สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เจสคงคิดจับปลาสองมือตั้งแต่แรกซะมากกว่า..เพราะวงนี้ถึงจุดสูงสุดแล้ว..
เธอคิดถึงตัวเธอเองว่า..เธอจะทำอะไรเมื่อวงนี้ยุบ..เธอก็เลยทำธุรกิจของเธอ..ทำตอนนี้แหล่ะตอนที่วงยังรักษาความเป็นจุดสูงสุดไว้ได้..
เพื่อที่คนยังรู้จักเธอในนาม SNSD แต่ในเมื่อต้นสังกัดมองแผนเธอออก..เพื่อรักษาชื่อเสียงภาพลักษณ์โดยรวมของวง..เธอก็จะต้องออกไป..
คำตอบที่เรามีให้ จขกท.คือ ถ้าเธอรักและเป็นห่วงความรู้สึกแฟนคลับจริง..เธอจะไม่ตัดสินใจทำแบบนี้..
เธอจะเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว..ความรู้สึกของแฟนคลับยังสำคัญไม่เท่ากับสมาชิกในวงที่พวกเค้าเห็นเธอดั่งพี่น้อง..
เธอคิดถึงตัวเธอเองว่า..เธอจะทำอะไรเมื่อวงนี้ยุบ..เธอก็เลยทำธุรกิจของเธอ..ทำตอนนี้แหล่ะตอนที่วงยังรักษาความเป็นจุดสูงสุดไว้ได้..
เพื่อที่คนยังรู้จักเธอในนาม SNSD แต่ในเมื่อต้นสังกัดมองแผนเธอออก..เพื่อรักษาชื่อเสียงภาพลักษณ์โดยรวมของวง..เธอก็จะต้องออกไป..
คำตอบที่เรามีให้ จขกท.คือ ถ้าเธอรักและเป็นห่วงความรู้สึกแฟนคลับจริง..เธอจะไม่ตัดสินใจทำแบบนี้..
เธอจะเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว..ความรู้สึกของแฟนคลับยังสำคัญไม่เท่ากับสมาชิกในวงที่พวกเค้าเห็นเธอดั่งพี่น้อง..
ความคิดเห็นที่ 21
โดยส่วนตัว เจสสิก้าคงห่วงความรู้สึกของคนที่พร้อมร่วมเดินทางกับเธอในตอนนี้มากกว่าแฟนคลับและเพื่อนร่วมวงอีกแปดคน เพราะเธอได้ยุติบทบาทการเป็น snsd โดยสิ้นเชิงแล้ว การให้ความสำคัญกับเรื่องที่เธอสนใจหรือคนที่แคร์เธอมากกว่าในปัจจุบันมันเป็นเรื่องปกติมาก เหตุการณ์ออกมาในรูปแบบนี้
ระยะห่างระหว่างเธอกับเพื่อนร่วมวงก็จะค่อยๆ มากขึ้นทุกที เพราะอยู่คนละฐานะและบทบาทกันแล้ว อย่าง snsd มีตารางจะคัมแบคปลายปีนี้ ช่วง Q 3-4 (อันนี้ชัวร์) แต่เจสสิก้าจะออกคอลเลคชั่นใหม่?ช่วงนี้ ความสนใจหรือแม้แต่สิ่งที่แคร์ก็ต้องต่างออกไปใช่มั้ยล่ะ
ซึ่งการที่แฟนคลับบางส่วน ไม่สิ หลายส่วนเลย จะรู้สึกแย่จนถึงขนาดขอให้ blanc ไม่ประสบความสำเร็จก็คงไม่แปลกเพราะจุดที่เค้าตามแต่แรกคือ เจสสิก้าแห่ง snsd ไม่ใช่ เจสสิก้า ขายกระเป๋า แว่นตา ผ้าพันคอ ไอเท็มต่างๆ ของ BLANC แล้วข้อห้ามของการเป็นไอดอลนี่ เจสสิก้าทำหมด ทุกเรื่อง ไม่ว่า ว่ากล่าวเพื่อนร่วมวงบริษัท ออกไปทำธุรกิจกับแฟน มันก็เหมือนธุรกิจที่เธอรักตรงนี้ไปทำลายความฝัน ความหวังของแฟนๆ ส่วนนึงที่อยากให้วงจับมือไปต่อกันได้อีกนานๆ ของพวกเค้า ขนาดว่าเราค่อนข้างชินกับการที่เมมเบอร์ใน sm ออกจากวงและฟ้องค่าย ยังกล้าบอกได้เลยว่า การออกของเจสสิก้า นี่ไม่สวยที่สุดในค่ายแล้ว ค่ายเคยไล่ใครออกทีไหน นอกจากฟ้องออกโครมๆ แถมกระทบกับสมาชิกมากกว่าตัวค่าย มือที่สามก็อยู่เป็นตัวเป็นตน ยืนข้างๆ ชัดเจน แม้ฉากหน้าค่ายจะให้อิสระหรือดูเหมือนจบสวยก็เถอะ = =
แต่สำหรับคนที่รักเจสสิก้าในความที่เป็นตัวตนของเธอในหลายด้านๆ ก็คงต้องให้การสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ต่อไป ซึ่งเราว่ามันก็ดี ถ้าไม่มีคนคิดแบบนี้อยู่บ้าง คงทำธุรกิจที่จีน ฮ่องกงต่อไม่ได้แน่ๆ แอบคิดว่าตอนที่แบรนด์ยังไม่ติดตลาด เธอก็คงเดิมพันกับแฟนส่วนที่เหลือนี่แหละ ตรงนี้มันเป็นเรื่องปกติของมนุษยนะ ที่ท้ายสุดเราก็ต้องหาที่มั่น ผู้ให้การสนับสนุน ทีรับประกันอนาคตและอาชีพของตัวเองไว้ก่อน
ในฐานะคนนอกที่ไม่ใช่แฟนคลับ เราก็หวังให้เธอประสบความสำเร็จนะกับแบรนด์ตัวนี้ เพราะถ้าไม่ก็คงติดหนี้หัวโตกลับมา
