กระทู้นี้ขอรีวิวงานแต่งงานของตัวเองบ้างนะคะ หลังจากที่แอบเข้ามาอ่านและหาข้อมูลในนี้อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนช่วงกำลังจะแต่งงานค่ะ เผื่อว่ากระทู้ของเราอาจจะเป็นประโยชน์กับใครบางคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้บ้าง
จขกท. แต่งงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมานี้ค่ะ ก่อนจะเริ่มรีวิว ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวกันก่อนซักเล็กน้อยนะคะ
เราอายุ 30 ปี แฟนอายุ 32 ปี อาชีพการงานมั่นคงทั้งคู่ เราสองคนคบกันมาประมาณ 4 ปี ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานก็เพิ่งมาคุยเรื่องงานแต่งงานจริงจังช่วงต้นปี 2557 โดยที่ไม่มีโมเมนต์ขอแต่งงานอะไรใดๆ แค่คุยๆ กันว่าถึงเวลาแล้วยัง เมื่อเห็นพ้องต้องกันทั้งสองฝ่าย พอดีพ่อกับแม่เราอยู่ต่างจังหวัด แล้วช่วงนั้นเดินทางมาทำธุระที่กรุงเทพพอดี จึงนัดญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันที่บ้านเราที่กรุงเทพ แล้วก็พูดคุยสู่ขอกันพอเป็นพิธี ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้อิสระในการจัดงานกับเราสองคนเต็มที่ หลังจากได้รับไฟเขียวเรากับแฟนก็เริ่มเตรียมการแต่งงานค่ะ ... ช่วงเตรียมงานถือเป็นช่วงที่สนุกและมีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้ เราจะขอรีวิวแบบละเอียดยิบทีละเรื่องเลยนะคะ ว่าเราเตรียมอะไร ยังไงบ้าง และผลงานในวันงานเป็นยังไงบ้าง รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย
ก่อนอื่นขอพาไปดูบรรยากาศงานวันนั้นก่อนนะคะ จะได้นึกภาพตามได้ เป็นวิดีโอรวมบรรยากาศวันงานแต่งงานที่เราทำเองค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=xOV-EnYzGLI
ฤกษ์แต่งงาน
ตอนที่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวมาพูดคุยสู่ขออย่างเป็นทางการ วันนั้นพ่อเราบอกลุงๆป้าๆ ของเรามากันเต็มบ้านเลย (ลูกสาวคนแรกจะขายออกก็คงตื่นเต้นกันนิดนึง) วันนั้นลุงคนโตก็เป็นฝ่ายเจรจา ในขณะที่พ่อเราไม่ค่อยพูดอะไร เอออออย่างเดียว (จริงๆ พ่อแอบบอกก่อนหน้านั้น เพราะเราถามพ่อว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ พ่อเราบอกจะยกให้ฟรีแถมตังค์ก็ยังได้ ... แป่ว เอางั้นเลยนะพ่อ)
บรรดาลุงๆ เราบอกว่า “ที่บ้านไม่ค่อยมีพิธีรีตองอะไรมาก เอาแบบสบายๆ ฤกษ์ก็เอาแบบฤกษ์สะดวกก็ได้” เราก็คิดว่า ดีจัง ไม่ต้องวุ่นวายไปหาฤกษ์ หลัง
จากนั้นเราเลยจัดการหาฤกษ์เอง โดยเอาปฏิทินมงคลมาหลายๆ อันทั้งไทย ทั้งจีน (บ้านแฟนเราเป็นคนจีน ส่วนเราเป็นลูกเสี้ยวจีนจากคุณแม่นิดหน่อยแต่หน้าไทยแท้เลย 555) กางออกแล้วนั่งดูวันมงคล เปิด internet ร่วมด้วย ได้วันมาสองสามวัน ก็เอาไปบอกบ้านแฟนเรา เค้าก้ไม่มีปัญหา พอเราบอกพ่อเรา พ่อเราบอกว่า “ไม่ได้สิ ลูกจะดูเองได้ยังไง ต้องให้พระท่านดูให้ เอาวันเกิดลูกกับวันเกิดพี่เค้าไปด้วยสิ” ... อ้าว ซะงั้น ก็เห็นทุกคนเออออว่าเอาฤกษ์สะดวก วันนั้นไม่เห็นพ่อจะค้านอะไรนี่นา เลยทำตัวเป็นแม่หมอซะเอง สงสัยวันนั้นพ่อพูดไม่ทันลุง 55 แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของพ่อ เราก็พร้อมจัดให้
