คือเรื่องมีอยู่ว่าผมเรียนมาได้ประมาณเกือบเทอมนึงแล้ว แล้วในห้องผมก็เป็นหัวหน้าตอนแรกก็ไม่ได้ชอบใครหรอกนะ
แต่วันนั้นสลับที่นั่งใหม่ผมได้นั่งใกล้กับเพื่อนที่รู้จักมาตั้งแต่ม.1
แล้วผมเป็คนที่กลัวลูกโป่งมากกกกก มันก็เลยชอบแกล้ง
และการแกล้งนี่แหล่ะครับคือเหตุผลที่ทำให้ผมชอบมัน
วันนั้นมันมาแกล้งผมเหมือนเดิมแต่ไม่มีลูกโป่งผมก็เอามือไปปัดป้อง
มันจับข้อมือทั้งสองข้างแล้วเอาไปไขว้หลัง ก็แปลว่าตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมแขนของมัน
ผมก็ลงไปนอนดิ้นที่พื้นหน้าห้อง ทำให้ทุกสายตาจับมาที่หน้าห้อง
หลังจากนั้นทุกคนก็จะแซวเรื่องของผมและเพื่อนคนนั้น
และวันนั้นอีกผมต้องไปเสนองานหน้าห้องผมยืนอยู่ข้างมันริมสุด ผมกอดคอมันเหมือนที่ทำเป็นประจำ
แต่ที่เปิดตูห้องมีคนมาเตะประตูทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองที่ประตู รวมทั้งมันด้วย
แต่มันไม่ธรรมดานะสิครับมันหันมาแล้วจมูกมาชนแก้มผมพอดี
จากสายตาที่มองที่ประตูกลับมามองที่สองคนหน้าห้องที่กำลังมำอะรัยที่มันดูไม่ค่อยดีเลย
ด้วยความเขินผมเลยขอไปนั่งที่ก่อน แล้วจนตอนนี้ปิดเทอมไปแล้ว
มันบอกผมว่าจะไปเรียนที่อื่น ใจจริงผมก็อยากจะบอกมันนะว่า"ผมชอบมัน"
แต่ก็กลัวจะเสียเพื่อน ผมควรทำยังไงดีครับแต่ตอนนี้ก็ยังแชทคุยกันนะครับ
เพื่อน(ชายกับชาย)
แต่วันนั้นสลับที่นั่งใหม่ผมได้นั่งใกล้กับเพื่อนที่รู้จักมาตั้งแต่ม.1
แล้วผมเป็คนที่กลัวลูกโป่งมากกกกก มันก็เลยชอบแกล้ง
และการแกล้งนี่แหล่ะครับคือเหตุผลที่ทำให้ผมชอบมัน
วันนั้นมันมาแกล้งผมเหมือนเดิมแต่ไม่มีลูกโป่งผมก็เอามือไปปัดป้อง
มันจับข้อมือทั้งสองข้างแล้วเอาไปไขว้หลัง ก็แปลว่าตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมแขนของมัน
ผมก็ลงไปนอนดิ้นที่พื้นหน้าห้อง ทำให้ทุกสายตาจับมาที่หน้าห้อง
หลังจากนั้นทุกคนก็จะแซวเรื่องของผมและเพื่อนคนนั้น
และวันนั้นอีกผมต้องไปเสนองานหน้าห้องผมยืนอยู่ข้างมันริมสุด ผมกอดคอมันเหมือนที่ทำเป็นประจำ
แต่ที่เปิดตูห้องมีคนมาเตะประตูทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองที่ประตู รวมทั้งมันด้วย
แต่มันไม่ธรรมดานะสิครับมันหันมาแล้วจมูกมาชนแก้มผมพอดี
จากสายตาที่มองที่ประตูกลับมามองที่สองคนหน้าห้องที่กำลังมำอะรัยที่มันดูไม่ค่อยดีเลย
ด้วยความเขินผมเลยขอไปนั่งที่ก่อน แล้วจนตอนนี้ปิดเทอมไปแล้ว
มันบอกผมว่าจะไปเรียนที่อื่น ใจจริงผมก็อยากจะบอกมันนะว่า"ผมชอบมัน"
แต่ก็กลัวจะเสียเพื่อน ผมควรทำยังไงดีครับแต่ตอนนี้ก็ยังแชทคุยกันนะครับ