กรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การเตรียมจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้หลายภาคส่วนออกมาแสดงความเห็นกันมาก ซึ่งล่าสุดวันนี้ (12 มีนาคม) นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนงานรัฐบาล ให้ถอนภาษีที่ดินออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าผลการศึกษาเปรียบเทียบต่างประเทศจะชัดเจน
ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อนงานของรัฐบาล 5 คณะ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานที่มีการติดตาม และสั่งการนโยบายที่สำคัญ โดยในเรื่องของการปรับโครงสร้างภาษีรวมทั้งการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อนโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาเรื่องนี้ในรายละเอียดต่างๆรวมทั้งเปรียบเทียบการจัดเก็บกับต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้สำหรับการใช้ในอนาคตอย่างไรก็ตามสำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันเรื่องนี้ขอให้มีการชะลอออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน
"ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้นำเสนอเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษีในเรื่องต่างๆซึ่งในเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่ตกผลึกจึงให้เป็นไปในแนวทางของการศึกษาเพิ่มเติมโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศด้วยว่าประเทศอื่นเขาเก็บอย่างไรโดยมองว่าเรื่องนี้ไม่เร่งด่วนและประชาชนก็มีภาระจำนวนมากภาษีโรงเรือนและที่ดินภาษีบำรุงท้องที่ยังจัดเก็บอยู่แล้วก็ยังมีภาษีมรดกที่จะออกมาช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ส่วนหนึ่ง"ร.อ.ยงยุทธกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ประชาชาติธุรกิจ ได้สำรวจความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มีการแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีดังกล่าวที่จะโดนหางเลข
NPA 1.8 แสนล้านโดนหางเลข
นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กฎหมายภาษีที่ดินฯ หากมีการบังคับใช้ย่อมส่งผลกระทบต้นทุนบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย (NPA) หรือทรัพย์ยึดของสถาบันการเงินแน่นอน สมาคมธนาคารไทยรอดูความชัดเจนของกฎหมายก่อน เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะให้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควร
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ประเมินทรัพย์ NPA ในระบบธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้างรวม 1.6-1.8 แสนล้านบาท และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นทรัพย์ยึดตกค้างมาตั้งแต่ปี 2540 เพราะบริหารได้ค่อนข้างลำบาก ในเวลาเดียวกัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเงื่อนไขป้องกันไม่ให้ธนาคารพาณิชย์เข้าไปปรับปรุงทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันการก้าวล่วงเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของสถาบันการเงิน
"ไม่มีใครอยากยึดหลักประกันมาจากลูกค้าถ้าเขาทำธุรกิจได้ และเราก็ไม่ได้หาผลประโยชน์จากทรัพย์นั้น หรือไม่ได้อยู่อาศัย แถมยังต้องสำรองเผื่อหนี้สูญด้วย ดังนั้น จึงอยากเสนอแนะอยากให้สมาคมแบงก์เข้าไปคุยกับ สนช.ให้เป็นข้อยกเว้นแก่สถาบันการเงินด้วย"
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทรัพย์ NPA ในมือธนาคารแต่ละแห่งคาดว่าเฉลี่ยแห่งละ 10,000 ล้านบาท หากต้องเสียภาษีคำนวณคร่าว ๆ ปีละกว่า 10 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งระบบเสียภาษีสูงขึ้นเป็น 100 ล้านบาท/ปี
เล็งบวกภาษีในทรัพย์ประมูล
ผู้สื่อข่าวสำรวจทรัพย์รอขายทอดตลาดหรือ NPA ของกรมบังคับคดี ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวน 9.6 หมื่นรายการ มูลค่ารวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท แยกเป็นที่ดินเปล่า 3.2 หมื่นรายการ 7.19 หมื่นล้านบาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 5.2 หมื่นรายการ 6.12 หมื่นล้านบาท ห้องชุด 1.1 หมื่นรายการ 5.9 หมื่นล้านบาท ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ณ สิ้นปี 2557 มีทรัพย์ NPA 1,500 ล้านบาท
