก์แจกแจงค่าใช้จ่ายตามจริงว่าเสียค่าอะไรไปเท่าไร โจทก์ก็อ้างค่านู่นนี่นั่น ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญ ค่าจิปาถะ ศาลบอกว่า "ไม่มีหร็อกค่าทำขวัญน่ะ" ศาลสรุปให้เบ็ดเสร็จค่าโรงพยาบาลรวมกับค่าขาดงานทั้งสิ้น 16,000 บาท แล้วก็หันมาทางเราที่เป็นจำเลยว่าเท่านี้จะจ่ายมั๊ย เราก็ถามศาลว่าถ้าจ่ายก็แปลว่าเราเป็นฝ่ายผิดใช่มั๊ย (เหมือนจะลดราคาลงเรื่อยๆ จากห้าหมื่นเหลือสามหมื่นเหลือหมื่นหก เพื่อให้เรายอมจ่าย ยอมรับผิด เพื่อให้เรื่องมันจบๆ เฮ้ย กระบวนการยุติธรรมมันเป็นอย่างเนี้ย เพิ่งรู้)
ศาลก็พูดอะไรฟังยากๆ แต่จับใจความได้ว่า "ใช่" ซึ่งถ้าเรารับสารภาพและชดใช้ความผิด (คือเสียตังค์) ตามสมควร ศาลจะลงโทษสถานเบาหรือไม่ลงโทษก็ได้
เราก็บอก "ดิฉันไม่ผิด ดิฉันขอสู้ค่ะ"
ศาลก็บอกให้เราคิดให้ดีๆ อย่ามองย้อนอดีต ให้มองปัจจุบันกับอนาคต (ท่านพูดเหมือนมีคติเตือนใจยาวเหยียด... เพื่อให้คนไม่ผิดยอมรับผิด)
พรุ่งนี้ คือ 17 มี.ค. 58 ขึ้นศาล นัดพร้อม
เราก็หาทนายได้ตามมีตามเกิดแหละค่ะ เพราะกำลังลำบาก เงินทองก็ไม่มี แถมยังตกงานอีก... ทนายท่านบอกว่ายินดีช่วย เพราะเห็นใจมาก เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องห่วง
ที่เล่ามายาวมากๆๆ เนี่ย มีคนอดทนอ่านจบจะดีใจมาก แล้วท่านใดที่อ่านแล้วมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน หรือมีคำปลอบใจอะไรให้ดิฉันบ้างจะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ...
ระบบยุติธรรม นี่หมายถึงอะไรกันแน่คะ จบลงอย่างเป็นธรรม หรือแค่ทำๆ ให้มันจบ