15 January 2015
Ma migraine chérie,
J'étais si heureuse avec moi-même depuis que je vis en France, car je n'ai pas encore eu la visite de ma migraine d'autrefois. Parce que vivre sans stress, je n'ai aucune raison d'en avoir.
Mais, j'ai eu tort, car ce matin je me suis levée avec un mal de tête donc j'ai pris
un paracétamol et je me suis un peu reposée avant d'aller à l'école.
La médecine n'était pas assez forte, le mal de tête s'est aggravé alors j'ai décidé de rester à la maison en espérant aller en cours l'après-midi.
A midi, ce n'était pas mieux. Il m'a fallu attendre l'ouverture de la pharmacie à treize heures trente, car nous n'avions plus de comprimés pour prendre avec "Cafergot" spécial migraines.
En attendant, je me suis allongée dans l'obscurité, car la lumière et le bruit
sont les pires ennemis de ce genre de maladie. Quand mon mari est revenu autour le 14h, j'ai pris mes deux pilules et me suis reposée deux heures. Au réveil, j'avais retrouvé ma forme.
J'ai séché l'école aujourd'hui ce que je déteste faire. Après j'ai continué mon travail à la cuisine pour terminer ce que j'avais entrepris hier soir.
Je suis tellement désolée Catherine, je vous verrai demain à La Comédie.
ไมเกรนขา...อย่ามาบ่อยนะคะ...
วันนี้ต้องขาดโรงเรียนไปหนึ่งวันเลยค่ะ เพราะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าหน่อยๆ...เดินไปเดินมารู้สึกว่ามึนหัวตึ้บๆ ไม่คิดว่าจะเป็นไมเกรน เพราะไม่ได้ปวดอะไรมากมาย
อีกทั้งอาการไมเกรนไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยือนนานมากแล้ว...เลยขอยาพาราจากคุณสามีมาหนึ่งเม็ด โยนใส่ปากลงไป กะว่าอีกครึ่งชั่วโมงก็จะแต่งตัวไปโรงเรียนตามปรกติ...
แต่...ที่ไหนได้.. จากมึนหน่อยๆ....คราวนี้ปวดมาเป็นริ้วๆ...เลยบอกขุ่นพี่เขาว่า...ไปตีกอล์ฟเถอะ จะหยุดโรงเรียนในช่วงเช้านี้ ตอนบ่ายค่อยไป...
ว่าแล้วก็...ทำโน่นทำนี่...เช่นให้อาหารหมาแมว เก็บกวาดบ้าน...เตรียมอาหารกลางวัน...เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย..
เที่ยง..คุณพ่อบ้านกลับมา จัดหาอาหารให้เรียบร้อย แต่อาการปวดหัวยังอยู่...หายาจะกินอีกเม็ด ปรากฏว่า ไม่มีแล้วฮ่ะ....เม็ดที่กินไปเมื่อเช้าคือเม็ดสุดท้ายในบ้าน..
ดิฉันมียาไอบูโพเฟ่น มาจากอเมริกาขวดหนึ่ง แต่หมดอายุไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว...แต่ยังมี คาเฟอก็อต (ยาไมเกรน) อยู่อีกแผงหนึ่ง แต่มันจะกินควบคู่กับยาแก้ปวดหัวถึงจะเวิร์ค...
เลยต้องรอหลังบ่ายโมงครึ่ง เพราะร้านขายยาปิดพักอาหารเที่ยง....มาถึงตอนนี้ ดิฉันต้องขอตัวกลับขึ้นไปนอนในห้องนอนที่ต้องปิดหน้าต่าง ปิดม่านนอก ม่านใน...
เพราะต้องมืดสนิท...แสงและเสียง คือ ศัตรูตัวสำคัญสำหรับอาการปวดหัวชนิดนี้...
ได้ยามา...ก็รีบทานทันที...นอนพักอีกช่วงใหญ่ๆ ร่วมสองชั่วโมง...อาการหายสนิท
กลับลงมาข้างล่าง..ทำอาหารที่ค้างจากเมื่อวานต่อจนจบ...