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) มีทรัพย์รอขายรวม 3.4 แสนล้านบาท เป็นที่ดิน 40% ส่วนใหญ่ให้เช่าทำการเกษตร, บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) มีทรัพย์รอขายเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นที่ดินเปล่า 50% ประเมินว่าจะเสียภาษีที่ดินฯปีละ 70-80 ล้านบาท
คลังดับฝันยกเว้นทรัพย์ NPA
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ไม่มีเหตุผลในการยกเว้นภาษีให้กับทรัพย์ NPA ที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของ โดยจะต้องเสียภาษีตามประเภทของที่ดิน อย่างไรก็ดี ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูรายละเอียด ทั้งเรื่องพื้นที่ส่วนกลางกับภาษีโรงเรือนที่เคยเก็บในอัตรา 12.5%
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวสอดคล้องกันว่า หลักการเบื้องต้นควรจะต้องจัดเก็บ เพราะไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายแบงก์ที่ครอบครอง NPA อยู่ก็จะต้องขายออกไปเพื่อแสวงหากำไร โดยหลักแล้วที่ดินจะต้องมีเจ้าของตลอดเวลา แม้แต่ระหว่างกระบวนการในศาลหรือกระบวนการบังคับคดี ดังนั้น ใครเป็นเจ้าของ ณ เวลานั้นก็มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษี
"กำลังดูกันอยู่ว่า กฎหมายสถาบันการเงินกำหนดให้แบงก์ถือ NPA ไว้ได้ไม่เกิน 3 ปีอยู่แล้ว เราก็อาจจะพิจารณาลดหย่อนให้เท่า ๆ กัน" แหล่งข่าวกล่าว
โรงแรมโผล่ขอยกเว้น
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการ โรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ กล่าวว่าร่างกฎหมายที่ดินที่กำหนดเก็บภาษีไม่เกิน 2% สำหรับสิ่งก่อสร้างเชิงพาณิชย์ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมแน่นอน เพราะต้นทุนสูงขึ้น ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 2 ครั้งจากนโยบายรัฐบาล ครั้งแรกคือการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ล่าสุดคือเรื่องภาษีที่ดินฯ
"รัฐบาลยังประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ เป็นปัจจัยให้นักท่องเที่ยวบางชาติยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เมื่อปัจจัยลบยังมีอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเอกชนท่องเที่ยวเพิ่มโอกาสมากกว่า ไม่ใช่เพิ่มอุปสรรค อยากจะขอร้องรัฐบาลให้ยกเว้นเก็บภาษีแก่ธุรกิจโรงแรม" คุณหญิงปัทมากล่าว
ยินดีจ่าย...ถ้าเก็บเท่าเดิม
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า "ถ้าคำนวณภาษีออกมาแล้ว ถ้าโรงแรมยังจ่ายภาษีเท่าเดิม ผู้ประกอบการก็ยินดีจ่าย เพราะไม่ได้ทำให้เรามีภาระมากขึ้น" นายสุรพงษ์กล่าว
ขู่อาจต้องขายกิจการทิ้ง
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลักการคำนวณเก็บภาษีใหม่สำหรับธุรกิจโรงแรมไม่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง เนื่องจากโรงแรมเป็นธุรกิจที่ลงทุนและมีมูลค่าสูง หากเก็บจริงจะต้องจ่ายในอัตราที่สูงมาก
"เราพอใจที่จะจ่ายแบบเดิมที่คำนวณภาษีจากฐานรายได้มากกว่า และเชื่อว่าหากเก็บในรูปแบบใหม่จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมของไทยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นด้วยเพราะกำไรของธุรกิจโรงแรมไม่ได้สูงมากนักเชื่อว่าคงมีโรงแรมจำนวนไม่น้อยที่รับภาระไม่ไหวในที่สุดอาจต้องขายทิ้งกิจการได้"
ค้าปลีกชี้เก็บซ้ำซ้อน
นายไพบูลย์กนกวัฒนาวรรณประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และเดอะมอลล์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ส่วนตัวแล้วมองในแง่ผลกระทบที่ตามมามากกว่า โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาฉุดกำลังซื้อ เพราะต้องยอมรับว่ากำลังซื้อตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ทุกคนกังวลภาระที่จะเพิ่มขึ้น การที่มีร่างกฎหมายภาษีที่ดินฯเกิดขึ้น ส่งผลทางตรงในแง่ Psychological Effect หรือผลกระทบทางจิตวิทยา กลายเป็นโครงสร้างการจ่ายภาษีที่ซ้ำซ้อนเกินไป
