MLR MRR ต่างกันอย่างไร คิดให้ดีก่อนตอบ.. เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้วใกล้ละที่เราจะได้สบายกันไม่ต้องพึ่งแบงค์

MLR   MRR  ต่างกันอย่างไร คิดให้ดีก่อนตอบ.. เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้วใกล้ละที่เราจะได้สบายกันไม่ต้องพึ่งแบงค์



MLR  เมื่อก่อนจะใช้กับ  การให้สินเชื่อบ้าน..เพราะเป็นเงินกู้ระยะยาวเพราะมีความเสี่ยงต่ำ

ชื่อที่เราจำได้คือ.   MLR  รายย่อยชั้นดี
(  ชั้นดีตายเลย   บริษัทใหญ่ๆที่ แข็งแรงอยู่แล้ว ดอกเบี้ย 2  มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ดอกเบี้ย 7 เปอร์เซนต์ 555+++   )



""  ต่อมา  แบงค์ ม่วงเริ่มเอา MRR  มาใช้กับสินเชื่อบ้าน  คงเพราะมันปรับตามดอกเบี้ยแนวโง่ ของ กนง.ได้เร็ว

จะได้ฟันลูกค้าได้ง่ายๆ

มีอยู่ ครั้งหนึ่งเอาเอกสารดอกเบี้ยบ้านของม่วงมาดู  เล่นโปรดอกถูก 9  เดือน  ล้านละ  8000 บาท

พอ เดือนที่ 10   11  12   ต้องจ่าย  10000  บาท

แปลว่าถ้าคนไม่รู้ยังจ่าย หรือพักเงินเอาไว้ให้แบงค์ตัดบัญชีทุกเดือน  8000 บาท

แล้วลืม หรือไม่รู้ว่า เดือนที่ 10   11    12  ต้องจ่าย  10000


ถ้าลืม ก็แปลว่า  ลูกค้าเสียประวัติในเครดิตบูโร  ย้ายหนี้ไปแบงค์อื่นไม่ได้แน่นอน  ต้องโดนโขกกินดอกเบี้ยค่าปรับ


ที่นี่ไปตลอด   จะไปพึ่งแบงค์ชาติหรือ  ฝันไปเถอะ.


.... แต่คนถือหุ้นคงชอบ  เพราะ  ยิ่งรีดเงินจากคนกู้เงินได้มากเท่าหร่  กำไรมาก หุ้นขึ้น ปันผลมากขึ้นด้วย

จริงมั้ยย   สังคมไทยพินาศช่างมัน   ขอให้เรามีเงิน  ขอให้เรารวยเพราะ   คนรวยคือคนดีในสังคมไทย   

สังคมไทยรวยมาก่อนแล้วทุกอย่างจะดีตามเอง



______   ต่อมา แบงค์ เขียวก็เริ่มนำมาใช้  พร้อมกับการหลลอกขายประกันให้คนแก่ๆ

คนที่ไม่ค่อยมีความรอบคอบในการเซ็นเอกสาร นึกว่านี่คือเอกสารเปิดบัญชีธนาคาร

แต่จริงๆแล้ว  คึอการซื้อเงินประกันพ่วงเงินฝาก   หรือเงินฝากพ่วงประกัน

ส่วนที่บอกว่า เอกสารประกันไม่พอใจยกเลิกได้ ใน 15 วัน


สิบห้า วัน   พวกบริษัทประกันพวกนี้ก็จะจะแกล้งส่งเอกสารให้ช้าๆ  เดือนหนึ่งนั้นละ  ถึงจะได้รับ

ถ้าไปยกเลิกก็โดนตัดค่าเสื่อม.   70000  บาท

โดนตัดหายไปแล้ว     20000  ใน สามเดือน

กำไรไหลไปบริษัทประกันซึ้งผู้บริหารธนาคารไปนั่งกินตรงนั้นต่อ


..