เมื่อวานนี้นะคะ...ไปฟิตเนส แล้วก็ไปตลาด...ไปเจอหมูสามชั้นแถบซี่โครงพร้อมหนัง ที่ลดราคาแบบน่าตกใจ คือ กิโลละหนึ่งยูโรนิดๆ...แต่ขายแบบแถบขนาดยักษ์ ห้ากิโลอัฟ....
เลยซื้อมาแถบหนึ่ง คุณพ่อบ้านตกกะใจ...ถามว่าคุณจะเอามาทำอะไรได้หมดเนี่ยยย...?
"เอาเหอะน่า....ทำให้ได้ละกัน..." ดิฉันตอบอย่างมั่นใจ
พอมาถึงบ้าน...ดิฉันก็มาเลาะเอาส่วนซี่โครงออก เก็บไว้ต้มซุป...และแยกส่วนเนื้อเอาไว้เป็นชิ้นๆขนาดกว้างเท่าฝ่ามือ และใส่ถุงแยกไว้สำหรับเข้าช่องฟรีซ
เอาไว้ข้างนอกชิ้นหนึ่ง จะทำหมูกรอบ (แบบอาหารฝรั่ง) ให้ขุ่นพี่คนเดียว...เพราะดิฉันไม่กล้าทาน...
เริ่มจาก เอาหมูมากรีดเป็นร่องตรงส่วนเนื้อ...ลึกพอประมาณครึ่งหนึ่งของความหนา...
แล้วก็นวดด้วย เกลือ พริกไทยเม็ดตำ
เอาน้ำส้มสายชูทาที่ส่วนหนังให้ทั่วๆ...หมักไว้หนึ่งคืน...
ทีนี้ก็หาเรื่องทำอย่างอื่น เพราะมีเนื้อหมูล้วนๆค้างในช่องฟรีซอยู่สองถุง ข้าวสวยแช่เย็นที่เหลือจากจัดไปงานอีกถุงหนึ่ง...มีไส้หมูสำหรับทำไส้กรอกอีกนิดหน่อย...
เอาวะ...ทำไส้อั่วละกัน...จัดการบดหมูกับข่า ตะไคร้ ผสมเครื่องแกงลงไป....บดเสร็จซอยใบมะกรูดใส่เต็มที่ ที่ตอนนี้ใช้ได้อย่างสบายใจเพราะที่ร้านไทยมีขาย...ไม่ต้องกลัวขาดมือ
ใส่ข้าวสวยลงไปผสม...ปรุงด้วยเกลือ...และรสดีนิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ เพราะไม่มีแล้ว)
หลังจากนั้น...ลองเอามาทอดทดลองชิม...ว่าใช้ได้แล้ว ก็จัดการ
ยัดไส้กรอกแบบตามมีตามเกิดด้วยปากขวด...
แล้วก็เอาไม้จิ้มฟันจิ้มให้รูเพื่ออากาศออกมาบ้าง...จากนั้นก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้...กะว่าจะอบพรุ่งนี้...
วันนี้...ป่วยไปค่อนวัน ตามที่เล่าให้ฟัง....พอหายขึ้นมา...พละกำลังก็กลับเข้ามาคืนสู่ที่...เอาหมูที่หมักไว้ทำต่อ โดยการจิ้มด้วยไม้จิ้มฟองดูว์ ให้เป็นรูๆให้ทั่ว...
เปิดเตาอบ 160 ดีกรี...ตั้งน้ำในกะทะให้เดือดปุดๆ เอาหมูส่วนทางหนังลงไปลวกสักสิบนาที...
เอาขึ้นมา ก็จิ้มต่อให้พอพรุน....โรยเกลือเม็ดใหญ่ๆ (เกลือทะเล...ที่ดิฉันใช้กับการหมักปลาซัลมอน) ให้ทั่วบนหนัง...
เอาเข้าเตาอบ ถาดควรรองด้วยตะแกรง เพื่อให้มันหยดลงมา จะได้แห้งๆ...ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง (ถ้าชิ้นใหญ่กว่านี้ ก็ต้องนานกว่านะคะ) แอบเอาไส้อั่วลงไปอบด้วยสองชิ้น...