อีกอย่างเราว่าเธอเป็นคนไม่ซับซ้อนมากนัก ทำอะไรเห็นชัดดี คนแบบนี้ถ้าคนไม่ชอบก็เกลียดไปเลย แต่ถ้าสมมุติเราเป็นแฟนคลับ snsd ก็คงผิดหวังกับสิ่งที่เจสทำในหลายๆ เรื่อง แล้วก็เลือกที่จะไม่สนเธออีกเลย ไม่ด่า ไม่ว่าไม่อะไรทั้งนั้น เพราะถ้าการเห็นเธอ มันทำให้รู้สึกแย่เปล่าๆ นี่คือสมมุติว่าถ้าเราเป็น ฟค นะคะ
จุดนี้เราสงสัยว่า ธุรกิจของเธอจะออกมาเป็นยังไง ที่ยังพึ่งพาแค่ฐานของคนที่ให้การสนับสนุนเธอเพียงกลุ่มหนึ่ง ไม่คิดหาทาร์เก็ตเพิ่มบ้างเหรอ อย่างน้อยก็บุกไปตามคนชอบแฟชั่นจริงๆ จังๆ ซะที ขนาด sm ทำเพลงก็ยังหาวิธีการตลาด พัฒนาสินค้าในที่นี่คือ ตัวเมมเบอร์ ให้ดูดีมีเกรด ทำให้ลุคดูแพง จับต้องยาก หรือทุ่มโปรโมต
แล้วเธอไม่คิดจะทำอะไรให้มันดูมากไปกว่า เอาแฟนคลับมาเป็นฐานในการซื้อของตัวเองบ้างเลยรึ ว่าสินค้าของเธอมีจุดเด่นยังไง ที่แบรนด์อื่นไม่มี นอกจากจะมีแค่ ceo คนสวย อดีต gg ชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจคู่แฟนหนุ่มไฮโซ
ทำไมช่วงนี้ดูเงียบจัง หรือเราคิดไปเอง นี่ขนาดออกจากวงไปไม่ถึงหนึ่งปี แต่กระแสหายเร็วมาก แต่ท้ายที่สุดอย่างที่บอกไว้แต่แรก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจสสิก้าเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เธอก็ต้องรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ดาราต้องใช้สื่อช่วยในการโปรโมตตัวเองและผลิตภัณท์ แต่แอร์ไทม์ตรงนี้ของเจสสิก้าหายไปเมื่อเทียบกับตอนอยู่ snsd ก็ต้องมาดูต่อว่าเธอจะใช้กลยุทธ์กระตุ้นสินค้าของตัวเองในรูปแบบไหนต่อไป
ปล จริงๆ อยากบอกไว้ว่า sm ไม่ได้เห็นวงหนึ่งหรือเมมเบอร์คนใดคนหนึ่ง สำคัญพอขนาดที่จะยอมเสียผลประโยชน์ในระยะยาวของค่ายได้นะคะ ถ้าระยะสั้นน่ะ โอเค หยวนๆ ถ้าเค้าเลือกจะตัดโดยประกาศมาทางสื่อนั่นหมายความว่า เค้าบวกลบคูณหาร คำนวนความเสี่ยงทุกทางแล้ว สรุปมาว่าไม่คุ้ม ถึงลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่อาจจะใช้เหตุผลอะไรสักอย่างมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้นในรายละเอียด ที่ไม่จำเป็นต้องออกสื่อให้เรื่องมันดูเลวร้ายมากขึ้น
บางทีความเสียหาย อาจไม่ใช่ในรูปโฆษณาหรือผลตอบแทนที่เห็นเป็นตัวเงิน เพราะเอาเข้าจริงเรื่องพรีเซ็นเตอร์นี่จ่ายรับเงินกันไปแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา แล้วก็ดำเนินการถ่ายสำหรับเป็นสต็อคไว้หมดแล้ว
แต่ในรูปแบบขัดแย้งทางความคิด หรือแข็งข้อมากๆ อยากไปทำอะไรที่อิสระมากเกินไป ค่ายก็ยอมที่จะตัดทิ้งได้เช่นกัน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะในมือเค้ายังมีหลายวงที่ยังมีอยู่ในมือที่ยังทำงานให้ได้
ไหนจะเด็กฝึกหลายคนที่พร้อมจะผลักดันเป็นตัวทำเงินของค่ายรุ่นต่อไปที่ต้องรับผิดชอบ เช่น sm rookies, red velvet จริงๆ เราไม่อยากเทียบกับวงอื่น แต่วงที่มีสมาชิกที่ค่อนข้างเยอะนี่ถือว่าได้เปรียบนะ เพราะจะแตกเป็นยูนิตได้ง่าย แต่ละคนสามารถทำตามความถนัดของตัวเองได้อิสระมากกว่าวงที่มีคนน้อย แต่ในขณะเดียวกันการจะรวมเป็นวงหลักก็จะเริ่มทำได้ยากขึ้นทุกที เพราะบางคนก็อยากทำงานของตัวเอง
ดังนั้น snsd ถือเป็นวงที่ระยะหลัง การคัมแบคในฐานะกลุ่มจะยิ่งยากขึ้นทุกทีตราบใดที่เมมเบอร์คนใดคนหนึ่งมีงานตัวเองมากกว่างานวง คนที่รับเคราะห์เต็มๆ คือแฟนๆ ที่รอคอยงานกลุ่มของวงอยู่ นานๆ กว่าจะคัมแบคที่เกาหลีที ดันมีคนไม่เต็มที่กับวงอีก รอยร้าวมันก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาใหญ่ของเมมเบอร์ในแต่ละวง คือ สมาชิกเริ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องสำคัญต่ออนาคตของวง