Credit : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ติดตามข่าวสาร ความรู้และเรื่องราวการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่
Thinkvestment Fanpage :
https://www.facebook.com/thinkvestment
หายมึน! "ประยุทธ์" สั่งถอนเรื่องภาษีที่ดินแล้ว-"แบงก์-โรงแรม-ค้าปลีก"ดาหน้าชี้ปัญหายุบยับ
ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อนงานของรัฐบาล 5 คณะ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานที่มีการติดตาม และสั่งการนโยบายที่สำคัญ โดยในเรื่องของการปรับโครงสร้างภาษีรวมทั้งการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อนโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาเรื่องนี้ในรายละเอียดต่างๆรวมทั้งเปรียบเทียบการจัดเก็บกับต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้สำหรับการใช้ในอนาคตอย่างไรก็ตามสำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันเรื่องนี้ขอให้มีการชะลอออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน
"ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้นำเสนอเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษีในเรื่องต่างๆซึ่งในเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่ตกผลึกจึงให้เป็นไปในแนวทางของการศึกษาเพิ่มเติมโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศด้วยว่าประเทศอื่นเขาเก็บอย่างไรโดยมองว่าเรื่องนี้ไม่เร่งด่วนและประชาชนก็มีภาระจำนวนมากภาษีโรงเรือนและที่ดินภาษีบำรุงท้องที่ยังจัดเก็บอยู่แล้วก็ยังมีภาษีมรดกที่จะออกมาช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ส่วนหนึ่ง"ร.อ.ยงยุทธกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ประชาชาติธุรกิจ ได้สำรวจความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มีการแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีดังกล่าวที่จะโดนหางเลข
NPA 1.8 แสนล้านโดนหางเลข
นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กฎหมายภาษีที่ดินฯ หากมีการบังคับใช้ย่อมส่งผลกระทบต้นทุนบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย (NPA) หรือทรัพย์ยึดของสถาบันการเงินแน่นอน สมาคมธนาคารไทยรอดูความชัดเจนของกฎหมายก่อน เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะให้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควร
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ประเมินทรัพย์ NPA ในระบบธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้างรวม 1.6-1.8 แสนล้านบาท และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นทรัพย์ยึดตกค้างมาตั้งแต่ปี 2540 เพราะบริหารได้ค่อนข้างลำบาก ในเวลาเดียวกัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเงื่อนไขป้องกันไม่ให้ธนาคารพาณิชย์เข้าไปปรับปรุงทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันการก้าวล่วงเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของสถาบันการเงิน
"ไม่มีใครอยากยึดหลักประกันมาจากลูกค้าถ้าเขาทำธุรกิจได้ และเราก็ไม่ได้หาผลประโยชน์จากทรัพย์นั้น หรือไม่ได้อยู่อาศัย แถมยังต้องสำรองเผื่อหนี้สูญด้วย ดังนั้น จึงอยากเสนอแนะอยากให้สมาคมแบงก์เข้าไปคุยกับ สนช.ให้เป็นข้อยกเว้นแก่สถาบันการเงินด้วย"
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทรัพย์ NPA ในมือธนาคารแต่ละแห่งคาดว่าเฉลี่ยแห่งละ 10,000 ล้านบาท หากต้องเสียภาษีคำนวณคร่าว ๆ ปีละกว่า 10 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งระบบเสียภาษีสูงขึ้นเป็น 100 ล้านบาท/ปี
เล็งบวกภาษีในทรัพย์ประมูล
ผู้สื่อข่าวสำรวจทรัพย์รอขายทอดตลาดหรือ NPA ของกรมบังคับคดี ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวน 9.6 หมื่นรายการ มูลค่ารวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท แยกเป็นที่ดินเปล่า 3.2 หมื่นรายการ 7.19 หมื่นล้านบาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 5.2 หมื่นรายการ 6.12 หมื่นล้านบาท ห้องชุด 1.1 หมื่นรายการ 5.9 หมื่นล้านบาท ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ณ สิ้นปี 2557 มีทรัพย์ NPA 1,500 ล้านบาท