คือว่า...ดิฉันจะอบด้วยไฟอ่อนๆก่อนสักครึ่งชั่วโมงหรือ สี่สิบห้านาที เพื่อให้ข้างในสุกให้ทั่ว...แล้วถึงจะเอามาทอดให้มีรอยเกรียมในด้านนอก
หรือจะเอาลงทอดก่อนแล้วเอามาอบทีหลังก็ได้ค่ะ ตามถนัด...
เมื่อเอาหมูอบออกมา...ดิฉันจะใช้เชือกรัดให้เนื้อหมูไม่บานออกมา...เขี่ยเกลือออกให้หมด...รอให้เย็นลงสักนิด ตัดเชือกออก...บากหนังให้เป็นรอย
แล้วเร่งเตาอบขึ้นที่ 220 ดีกรี เอาเข้าไปอบอีกประมาณ 30 นาที...(คอยดูเป็นระยะๆด้วยค่ะ เพราะเตาอบบางชนิดอาจจะแรงเกิน..)
เสร็จแล้ว..ดิฉันตัดแบ่งออกมาแถบเล็กๆ เอามาหั่น...จัดจานอาหารให้คุณพ่อบ้านด้วยผัก มันฝรั่งบด...และเตรียมซอสเห็ดไวน์แดง
ราดไปบนจานคอยเอาไว้แล้ว...
วางหมูกรอบหั่นลงบนซอส และ เสริฟได้ทันที...
เสียงอื้อฮือ โอ้โฮ....แบบว่าถูกใจโก๋(แก่)สุดๆ เพราะของชอบๆทั้งนั้น...เธอถามว่า...
"ตอนนี้ผมจะไม่ถามแล้วละว่า คุณจะเอาไปทำอะไรได้มั่ง...แต่จะถามว่า...อะไรมั่ง...ที่คุณทำไม่ได้..."
ก็มีไง...คือ ตั้งใจว่าจะให้เป็นอาหารกลางวันนี้...แต่ต้องมากลายเป็นอาหารเย็น เพราะเอาชนะไมเกรนไม่ได้นี่ไง...
ปฏิทินแม่บ้านปัจฉิมวัย....ในฝรั่งเศส!! ตอนสิบสาม
Ma migraine chérie,
J'étais si heureuse avec moi-même depuis que je vis en France, car je n'ai pas encore eu la visite de ma migraine d'autrefois. Parce que vivre sans stress, je n'ai aucune raison d'en avoir.
Mais, j'ai eu tort, car ce matin je me suis levée avec un mal de tête donc j'ai pris
un paracétamol et je me suis un peu reposée avant d'aller à l'école.
La médecine n'était pas assez forte, le mal de tête s'est aggravé alors j'ai décidé de rester à la maison en espérant aller en cours l'après-midi.
A midi, ce n'était pas mieux. Il m'a fallu attendre l'ouverture de la pharmacie à treize heures trente, car nous n'avions plus de comprimés pour prendre avec "Cafergot" spécial migraines.
En attendant, je me suis allongée dans l'obscurité, car la lumière et le bruit
sont les pires ennemis de ce genre de maladie. Quand mon mari est revenu autour le 14h, j'ai pris mes deux pilules et me suis reposée deux heures. Au réveil, j'avais retrouvé ma forme.
J'ai séché l'école aujourd'hui ce que je déteste faire. Après j'ai continué mon travail à la cuisine pour terminer ce que j'avais entrepris hier soir.
Je suis tellement désolée Catherine, je vous verrai demain à La Comédie.
ไมเกรนขา...อย่ามาบ่อยนะคะ...
วันนี้ต้องขาดโรงเรียนไปหนึ่งวันเลยค่ะ เพราะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าหน่อยๆ...เดินไปเดินมารู้สึกว่ามึนหัวตึ้บๆ ไม่คิดว่าจะเป็นไมเกรน เพราะไม่ได้ปวดอะไรมากมาย
อีกทั้งอาการไมเกรนไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยือนนานมากแล้ว...เลยขอยาพาราจากคุณสามีมาหนึ่งเม็ด โยนใส่ปากลงไป กะว่าอีกครึ่งชั่วโมงก็จะแต่งตัวไปโรงเรียนตามปรกติ...