และแน่นอนว่าสิ่งที่ ตามมาโดยอัตโนมัติคือ การเลือกข้าง แบ่งเป็นสอง สามบ้าง สิบเอ็ดต่อหนึ่งบ้าง อย่าปฎิเสธว่าไม่มี มีกันทุกวงค่ะ บางทีบริษัทก็ต้องทำหลับหูหลับตาบ้าง ถ้าความสัมพันธ์มันไม่แย่นัก
แต่ถ้ามันแย่แล้วเคลียร์กันไม่ได้ แถมกระทบกับงานโดยรวม รูปแบบที่ตามมาคือ ดราม่าก็จะขยายวงกว้างขึ้นจนสตาฟฟ์ที่ทำงานร่วมด้วยก็ยังรับรู้ได้
อีกอย่าง อย่าคิดว่าวงใดวงหนึ่งเลี้ยงค่ายได้ สำหรับ sm นั้นไม่มี
ปั้นได้ ทำลายได้ sm ถ้าอยู่ในขอบเขตที่เค้าสามารถทำได้ล่ะ ทำแน่ sm เป็นบริษัทแบบนั้นจริงๆ ช่วงหลัง ค่ายพร้อมจะให้โอกาส เด็กดี เมมเบอร์ที่มีความตั้งใจทำงาน ขยัน ไม่แพ้พวกที่แฟนคลับเยอะๆ
ปัญหาภายในอย่าง ความขี้เกียจ การไม่ทุ่มเท ไม่เอาใจใส่ในขั้นตอนการเตรียมงาน การไม่ตรงต่อเวลา ลำดับความสำคัญในการทำงานผิด ความขี้วีน ช่างเยอะสิ่งที่สตาฟฟ์ต้องเผชิญ ถึงจะดูเป็นปัญหาเล็กน้อย ? สำหรับบางคน แต่มันบั่นทอนจิตใจของใครหลายคนที่ทุ่มเท และเมื่อสะสมในระยะยาว ความซ้ำซากที่ไม่รู้จักปรับปรุงแก้ไข แม้หลายคนจะให้โอกาสหลายต่อหลายครั้ง บวกกับปัญหาจากภายนอกที่วุ่นวายอย่างงานธุรกิจตัวเอง ประดังเข้ามาเรื่อยๆ มันก็ต้องถึงจุดแตกหักเข้าสักวัน โอกาสมีให้สำหรับผู้ที่ต้องการมันเสมอค่ะ นอกจากเจ้าตัวไม่ต้องการมัน (จริงๆ ในทางปฎิบัติ) ก็เป็นอีกเรื่องนึง...................
การกระทำมักจะสำคัญและเห็นชัดกว่าคำพูดเสมอ หน้าที่ที่ได้รับกับความรับผิดชอบต้องสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อไหร่ที่คุณมีพฤติกรรมแปลกแยกกว่าหมู่คณะของคุณ ปัญหาก็จะเริ่มตามมา
เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะ ตราบใดที่คุณไม่ได้เข้าไปอยู่ในระบบการทำงานแบบเดียวหรือได้ทำงานเกี่ยวข้องกับ sm บ้างคงไม่มีวันเข้าใจ แล้วต่อให้บอกทุกอย่างหมด แต่ละคนก็คงมีธงในใจกับสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่ออยู่แล้ว
ก็ปล่อยให้เรื่องมันอึมๆ ครึมๆ มึนๆ ต่อไปแบบนี้ล่ะดี เว้นเสียแต่ว่าเจ้าตัวจะออกมาทำให้อะไรมันชัดไปยิ่งกว่านี้ล่ะนะ
ตอบมาซะยาววว ลืมประเด็นสำคัญที่จขกทถามเลย ว่าเจสเปลี่ยนไปมั้ย?
เราว่าเราเห็นเจสสิก้าเป็นคนเดิมตลอดนะ
เพียงแต่จขกท อาจจะเห็นเจสในแง่มุมซึ่ง ออ เป็นคนเจียระไนเพชรเม็ดงามมาอย่างดี โชว์ให้เห็นด้านที่สวยงามของมัน เช่น ความเกรียน ความเอาแต่ใจแบบรั้นๆ ที่ตอนนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์บนเวทีกับเพื่อนร่วมวงก็ดูน่ารัก เป็นตัวของตัวเอง ที่ใครๆ ก็เข้าใจและชื่นชม
แต่หลังจากที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น หลายๆ คนก็ได้เห็นมุมที่เธอในอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น ลบรูปออกเกือบหมด
ว่าเพื่อนแบบตรงไปตรงมา แต่จริงๆ แล้วมันก็สอดคล้องกับนิสัยจริงๆ ของตัวเธอนะ ที่มักจะยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางกับ
ไม่ยอมคน มีจุดยืนของตัวเอง ทำอะไรตามความรู้สึกและไม่เก็บอารมณ์
ความจริงใจและเปิดเผยในการคบหาเพศตรงข้ามก็เช่นกัน เธอชัดเจนมาตลอดนะ จุดนี้ ก่อนเดบิว เธอมีแอนตี้แฟนมากเพราะเรื่องหนุ่มๆ
ปัจจุบันนี้แฟนหนุ่มของเธอก็ทำให้ตัวเธอตกอยู่ในฐานะวางตัวลำบากมากขึ้น