หลังจากนั้นก็ให้เพื่อนของแฟนช่วยหาฤกษ์แต่งงานให้ โดยแอบมีเงื่อนไขว่าขอเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ตอนนั้นเป็นเดือนมีนาคม ได้ฤกษ์มาให้เลือกหลายวัน เรากับแฟนเลือกวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งพระอาจารย์ที่ดูฤกษ์ให้บอกว่าเลือกได้ดีมาก เพราะเป็นวันฤกษ์ดีมาก และถ้าแต่งวันนั้นจะส่งเสริมดวงของผู้หญิงสุดๆ และผู้หญิงจะเป็นใหญ่ (อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เลือกแล้วเค้าถึงบอก แต่ก็เข้าทางเลย 555)
ที่น่าประหลาดใจ คือ พอเรากลับมาดูบันทึกที่เคยบันทึกไว้ วันที่ 2 พฤศจิกายน เมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นวันที่เรากับแฟน ได้คุยกันครั้งแรก ช่างบังเอิญจริงๆ เลย
หลังจากได้ฤกษ์แล้ว ก็มีเวลา 7 เดือนที่จะเตรียมงาน
เรื่องสำคัญที่สุด คือ เตรียมค่าใช้จ่ายในการจัดงาน
เรื่องของสินสอดทางผู้ใหญ่ฝ่ายเราแล้วแต่เจ้าบ่าวค่ะ บอกว่าเอาตามที่เห็นเหมาะสม (ฟังดูเหมือนจะง่ายๆ สบายๆ แต่แอบน่าหนักใจนะนั่น) แฟนเราก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีแบ่งส่วนใหญ่ไว้เป็นสินสอด และอีกส่วนหนึ่งรวมกับเงินเก็บของเราไว้จัดงานแต่งงาน
จริงๆ พ่อกับแม่ทั้งสองฝ่ายก็เสนอจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้บางส่วน แต่เราวางแผนไว้แล้วว่าจะออกค่าใช้จ่ายกันเองทั้งหมด เพราะไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่ พวกท่านให้เรามาเยอะแยะมากแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมา และเนื่องจากวางแผนเก็บเงินจนมีทุนอยู่ประมาณหนึ่งแล้ว และเราอยากจัดงานแบบเรียบง่ายที่รายล้อมไปด้วยคนที่เรารักและรักเรา ไม่ได้คิดว่าจะจัดงานหรูหราใหญ่โตอะไร จึงคิดว่างบประมาณที่มีของเราน่าจะเพียงพอ
สำหรับเรา เราไม่ได้รู้สึกว่าการออกค่าใช้จ่ายเรื่องงานแต่งงานเป็นเรื่องของฝ่ายชายอย่างเดียว แต่เรารู้สึกว่าเราสองคนน่าจะรับผิดชอบร่วมกันเพราะเป็นงานสำหรับเราทั้งสองคน แต่อันนี้ก็คงแล้วแต่คู่ด้วย คงต้องตกลงกันเอง
เรื่องการจัดงาน แฟนเราอยากจัดแบบเรียบง่ายที่สุด ที่บ้านของแฟนก็บอกว่าแค่ยกน้ำชาให้พ่อกับแม่แค่นั้นก็พอแล้ว ก็ยกที่บ้านแฟนเราล่วงหน้าก่อนวันแต่งงานก็ได้ (คุณพ่อกับคุณแม่แฟนเราน่ารักเนาะ)
ส่วนวันงานก็คุยกันว่าจะรูปแบบไหนดี ตอนแรกแฟนเราบอกว่าจัดแค่งานเลี้ยงอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องมีพิธีอะไรให้ยุ่งยาก ก็เลยบอกว่าไม่ต้องจัดงานเช้า จัดแค่งานเลี้ยงตอนเย็นก็พอ แต่เราไม่ยอม เพราะในความคิดของเรา เราคิดว่าสำหรับเราพ่อแม่คือคนที่สำคัญที่สุด พิธีแต่งงานรับไหว้ผู้ใหญ่ การได้มีโอกาสรับพรจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่เรานับถือนี่ถือว่าเป็นมงคลที่สุดสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ สำหรับเราจะไม่ต้องมีงานเลี้ยงอะไรเลยก็ได้ แค่จดทะเบียนแล้วอยู่ด้วยกัน เราก็โอเค แต่ถ้าจะจัดงาน เราขอให้มีพิธีเช้าด้วย ซึ่งแฟนเราก็เข้าใจ แต่แฟนเราก็อยากจัดงานเลี้ยงตอนเย็นด้วย สรุปก็เลยลงตัวที่จะยกน้ำชาที่บ้านเจ้าบ่าว ก่อนวันงาน 1 วัน และจัดงานเช้าเป็นพิธีไทย และงานเลี้ยงเย็น และเพราะว่างานของเรามีญาติเป็นแขกผู้ใหญ่เยอะ เราจึงเลือกเลี้ยงแบบโต๊ะจีน โดยตั้งงบในการจัดงานไว้ประมาณสามถึงสี่แสนบาท