แต่...ที่ไหนได้.. จากมึนหน่อยๆ....คราวนี้ปวดมาเป็นริ้วๆ...เลยบอกขุ่นพี่เขาว่า...ไปตีกอล์ฟเถอะ จะหยุดโรงเรียนในช่วงเช้านี้ ตอนบ่ายค่อยไป...
ว่าแล้วก็...ทำโน่นทำนี่...เช่นให้อาหารหมาแมว เก็บกวาดบ้าน...เตรียมอาหารกลางวัน...เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย..
เที่ยง..คุณพ่อบ้านกลับมา จัดหาอาหารให้เรียบร้อย แต่อาการปวดหัวยังอยู่...หายาจะกินอีกเม็ด ปรากฏว่า ไม่มีแล้วฮ่ะ....เม็ดที่กินไปเมื่อเช้าคือเม็ดสุดท้ายในบ้าน..
ดิฉันมียาไอบูโพเฟ่น มาจากอเมริกาขวดหนึ่ง แต่หมดอายุไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว...แต่ยังมี คาเฟอก็อต (ยาไมเกรน) อยู่อีกแผงหนึ่ง แต่มันจะกินควบคู่กับยาแก้ปวดหัวถึงจะเวิร์ค...
เลยต้องรอหลังบ่ายโมงครึ่ง เพราะร้านขายยาปิดพักอาหารเที่ยง....มาถึงตอนนี้ ดิฉันต้องขอตัวกลับขึ้นไปนอนในห้องนอนที่ต้องปิดหน้าต่าง ปิดม่านนอก ม่านใน...
เพราะต้องมืดสนิท...แสงและเสียง คือ ศัตรูตัวสำคัญสำหรับอาการปวดหัวชนิดนี้...
ได้ยามา...ก็รีบทานทันที...นอนพักอีกช่วงใหญ่ๆ ร่วมสองชั่วโมง...อาการหายสนิท
กลับลงมาข้างล่าง..ทำอาหารที่ค้างจากเมื่อวานต่อจนจบ...
เมื่อวานนี้นะคะ...ไปฟิตเนส แล้วก็ไปตลาด...ไปเจอหมูสามชั้นแถบซี่โครงพร้อมหนัง ที่ลดราคาแบบน่าตกใจ คือ กิโลละหนึ่งยูโรนิดๆ...แต่ขายแบบแถบขนาดยักษ์ ห้ากิโลอัฟ....
เลยซื้อมาแถบหนึ่ง คุณพ่อบ้านตกกะใจ...ถามว่าคุณจะเอามาทำอะไรได้หมดเนี่ยยย...?
"เอาเหอะน่า....ทำให้ได้ละกัน..." ดิฉันตอบอย่างมั่นใจ
พอมาถึงบ้าน...ดิฉันก็มาเลาะเอาส่วนซี่โครงออก เก็บไว้ต้มซุป...และแยกส่วนเนื้อเอาไว้เป็นชิ้นๆขนาดกว้างเท่าฝ่ามือ และใส่ถุงแยกไว้สำหรับเข้าช่องฟรีซ
เอาไว้ข้างนอกชิ้นหนึ่ง จะทำหมูกรอบ (แบบอาหารฝรั่ง) ให้ขุ่นพี่คนเดียว...เพราะดิฉันไม่กล้าทาน...
เริ่มจาก เอาหมูมากรีดเป็นร่องตรงส่วนเนื้อ...ลึกพอประมาณครึ่งหนึ่งของความหนา...
แล้วก็นวดด้วย เกลือ พริกไทยเม็ดตำ
เอาน้ำส้มสายชูทาที่ส่วนหนังให้ทั่วๆ...หมักไว้หนึ่งคืน...
ทีนี้ก็หาเรื่องทำอย่างอื่น เพราะมีเนื้อหมูล้วนๆค้างในช่องฟรีซอยู่สองถุง ข้าวสวยแช่เย็นที่เหลือจากจัดไปงานอีกถุงหนึ่ง...มีไส้หมูสำหรับทำไส้กรอกอีกนิดหน่อย...