คำพูดนี้อาจดูแรงไป แต่เธองานเข้าเพราะผู้ชายตลอดจริงๆ ตั้งแต่ก่อนเดบิวจนออกจากวง
ระยะห่างระหว่างเธอกับเพื่อนร่วมวงก็จะค่อยๆ มากขึ้นทุกที เพราะอยู่คนละฐานะและบทบาทกันแล้ว อย่าง snsd มีตารางจะคัมแบคปลายปีนี้ ช่วง Q 3-4 (อันนี้ชัวร์) แต่เจสสิก้าจะออกคอลเลคชั่นใหม่?ช่วงนี้ ความสนใจหรือแม้แต่สิ่งที่แคร์ก็ต้องต่างออกไปใช่มั้ยล่ะ
ซึ่งการที่แฟนคลับบางส่วน ไม่สิ หลายส่วนเลย จะรู้สึกแย่จนถึงขนาดขอให้ blanc ไม่ประสบความสำเร็จก็คงไม่แปลกเพราะจุดที่เค้าตามแต่แรกคือ เจสสิก้าแห่ง snsd ไม่ใช่ เจสสิก้า ขายกระเป๋า แว่นตา ผ้าพันคอ ไอเท็มต่างๆ ของ BLANC แล้วข้อห้ามของการเป็นไอดอลนี่ เจสสิก้าทำหมด ทุกเรื่อง ไม่ว่า ว่ากล่าวเพื่อนร่วมวงบริษัท ออกไปทำธุรกิจกับแฟน มันก็เหมือนธุรกิจที่เธอรักตรงนี้ไปทำลายความฝัน ความหวังของแฟนๆ ส่วนนึงที่อยากให้วงจับมือไปต่อกันได้อีกนานๆ ของพวกเค้า ขนาดว่าเราค่อนข้างชินกับการที่เมมเบอร์ใน sm ออกจากวงและฟ้องค่าย ยังกล้าบอกได้เลยว่า การออกของเจสสิก้า นี่ไม่สวยที่สุดในค่ายแล้ว ค่ายเคยไล่ใครออกทีไหน นอกจากฟ้องออกโครมๆ แถมกระทบกับสมาชิกมากกว่าตัวค่าย มือที่สามก็อยู่เป็นตัวเป็นตน ยืนข้างๆ ชัดเจน แม้ฉากหน้าค่ายจะให้อิสระหรือดูเหมือนจบสวยก็เถอะ = =
แต่สำหรับคนที่รักเจสสิก้าในความที่เป็นตัวตนของเธอในหลายด้านๆ ก็คงต้องให้การสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ต่อไป ซึ่งเราว่ามันก็ดี ถ้าไม่มีคนคิดแบบนี้อยู่บ้าง คงทำธุรกิจที่จีน ฮ่องกงต่อไม่ได้แน่ๆ แอบคิดว่าตอนที่แบรนด์ยังไม่ติดตลาด เธอก็คงเดิมพันกับแฟนส่วนที่เหลือนี่แหละ ตรงนี้มันเป็นเรื่องปกติของมนุษยนะ ที่ท้ายสุดเราก็ต้องหาที่มั่น ผู้ให้การสนับสนุน ทีรับประกันอนาคตและอาชีพของตัวเองไว้ก่อน
ในฐานะคนนอกที่ไม่ใช่แฟนคลับ เราก็หวังให้เธอประสบความสำเร็จนะกับแบรนด์ตัวนี้ เพราะถ้าไม่ก็คงติดหนี้หัวโตกลับมา
อีกอย่างเราว่าเธอเป็นคนไม่ซับซ้อนมากนัก ทำอะไรเห็นชัดดี คนแบบนี้ถ้าคนไม่ชอบก็เกลียดไปเลย แต่ถ้าสมมุติเราเป็นแฟนคลับ snsd ก็คงผิดหวังกับสิ่งที่เจสทำในหลายๆ เรื่อง แล้วก็เลือกที่จะไม่สนเธออีกเลย ไม่ด่า ไม่ว่าไม่อะไรทั้งนั้น เพราะถ้าการเห็นเธอ มันทำให้รู้สึกแย่เปล่าๆ นี่คือสมมุติว่าถ้าเราเป็น ฟค นะคะ
จุดนี้เราสงสัยว่า ธุรกิจของเธอจะออกมาเป็นยังไง ที่ยังพึ่งพาแค่ฐานของคนที่ให้การสนับสนุนเธอเพียงกลุ่มหนึ่ง ไม่คิดหาทาร์เก็ตเพิ่มบ้างเหรอ อย่างน้อยก็บุกไปตามคนชอบแฟชั่นจริงๆ จังๆ ซะที ขนาด sm ทำเพลงก็ยังหาวิธีการตลาด พัฒนาสินค้าในที่นี่คือ ตัวเมมเบอร์ ให้ดูดีมีเกรด ทำให้ลุคดูแพง จับต้องยาก หรือทุ่มโปรโมต
แล้วเธอไม่คิดจะทำอะไรให้มันดูมากไปกว่า เอาแฟนคลับมาเป็นฐานในการซื้อของตัวเองบ้างเลยรึ ว่าสินค้าของเธอมีจุดเด่นยังไง ที่แบรนด์อื่นไม่มี นอกจากจะมีแค่ ceo คนสวย อดีต gg ชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจคู่แฟนหนุ่มไฮโซ
ทำไมช่วงนี้ดูเงียบจัง หรือเราคิดไปเอง นี่ขนาดออกจากวงไปไม่ถึงหนึ่งปี แต่กระแสหายเร็วมาก แต่ท้ายที่สุดอย่างที่บอกไว้แต่แรก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจสสิก้าเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เธอก็ต้องรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ดาราต้องใช้สื่อช่วยในการโปรโมตตัวเองและผลิตภัณท์ แต่แอร์ไทม์ตรงนี้ของเจสสิก้าหายไปเมื่อเทียบกับตอนอยู่ snsd ก็ต้องมาดูต่อว่าเธอจะใช้กลยุทธ์กระตุ้นสินค้าของตัวเองในรูปแบบไหนต่อไป