[CR] รีวิวงานแต่งงานแบบเรียบง่าย ที่ใช้งบไม่เกินสามแสนบาท...ณ กรมยุทธโยธาทหารบก แยกเกษตร
จขกท. แต่งงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมานี้ค่ะ ก่อนจะเริ่มรีวิว ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวกันก่อนซักเล็กน้อยนะคะ
เราอายุ 30 ปี แฟนอายุ 32 ปี อาชีพการงานมั่นคงทั้งคู่ เราสองคนคบกันมาประมาณ 4 ปี ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานก็เพิ่งมาคุยเรื่องงานแต่งงานจริงจังช่วงต้นปี 2557 โดยที่ไม่มีโมเมนต์ขอแต่งงานอะไรใดๆ แค่คุยๆ กันว่าถึงเวลาแล้วยัง เมื่อเห็นพ้องต้องกันทั้งสองฝ่าย พอดีพ่อกับแม่เราอยู่ต่างจังหวัด แล้วช่วงนั้นเดินทางมาทำธุระที่กรุงเทพพอดี จึงนัดญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันที่บ้านเราที่กรุงเทพ แล้วก็พูดคุยสู่ขอกันพอเป็นพิธี ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้อิสระในการจัดงานกับเราสองคนเต็มที่ หลังจากได้รับไฟเขียวเรากับแฟนก็เริ่มเตรียมการแต่งงานค่ะ ... ช่วงเตรียมงานถือเป็นช่วงที่สนุกและมีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้ เราจะขอรีวิวแบบละเอียดยิบทีละเรื่องเลยนะคะ ว่าเราเตรียมอะไร ยังไงบ้าง และผลงานในวันงานเป็นยังไงบ้าง รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย
ก่อนอื่นขอพาไปดูบรรยากาศงานวันนั้นก่อนนะคะ จะได้นึกภาพตามได้ เป็นวิดีโอรวมบรรยากาศวันงานแต่งงานที่เราทำเองค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=xOV-EnYzGLI
ฤกษ์แต่งงาน
ตอนที่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวมาพูดคุยสู่ขออย่างเป็นทางการ วันนั้นพ่อเราบอกลุงๆป้าๆ ของเรามากันเต็มบ้านเลย (ลูกสาวคนแรกจะขายออกก็คงตื่นเต้นกันนิดนึง) วันนั้นลุงคนโตก็เป็นฝ่ายเจรจา ในขณะที่พ่อเราไม่ค่อยพูดอะไร เอออออย่างเดียว (จริงๆ พ่อแอบบอกก่อนหน้านั้น เพราะเราถามพ่อว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ พ่อเราบอกจะยกให้ฟรีแถมตังค์ก็ยังได้ ... แป่ว เอางั้นเลยนะพ่อ)
บรรดาลุงๆ เราบอกว่า “ที่บ้านไม่ค่อยมีพิธีรีตองอะไรมาก เอาแบบสบายๆ ฤกษ์ก็เอาแบบฤกษ์สะดวกก็ได้” เราก็คิดว่า ดีจัง ไม่ต้องวุ่นวายไปหาฤกษ์ หลัง
จากนั้นเราเลยจัดการหาฤกษ์เอง โดยเอาปฏิทินมงคลมาหลายๆ อันทั้งไทย ทั้งจีน (บ้านแฟนเราเป็นคนจีน ส่วนเราเป็นลูกเสี้ยวจีนจากคุณแม่นิดหน่อยแต่หน้าไทยแท้เลย 555) กางออกแล้วนั่งดูวันมงคล เปิด internet ร่วมด้วย ได้วันมาสองสามวัน ก็เอาไปบอกบ้านแฟนเรา เค้าก้ไม่มีปัญหา พอเราบอกพ่อเรา พ่อเราบอกว่า “ไม่ได้สิ ลูกจะดูเองได้ยังไง ต้องให้พระท่านดูให้ เอาวันเกิดลูกกับวันเกิดพี่เค้าไปด้วยสิ” ... อ้าว ซะงั้น ก็เห็นทุกคนเออออว่าเอาฤกษ์สะดวก วันนั้นไม่เห็นพ่อจะค้านอะไรนี่นา เลยทำตัวเป็นแม่หมอซะเอง สงสัยวันนั้นพ่อพูดไม่ทันลุง 55 แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของพ่อ เราก็พร้อมจัดให้