เอาวะ...ทำไส้อั่วละกัน...จัดการบดหมูกับข่า ตะไคร้ ผสมเครื่องแกงลงไป....บดเสร็จซอยใบมะกรูดใส่เต็มที่ ที่ตอนนี้ใช้ได้อย่างสบายใจเพราะที่ร้านไทยมีขาย...ไม่ต้องกลัวขาดมือ
ใส่ข้าวสวยลงไปผสม...ปรุงด้วยเกลือ...และรสดีนิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ เพราะไม่มีแล้ว)
หลังจากนั้น...ลองเอามาทอดทดลองชิม...ว่าใช้ได้แล้ว ก็จัดการ
ยัดไส้กรอกแบบตามมีตามเกิดด้วยปากขวด...
แล้วก็เอาไม้จิ้มฟันจิ้มให้รูเพื่ออากาศออกมาบ้าง...จากนั้นก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้...กะว่าจะอบพรุ่งนี้...
วันนี้...ป่วยไปค่อนวัน ตามที่เล่าให้ฟัง....พอหายขึ้นมา...พละกำลังก็กลับเข้ามาคืนสู่ที่...เอาหมูที่หมักไว้ทำต่อ โดยการจิ้มด้วยไม้จิ้มฟองดูว์ ให้เป็นรูๆให้ทั่ว...
เปิดเตาอบ 160 ดีกรี...ตั้งน้ำในกะทะให้เดือดปุดๆ เอาหมูส่วนทางหนังลงไปลวกสักสิบนาที...
เอาขึ้นมา ก็จิ้มต่อให้พอพรุน....โรยเกลือเม็ดใหญ่ๆ (เกลือทะเล...ที่ดิฉันใช้กับการหมักปลาซัลมอน) ให้ทั่วบนหนัง...
เอาเข้าเตาอบ ถาดควรรองด้วยตะแกรง เพื่อให้มันหยดลงมา จะได้แห้งๆ...ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง (ถ้าชิ้นใหญ่กว่านี้ ก็ต้องนานกว่านะคะ) แอบเอาไส้อั่วลงไปอบด้วยสองชิ้น...
คือว่า...ดิฉันจะอบด้วยไฟอ่อนๆก่อนสักครึ่งชั่วโมงหรือ สี่สิบห้านาที เพื่อให้ข้างในสุกให้ทั่ว...แล้วถึงจะเอามาทอดให้มีรอยเกรียมในด้านนอก
หรือจะเอาลงทอดก่อนแล้วเอามาอบทีหลังก็ได้ค่ะ ตามถนัด...
เมื่อเอาหมูอบออกมา...ดิฉันจะใช้เชือกรัดให้เนื้อหมูไม่บานออกมา...เขี่ยเกลือออกให้หมด...รอให้เย็นลงสักนิด ตัดเชือกออก...บากหนังให้เป็นรอย
แล้วเร่งเตาอบขึ้นที่ 220 ดีกรี เอาเข้าไปอบอีกประมาณ 30 นาที...(คอยดูเป็นระยะๆด้วยค่ะ เพราะเตาอบบางชนิดอาจจะแรงเกิน..)
เสร็จแล้ว..ดิฉันตัดแบ่งออกมาแถบเล็กๆ เอามาหั่น...จัดจานอาหารให้คุณพ่อบ้านด้วยผัก มันฝรั่งบด...และเตรียมซอสเห็ดไวน์แดง
ราดไปบนจานคอยเอาไว้แล้ว...
วางหมูกรอบหั่นลงบนซอส และ เสริฟได้ทันที...
เสียงอื้อฮือ โอ้โฮ....แบบว่าถูกใจโก๋(แก่)สุดๆ เพราะของชอบๆทั้งนั้น...เธอถามว่า...
"ตอนนี้ผมจะไม่ถามแล้วละว่า คุณจะเอาไปทำอะไรได้มั่ง...แต่จะถามว่า...อะไรมั่ง...ที่คุณทำไม่ได้..."
ก็มีไง...คือ ตั้งใจว่าจะให้เป็นอาหารกลางวันนี้...แต่ต้องมากลายเป็นอาหารเย็น เพราะเอาชนะไมเกรนไม่ได้นี่ไง...