ปล จริงๆ อยากบอกไว้ว่า sm ไม่ได้เห็นวงหนึ่งหรือเมมเบอร์คนใดคนหนึ่ง สำคัญพอขนาดที่จะยอมเสียผลประโยชน์ในระยะยาวของค่ายได้นะคะ ถ้าระยะสั้นน่ะ โอเค หยวนๆ ถ้าเค้าเลือกจะตัดโดยประกาศมาทางสื่อนั่นหมายความว่า เค้าบวกลบคูณหาร คำนวนความเสี่ยงทุกทางแล้ว สรุปมาว่าไม่คุ้ม ถึงลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่อาจจะใช้เหตุผลอะไรสักอย่างมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้นในรายละเอียด ที่ไม่จำเป็นต้องออกสื่อให้เรื่องมันดูเลวร้ายมากขึ้น
บางทีความเสียหาย อาจไม่ใช่ในรูปโฆษณาหรือผลตอบแทนที่เห็นเป็นตัวเงิน เพราะเอาเข้าจริงเรื่องพรีเซ็นเตอร์นี่จ่ายรับเงินกันไปแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา แล้วก็ดำเนินการถ่ายสำหรับเป็นสต็อคไว้หมดแล้ว
แต่ในรูปแบบขัดแย้งทางความคิด หรือแข็งข้อมากๆ อยากไปทำอะไรที่อิสระมากเกินไป ค่ายก็ยอมที่จะตัดทิ้งได้เช่นกัน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะในมือเค้ายังมีหลายวงที่ยังมีอยู่ในมือที่ยังทำงานให้ได้
ไหนจะเด็กฝึกหลายคนที่พร้อมจะผลักดันเป็นตัวทำเงินของค่ายรุ่นต่อไปที่ต้องรับผิดชอบ เช่น sm rookies, red velvet จริงๆ เราไม่อยากเทียบกับวงอื่น แต่วงที่มีสมาชิกที่ค่อนข้างเยอะนี่ถือว่าได้เปรียบนะ เพราะจะแตกเป็นยูนิตได้ง่าย แต่ละคนสามารถทำตามความถนัดของตัวเองได้อิสระมากกว่าวงที่มีคนน้อย แต่ในขณะเดียวกันการจะรวมเป็นวงหลักก็จะเริ่มทำได้ยากขึ้นทุกที เพราะบางคนก็อยากทำงานของตัวเอง
ดังนั้น snsd ถือเป็นวงที่ระยะหลัง การคัมแบคในฐานะกลุ่มจะยิ่งยากขึ้นทุกทีตราบใดที่เมมเบอร์คนใดคนหนึ่งมีงานตัวเองมากกว่างานวง คนที่รับเคราะห์เต็มๆ คือแฟนๆ ที่รอคอยงานกลุ่มของวงอยู่ นานๆ กว่าจะคัมแบคที่เกาหลีที ดันมีคนไม่เต็มที่กับวงอีก รอยร้าวมันก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาใหญ่ของเมมเบอร์ในแต่ละวง คือ สมาชิกเริ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องสำคัญต่ออนาคตของวง
และแน่นอนว่าสิ่งที่ ตามมาโดยอัตโนมัติคือ การเลือกข้าง แบ่งเป็นสอง สามบ้าง สิบเอ็ดต่อหนึ่งบ้าง อย่าปฎิเสธว่าไม่มี มีกันทุกวงค่ะ บางทีบริษัทก็ต้องทำหลับหูหลับตาบ้าง ถ้าความสัมพันธ์มันไม่แย่นัก
แต่ถ้ามันแย่แล้วเคลียร์กันไม่ได้ แถมกระทบกับงานโดยรวม รูปแบบที่ตามมาคือ ดราม่าก็จะขยายวงกว้างขึ้นจนสตาฟฟ์ที่ทำงานร่วมด้วยก็ยังรับรู้ได้
อีกอย่าง อย่าคิดว่าวงใดวงหนึ่งเลี้ยงค่ายได้ สำหรับ sm นั้นไม่มี
ปั้นได้ ทำลายได้ sm ถ้าอยู่ในขอบเขตที่เค้าสามารถทำได้ล่ะ ทำแน่ sm เป็นบริษัทแบบนั้นจริงๆ ช่วงหลัง ค่ายพร้อมจะให้โอกาส เด็กดี เมมเบอร์ที่มีความตั้งใจทำงาน ขยัน ไม่แพ้พวกที่แฟนคลับเยอะๆ
ปัญหาภายในอย่าง ความขี้เกียจ การไม่ทุ่มเท ไม่เอาใจใส่ในขั้นตอนการเตรียมงาน การไม่ตรงต่อเวลา ลำดับความสำคัญในการทำงานผิด ความขี้วีน ช่างเยอะสิ่งที่สตาฟฟ์ต้องเผชิญ ถึงจะดูเป็นปัญหาเล็กน้อย ? สำหรับบางคน แต่มันบั่นทอนจิตใจของใครหลายคนที่ทุ่มเท และเมื่อสะสมในระยะยาว ความซ้ำซากที่ไม่รู้จักปรับปรุงแก้ไข แม้หลายคนจะให้โอกาสหลายต่อหลายครั้ง บวกกับปัญหาจากภายนอกที่วุ่นวายอย่างงานธุรกิจตัวเอง ประดังเข้ามาเรื่อยๆ มันก็ต้องถึงจุดแตกหักเข้าสักวัน โอกาสมีให้สำหรับผู้ที่ต้องการมันเสมอค่ะ นอกจากเจ้าตัวไม่ต้องการมัน (จริงๆ ในทางปฎิบัติ) ก็เป็นอีกเรื่องนึง...................