แล้วนิ่ ล่าสุด กรุงไทยก็เริ่มใช้ MRR กับ ดอกเบี้ยบ้าน เริ่มใช้วิธีแบบ แบงค์ม่วง  และเขียว  มาโขกกินกับลูกค้าแล้ว


ดูง่ายๆ จากข้อร้องเรียนในพันทิพย์  เด๋ยวนี้ กรุงไทยเริ่มมีข้อร้องเรียน มีคนโวยมากขึ้น


นิ คือ ตัวอย่างว่า ถ้าเราจะโขกกินเงินลูกค้า  เพื่อผลกำไรสูงสุดของ ธนาคาร...  เรื่องคุณธรรมไม่ต้องคิดเลย

ยุคแห่งการไล่ล่าเงิน  เอาเงินมากองที่ตัวเองให้มากที่สุด


เพราะเงินคือพระเจ้า  เอาเงินมาอยู่ใต้เท้าของตัวเอง   คือมีพระเจ้าอยู่กับตัว

จะสั่งให้พระเจ้าไปทำอะไรก็ได้   

เอาพระเจ้าไปจ่ายเงินใต้โต๊ะ   ต่อยอดการทำโครงการอสังหาขายพ่วงการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย

อย่างที่สวยๆ ริมทะเล  หรือบนเกาะ  ชาวบ้านห้ามใช้ ห้ามนั่ง ห้ามเข้าไปตักน้ำ


แต่พอกลุ่มทุน ที่มีเงินเข้าไปลงทุนสร้างโรงแรมขนาดใหญ่เอาดินถมคลองก็ยังทำได้เลย

ข้าราชการไม่เห็นอออกมาห้าม เลย.



ยุคของทุนนิยมครองโลก  เงินมันล้นโลกก็งี้ละ


แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป  

ใกล้  ละ    ใกล้ละ    มีทั้งเก็บภาษีที่ดิน บ้าน ที่ปลอดภาระแล้ว แต่ คนรวย  นายทุนไปสั่งให้รัฐออกกฏหมายนี้ขึ้นมา

เพื่อจะได้ปล้นทรัพย์สินจากคนจนได้ ง่ายขึ้น.


อนาคต.......................................... - - - - - ------- - - - - - - -  --  - - - ---- - - - - ----- - - - - - - - - ----- - -- --- - - - ---- - -
- -- - - - - - - - -- -  --- - --- - -  - - -- -   

101000010  0101000101  011010001101010101 1010101 0020020 0121020 012201  021220


และต่อไป  


พวกเราจะสบายกันละนะ

ไม่ต้องใช้เงินกันแล้ว     เงินไม่มีค่าแล้ว

แบ่งกันเป็นเขตๆเลย   ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น


อยู่กันเอง  ดูแลกันเอง


นิไง สังคมที่เราจะเห็นในอนาคต  เพราะเราเอาทุนนิยมนำหน้า  ศีลธรรม  คุณธรรม

เอาเงินเป็นที่ตั้ง    แถมคนรวย และจน ยังห่างกันมากขึ้น.

คนรวยหลบเลี่ยงภาษีได้เก่งกว่า   ใช้เงินจากบริษัทมาใช้ส่วนตัว

ถ้ายังพัฒนากันแบบนี้

สังคมไทย    และขยายวงออกไปในสังคมของ  ดาวเคราะห์โลกทั้งดวง

ก็คงไม่รอด    สิ้นอารยธรรมกันแน่ๆ    คนในดาวที่เหลืออยู่

ก็ถือว่าสบายละ  ได้เก็บผักปลูกหญ้ากิน   สังคมธรรมชาติ ไม่ต้องสนใจว่าวันนี้หุ้นจะบวกเท่าไหร่

fed จะแถลงอะไร    ค่าเงินจะแข็ง หรืออ่อน    ....

......... คนจะได้กลับไปอยู่กับธรรมชาติอีกครั้ง เพราะมีตัวอย่างมาแล้ว

จากดาวหลายดวงที่  เอาทุนนิยมนำหน้า ไม่สนใจเรื่องคุณธรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน


สุดท้ายดาวดวงนั้นก็ตายสิ้นไป  


______  อยากให้โลกเราเป็นอย่างนี้มั้ย.






รวยกันจน    ต่างกันเพราะแค่นี้เอง  55555555

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่