หลังจากนั้นก็ให้เพื่อนของแฟนช่วยหาฤกษ์แต่งงานให้ โดยแอบมีเงื่อนไขว่าขอเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ตอนนั้นเป็นเดือนมีนาคม ได้ฤกษ์มาให้เลือกหลายวัน เรากับแฟนเลือกวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งพระอาจารย์ที่ดูฤกษ์ให้บอกว่าเลือกได้ดีมาก เพราะเป็นวันฤกษ์ดีมาก และถ้าแต่งวันนั้นจะส่งเสริมดวงของผู้หญิงสุดๆ และผู้หญิงจะเป็นใหญ่ (อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เลือกแล้วเค้าถึงบอก แต่ก็เข้าทางเลย 555)
ที่น่าประหลาดใจ คือ พอเรากลับมาดูบันทึกที่เคยบันทึกไว้ วันที่ 2 พฤศจิกายน เมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นวันที่เรากับแฟน ได้คุยกันครั้งแรก ช่างบังเอิญจริงๆ เลย
หลังจากได้ฤกษ์แล้ว ก็มีเวลา 7 เดือนที่จะเตรียมงาน
เรื่องสำคัญที่สุด คือ เตรียมค่าใช้จ่ายในการจัดงาน
เรื่องของสินสอดทางผู้ใหญ่ฝ่ายเราแล้วแต่เจ้าบ่าวค่ะ บอกว่าเอาตามที่เห็นเหมาะสม (ฟังดูเหมือนจะง่ายๆ สบายๆ แต่แอบน่าหนักใจนะนั่น) แฟนเราก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีแบ่งส่วนใหญ่ไว้เป็นสินสอด และอีกส่วนหนึ่งรวมกับเงินเก็บของเราไว้จัดงานแต่งงาน
จริงๆ พ่อกับแม่ทั้งสองฝ่ายก็เสนอจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้บางส่วน แต่เราวางแผนไว้แล้วว่าจะออกค่าใช้จ่ายกันเองทั้งหมด เพราะไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่ พวกท่านให้เรามาเยอะแยะมากแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมา และเนื่องจากวางแผนเก็บเงินจนมีทุนอยู่ประมาณหนึ่งแล้ว และเราอยากจัดงานแบบเรียบง่ายที่รายล้อมไปด้วยคนที่เรารักและรักเรา ไม่ได้คิดว่าจะจัดงานหรูหราใหญ่โตอะไร จึงคิดว่างบประมาณที่มีของเราน่าจะเพียงพอ
สำหรับเรา เราไม่ได้รู้สึกว่าการออกค่าใช้จ่ายเรื่องงานแต่งงานเป็นเรื่องของฝ่ายชายอย่างเดียว แต่เรารู้สึกว่าเราสองคนน่าจะรับผิดชอบร่วมกันเพราะเป็นงานสำหรับเราทั้งสองคน แต่อันนี้ก็คงแล้วแต่คู่ด้วย คงต้องตกลงกันเอง
เรื่องการจัดงาน แฟนเราอยากจัดแบบเรียบง่ายที่สุด ที่บ้านของแฟนก็บอกว่าแค่ยกน้ำชาให้พ่อกับแม่แค่นั้นก็พอแล้ว ก็ยกที่บ้านแฟนเราล่วงหน้าก่อนวันแต่งงานก็ได้ (คุณพ่อกับคุณแม่แฟนเราน่ารักเนาะ)
ส่วนวันงานก็คุยกันว่าจะรูปแบบไหนดี ตอนแรกแฟนเราบอกว่าจัดแค่งานเลี้ยงอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องมีพิธีอะไรให้ยุ่งยาก ก็เลยบอกว่าไม่ต้องจัดงานเช้า จัดแค่งานเลี้ยงตอนเย็นก็พอ แต่เราไม่ยอม เพราะในความคิดของเรา เราคิดว่าสำหรับเราพ่อแม่คือคนที่สำคัญที่สุด พิธีแต่งงานรับไหว้ผู้ใหญ่ การได้มีโอกาสรับพรจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่เรานับถือนี่ถือว่าเป็นมงคลที่สุดสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ สำหรับเราจะไม่ต้องมีงานเลี้ยงอะไรเลยก็ได้ แค่จดทะเบียนแล้วอยู่ด้วยกัน เราก็โอเค แต่ถ้าจะจัดงาน เราขอให้มีพิธีเช้าด้วย ซึ่งแฟนเราก็เข้าใจ แต่แฟนเราก็อยากจัดงานเลี้ยงตอนเย็นด้วย สรุปก็เลยลงตัวที่จะยกน้ำชาที่บ้านเจ้าบ่าว ก่อนวันงาน 1 วัน และจัดงานเช้าเป็นพิธีไทย และงานเลี้ยงเย็น และเพราะว่างานของเรามีญาติเป็นแขกผู้ใหญ่เยอะ เราจึงเลือกเลี้ยงแบบโต๊ะจีน โดยตั้งงบในการจัดงานไว้ประมาณสามถึงสี่แสนบาท
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น