การกระทำมักจะสำคัญและเห็นชัดกว่าคำพูดเสมอ หน้าที่ที่ได้รับกับความรับผิดชอบต้องสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อไหร่ที่คุณมีพฤติกรรมแปลกแยกกว่าหมู่คณะของคุณ ปัญหาก็จะเริ่มตามมา
เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะ ตราบใดที่คุณไม่ได้เข้าไปอยู่ในระบบการทำงานแบบเดียวหรือได้ทำงานเกี่ยวข้องกับ sm บ้างคงไม่มีวันเข้าใจ แล้วต่อให้บอกทุกอย่างหมด แต่ละคนก็คงมีธงในใจกับสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่ออยู่แล้ว
ก็ปล่อยให้เรื่องมันอึมๆ ครึมๆ มึนๆ ต่อไปแบบนี้ล่ะดี เว้นเสียแต่ว่าเจ้าตัวจะออกมาทำให้อะไรมันชัดไปยิ่งกว่านี้ล่ะนะ
ตอบมาซะยาววว ลืมประเด็นสำคัญที่จขกทถามเลย ว่าเจสเปลี่ยนไปมั้ย?
เราว่าเราเห็นเจสสิก้าเป็นคนเดิมตลอดนะ
เพียงแต่จขกท อาจจะเห็นเจสในแง่มุมซึ่ง ออ เป็นคนเจียระไนเพชรเม็ดงามมาอย่างดี โชว์ให้เห็นด้านที่สวยงามของมัน เช่น ความเกรียน ความเอาแต่ใจแบบรั้นๆ ที่ตอนนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์บนเวทีกับเพื่อนร่วมวงก็ดูน่ารัก เป็นตัวของตัวเอง ที่ใครๆ ก็เข้าใจและชื่นชม
แต่หลังจากที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น หลายๆ คนก็ได้เห็นมุมที่เธอในอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น ลบรูปออกเกือบหมด
ว่าเพื่อนแบบตรงไปตรงมา แต่จริงๆ แล้วมันก็สอดคล้องกับนิสัยจริงๆ ของตัวเธอนะ ที่มักจะยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางกับ
ไม่ยอมคน มีจุดยืนของตัวเอง ทำอะไรตามความรู้สึกและไม่เก็บอารมณ์
ความจริงใจและเปิดเผยในการคบหาเพศตรงข้ามก็เช่นกัน เธอชัดเจนมาตลอดนะ จุดนี้ ก่อนเดบิว เธอมีแอนตี้แฟนมากเพราะเรื่องหนุ่มๆ
ปัจจุบันนี้แฟนหนุ่มของเธอก็ทำให้ตัวเธอตกอยู่ในฐานะวางตัวลำบากมากขึ้น
คำพูดนี้อาจดูแรงไป แต่เธองานเข้าเพราะผู้ชายตลอดจริงๆ ตั้งแต่ก่อนเดบิวจนออกจากวง
ความคิดเห็นที่ 8
เหมาเหมา อ่ะคืออนาคต ของสิก้าเลยนะ ถ้าไม่ง้อคนกลุ่มนี้ไว้ ใครจะสนับสนุนนาง โปรดักส์ออกมาแต่ละอย่างขายใครได้ นอกจากแฟนคลับนางเท่านั้นแหล่ะ ลงทุนไปตั้งเยอะ กลัวเจ๊งไม่เป็นท่าเลยจริงๆ แผนธุรกิจดูมั่วๆไงก็ไม่รู้ ไม่มีจุดเด่น และยิ่งเอาตัวเองมาเป็นภาพลักษณ์แบรนด์ ยิ่งดูไม่เกิด สิก้าและแฟนนาง มั่นใจได้อย่างไรว่า ตัวเจสสิก้า มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไป อะไรทำให้นางมั่นใจได้ขนาดนั้น เราเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับว่า รอดูวันที่เจสสิก้า จอง ไปไม่รอดในวงการธุรกิจ ซึ่งเกิดจากสิ่งที่นางแสดงออกมานับตั้งแต่โดนปลด บอกได้เลยว่ารอดูวันนั้น วันที่นางและแฟนนางจะล้มเหลว ในเส้นทางที่เลือกโดยเหยียบหัวเพื่อนเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น
ความคิดเห็นที่ 12
ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ (เข้าข้างและลำเอียง) เราว่าอยู่ที่แต่ละคนจะมอง สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเจสสิก้าห่วงแฟนคลับมากเท่าเดิม แล้วในตอนนี้เรากลับรู้สึกเธอเธอแสดงออกมากขึ้นซะอีก
ส่วนนึงที่เรารู้สึกแบบนี้ อาจจะเพราะแต่แรก เหตุผลที่เราชอบเจสสิก้า เพราะเธอดูเป็นคนตรงๆ ทำอะไรตามความรู้สึก พูดสิ่งที่คิด ปัจจุบันเราก็ยังชอบสิ่งนี้ของเธอ
ถ้าถามว่าการที่เธออกจากวง ทำไมเราไม่มองว่าเธอไม่แคร์แฟนคลับ เราว่าอันนี้ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเชื่อ ส่วนตัวเราเชื่อว่าเจสสิก้ามีส่วนผิดแน่นอน แต่เธอถูกไล่ออกจากวง ไม่ได้ลาออก เราไม่คิดว่าเธอทำทุกอย่างถูกนะ แต่ส่วนตัวเราไม่คิดว่าเธอแคร์แฟนคลับน้อยไปกว่าคนที่เลือกให้เธอออกจากวง แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง
เราเข้าใจว่าที่เจสสิก้าทำไปก็มีสิ่งที่ผิดบ้างพลาดบ้าง ยังมีอีกหลายอย่างต้องเรียนรู้ แก้ไข แต่เราไม่ได้อยากให้เธอแลกความสุขของเธอ กับความสบายใจของเรา ส่วนตัวเราคิดว่าเธอพยายามให้ความสุขกับเรามากว่าครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะสนับสนุนความฝัน ความสุขของเธอบ้าง
บางคนถามเรื่องที่เธอโกหกหลอกลวงแฟนคลับ.. อันนี้เราคิดว่าเป็นหน้าที่กับเรื่องส่วนตัว เราว่าเรื่องแฟนถือเป็นเรื่องส่วนตัว ตอนที่เธอปฏิเสธข่าวครั้งแรก ก็เป็นทางค่ายที่บอกว่าสอบถามแล้วเป็นพี่น้องกัน นอกจากนั้นเราว่าเธอก็ไม่เคยปฏิเสธตรงๆ (แต่ถึงปฏิเสธเราก็เข้าใจนะ ขนาดไม่ยอมรับยังขนาดนี้)
ตอนโดนถามเรื่องไปช็อปปิ้งเสื้อผ้าเด็ก เธอตอบว่าเธออาศัยอยู่กับครอบครัว และไปซื้อเสื้อผ้าให้หลาo ตอนถามเรื่องไปเที่ยวตปท. เธอตอบว่าเธอไปกับครอบครัว เราคิดว่าในกรณีที่เธอมีแฟนจริง เธอก็พยายามที่สุดแล้วที่จะเลี่ยงโดยที่ไม่โกหก แต่จะให้ยอมรับท่ามกลางกระแสความเกลียดรุนแรงแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องพยายามอย่างตอนนี้
สำหรับเรา เรารอได้ วันที่เธอพร้อมที่จะบอก บางทีเธอก็อาจจะรอเวลาที่แฟนๆพร้อมที่จะฟังก็ได้
ส่วนตัวเราคิดว่าเค้ารัก เค้าห่วงเราในฐานะแฟนคลับ เราเข้าใจว่าตัวเองเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะ B&E เจสสิก้า เอสเอ็ม โซชิ เราว่าคำว่าแคร์ คงต้องดูด้วยว่าแคร์ในฐานะอะไร? สำหรับเรา เราคิดว่า คำว่ารัก ว่าแคร์ของศิลปิน มันเกิดการความรู้สึกขอบคุณที่ได้รับการสนับสนุน รวมกับความรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักที่ได้รับ.. เราเชื่อว่าศิลปินทุกคนรักแฟนคลับ แต่คงจะไม่ได้น้อยไปกว่ารักตัวเอง ถ้าถึงวันที่ความต้องการของแฟนคลับขัดกับความสุขของตัวเอง แต่ละคนอาจจะเลือกไม่เหมือนกัน สำหรับเราเราก็อยากให้เค้าเลือกความสุขของเค้านะ
อย่างที่เราเคยถาม ถ้าเราเป็นแฟนคลับ แต่เราไปบอกศิลปิน หรือเจ้าของแบรนด์ ว่าเราไม่เคยสนับสนุน เป็นลูกค้าเค้าเลย (ในกรณีที่มีกำลัง สามารถทำได้) โหลดแต่เพลงเถื่อน ซื้อของก็อป แต่ชอบ ชอบมากๆ รักสุดๆ ตามสต็อคทุกที่ สืบเรื่องส่วนตัว เราคิดว่าเค้าก็คงจะไม่รักไม่แคร์เราอย่างที่หวัง
ส่วนนึงที่เรารู้สึกแบบนี้ อาจจะเพราะแต่แรก เหตุผลที่เราชอบเจสสิก้า เพราะเธอดูเป็นคนตรงๆ ทำอะไรตามความรู้สึก พูดสิ่งที่คิด ปัจจุบันเราก็ยังชอบสิ่งนี้ของเธอ
ถ้าถามว่าการที่เธออกจากวง ทำไมเราไม่มองว่าเธอไม่แคร์แฟนคลับ เราว่าอันนี้ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเชื่อ ส่วนตัวเราเชื่อว่าเจสสิก้ามีส่วนผิดแน่นอน แต่เธอถูกไล่ออกจากวง ไม่ได้ลาออก เราไม่คิดว่าเธอทำทุกอย่างถูกนะ แต่ส่วนตัวเราไม่คิดว่าเธอแคร์แฟนคลับน้อยไปกว่าคนที่เลือกให้เธอออกจากวง แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง
เราเข้าใจว่าที่เจสสิก้าทำไปก็มีสิ่งที่ผิดบ้างพลาดบ้าง ยังมีอีกหลายอย่างต้องเรียนรู้ แก้ไข แต่เราไม่ได้อยากให้เธอแลกความสุขของเธอ กับความสบายใจของเรา ส่วนตัวเราคิดว่าเธอพยายามให้ความสุขกับเรามากว่าครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะสนับสนุนความฝัน ความสุขของเธอบ้าง
บางคนถามเรื่องที่เธอโกหกหลอกลวงแฟนคลับ.. อันนี้เราคิดว่าเป็นหน้าที่กับเรื่องส่วนตัว เราว่าเรื่องแฟนถือเป็นเรื่องส่วนตัว ตอนที่เธอปฏิเสธข่าวครั้งแรก ก็เป็นทางค่ายที่บอกว่าสอบถามแล้วเป็นพี่น้องกัน นอกจากนั้นเราว่าเธอก็ไม่เคยปฏิเสธตรงๆ (แต่ถึงปฏิเสธเราก็เข้าใจนะ ขนาดไม่ยอมรับยังขนาดนี้)
ตอนโดนถามเรื่องไปช็อปปิ้งเสื้อผ้าเด็ก เธอตอบว่าเธออาศัยอยู่กับครอบครัว และไปซื้อเสื้อผ้าให้หลาo ตอนถามเรื่องไปเที่ยวตปท. เธอตอบว่าเธอไปกับครอบครัว เราคิดว่าในกรณีที่เธอมีแฟนจริง เธอก็พยายามที่สุดแล้วที่จะเลี่ยงโดยที่ไม่โกหก แต่จะให้ยอมรับท่ามกลางกระแสความเกลียดรุนแรงแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องพยายามอย่างตอนนี้
สำหรับเรา เรารอได้ วันที่เธอพร้อมที่จะบอก บางทีเธอก็อาจจะรอเวลาที่แฟนๆพร้อมที่จะฟังก็ได้
ส่วนตัวเราคิดว่าเค้ารัก เค้าห่วงเราในฐานะแฟนคลับ เราเข้าใจว่าตัวเองเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะ B&E เจสสิก้า เอสเอ็ม โซชิ เราว่าคำว่าแคร์ คงต้องดูด้วยว่าแคร์ในฐานะอะไร? สำหรับเรา เราคิดว่า คำว่ารัก ว่าแคร์ของศิลปิน มันเกิดการความรู้สึกขอบคุณที่ได้รับการสนับสนุน รวมกับความรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักที่ได้รับ.. เราเชื่อว่าศิลปินทุกคนรักแฟนคลับ แต่คงจะไม่ได้น้อยไปกว่ารักตัวเอง ถ้าถึงวันที่ความต้องการของแฟนคลับขัดกับความสุขของตัวเอง แต่ละคนอาจจะเลือกไม่เหมือนกัน สำหรับเราเราก็อยากให้เค้าเลือกความสุขของเค้านะ
อย่างที่เราเคยถาม ถ้าเราเป็นแฟนคลับ แต่เราไปบอกศิลปิน หรือเจ้าของแบรนด์ ว่าเราไม่เคยสนับสนุน เป็นลูกค้าเค้าเลย (ในกรณีที่มีกำลัง สามารถทำได้) โหลดแต่เพลงเถื่อน ซื้อของก็อป แต่ชอบ ชอบมากๆ รักสุดๆ ตามสต็อคทุกที่ สืบเรื่องส่วนตัว เราคิดว่าเค้าก็คงจะไม่รักไม่แคร์เราอย่างที่หวัง
ความคิดเห็นที่ 39
เหอะๆ จะบอกว่าเรารักสิก้านะ สนับสนุนนางตลอด แม้กระทั่งตอนนางมีปัญหาออกจากวงเรายังสนับสนุนนางแต่เราก็รักอีก 8 คนที่เหลือด้วย
เราเห็นการกระทำและข้อความเจสสิก้าที่พิมว่าเพื่อนร่วมวง ประชด-ดัน เรายังพยายามจะเชื่อใจสิก้า บอกตลอดจะสนับสนุนต่อไปไม่ว่านางจะเป็นยังไง
จนกระทั่ง นางเอายอดฟอลโล่ว ของแบรนด์แว่นนางมาหากินกับแฟนคลับ ถ้าได้ยอดเท่านี้จะเปิด IG เราได้หมดศรัทธาไปและ
หากินกับความรักของแฟนคลับยังงี้หรอ? เอาความรักของแฟนคลับมาช่วยโปรโมตแบรนด์ของเธอยังงี้หรอ ?
เธอไม่สามารถเปิด IG เพื่อแฟนคลับโดยไม่มีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวข้องไม่ได้เลยหรอ?
อยากจะทำอะไรก็เชิญเธอเลย จะรอดูวันที่อิไทเลอร์ มันถีบหัวส่งนะ เห็นดาราฮ่องกงที่เคยเป็นแฟนมันออกมาให้ข่าวตอนนั้น
ยังหวั่นแทนสิก้า กลัวว่านางจะโดนหลุมพรางไรบ้าง ก็ยังคงตามดูแต่คงไม่เท่าเดิม
เพราะความรู้สึกตอนนี้โคดจะไม่เหมือนเดิม เราไม่รู้กันหรอกว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นนะ เรามองภาพไม่ออกเลยว่าเวลายุนอาหรือซอฮยอน
ทำตัวร้ายใส่นาง ไล่นางออกจากวง มันเป็นยังไง นึกไม่ออกจริงๆ ออกมาพิมพ์แบบนั้น ไม่เสียดายมิตรภาพที่เคยอยู่ร่วมกันมา 10 ปีเลยหรอ
เราเห็นการกระทำและข้อความเจสสิก้าที่พิมว่าเพื่อนร่วมวง ประชด-ดัน เรายังพยายามจะเชื่อใจสิก้า บอกตลอดจะสนับสนุนต่อไปไม่ว่านางจะเป็นยังไง
จนกระทั่ง นางเอายอดฟอลโล่ว ของแบรนด์แว่นนางมาหากินกับแฟนคลับ ถ้าได้ยอดเท่านี้จะเปิด IG เราได้หมดศรัทธาไปและ
หากินกับความรักของแฟนคลับยังงี้หรอ? เอาความรักของแฟนคลับมาช่วยโปรโมตแบรนด์ของเธอยังงี้หรอ ?
เธอไม่สามารถเปิด IG เพื่อแฟนคลับโดยไม่มีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวข้องไม่ได้เลยหรอ?
อยากจะทำอะไรก็เชิญเธอเลย จะรอดูวันที่อิไทเลอร์ มันถีบหัวส่งนะ เห็นดาราฮ่องกงที่เคยเป็นแฟนมันออกมาให้ข่าวตอนนั้น
ยังหวั่นแทนสิก้า กลัวว่านางจะโดนหลุมพรางไรบ้าง ก็ยังคงตามดูแต่คงไม่เท่าเดิม
เพราะความรู้สึกตอนนี้โคดจะไม่เหมือนเดิม เราไม่รู้กันหรอกว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นนะ เรามองภาพไม่ออกเลยว่าเวลายุนอาหรือซอฮยอน
ทำตัวร้ายใส่นาง ไล่นางออกจากวง มันเป็นยังไง นึกไม่ออกจริงๆ ออกมาพิมพ์แบบนั้น ไม่เสียดายมิตรภาพที่เคยอยู่ร่วมกันมา 10 ปีเลยหรอ
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่าตอนนี้เจสสิก้าเวลาจะทำอะไรยังห่วงความรู้สึกแฟนคลับเหมือนเมื่อก่อนมั้ย?
เลยอยากรู้ว่าทุกคนคิดยังไงกับเจสตอนนี้?