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) มีทรัพย์รอขายรวม 3.4 แสนล้านบาท เป็นที่ดิน 40% ส่วนใหญ่ให้เช่าทำการเกษตร, บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) มีทรัพย์รอขายเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นที่ดินเปล่า 50% ประเมินว่าจะเสียภาษีที่ดินฯปีละ 70-80 ล้านบาท
คลังดับฝันยกเว้นทรัพย์ NPA
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ไม่มีเหตุผลในการยกเว้นภาษีให้กับทรัพย์ NPA ที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของ โดยจะต้องเสียภาษีตามประเภทของที่ดิน อย่างไรก็ดี ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูรายละเอียด ทั้งเรื่องพื้นที่ส่วนกลางกับภาษีโรงเรือนที่เคยเก็บในอัตรา 12.5%
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวสอดคล้องกันว่า หลักการเบื้องต้นควรจะต้องจัดเก็บ เพราะไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายแบงก์ที่ครอบครอง NPA อยู่ก็จะต้องขายออกไปเพื่อแสวงหากำไร โดยหลักแล้วที่ดินจะต้องมีเจ้าของตลอดเวลา แม้แต่ระหว่างกระบวนการในศาลหรือกระบวนการบังคับคดี ดังนั้น ใครเป็นเจ้าของ ณ เวลานั้นก็มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษี
"กำลังดูกันอยู่ว่า กฎหมายสถาบันการเงินกำหนดให้แบงก์ถือ NPA ไว้ได้ไม่เกิน 3 ปีอยู่แล้ว เราก็อาจจะพิจารณาลดหย่อนให้เท่า ๆ กัน" แหล่งข่าวกล่าว
โรงแรมโผล่ขอยกเว้น
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการ โรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ กล่าวว่าร่างกฎหมายที่ดินที่กำหนดเก็บภาษีไม่เกิน 2% สำหรับสิ่งก่อสร้างเชิงพาณิชย์ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมแน่นอน เพราะต้นทุนสูงขึ้น ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 2 ครั้งจากนโยบายรัฐบาล ครั้งแรกคือการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ล่าสุดคือเรื่องภาษีที่ดินฯ
"รัฐบาลยังประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ เป็นปัจจัยให้นักท่องเที่ยวบางชาติยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เมื่อปัจจัยลบยังมีอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเอกชนท่องเที่ยวเพิ่มโอกาสมากกว่า ไม่ใช่เพิ่มอุปสรรค อยากจะขอร้องรัฐบาลให้ยกเว้นเก็บภาษีแก่ธุรกิจโรงแรม" คุณหญิงปัทมากล่าว
ยินดีจ่าย...ถ้าเก็บเท่าเดิม
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า "ถ้าคำนวณภาษีออกมาแล้ว ถ้าโรงแรมยังจ่ายภาษีเท่าเดิม ผู้ประกอบการก็ยินดีจ่าย เพราะไม่ได้ทำให้เรามีภาระมากขึ้น" นายสุรพงษ์กล่าว
ขู่อาจต้องขายกิจการทิ้ง
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลักการคำนวณเก็บภาษีใหม่สำหรับธุรกิจโรงแรมไม่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง เนื่องจากโรงแรมเป็นธุรกิจที่ลงทุนและมีมูลค่าสูง หากเก็บจริงจะต้องจ่ายในอัตราที่สูงมาก
"เราพอใจที่จะจ่ายแบบเดิมที่คำนวณภาษีจากฐานรายได้มากกว่า และเชื่อว่าหากเก็บในรูปแบบใหม่จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมของไทยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นด้วยเพราะกำไรของธุรกิจโรงแรมไม่ได้สูงมากนักเชื่อว่าคงมีโรงแรมจำนวนไม่น้อยที่รับภาระไม่ไหวในที่สุดอาจต้องขายทิ้งกิจการได้"
ค้าปลีกชี้เก็บซ้ำซ้อน
นายไพบูลย์กนกวัฒนาวรรณประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และเดอะมอลล์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ส่วนตัวแล้วมองในแง่ผลกระทบที่ตามมามากกว่า โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาฉุดกำลังซื้อ เพราะต้องยอมรับว่ากำลังซื้อตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ทุกคนกังวลภาระที่จะเพิ่มขึ้น การที่มีร่างกฎหมายภาษีที่ดินฯเกิดขึ้น ส่งผลทางตรงในแง่ Psychological Effect หรือผลกระทบทางจิตวิทยา กลายเป็นโครงสร้างการจ่ายภาษีที่ซ้ำซ้อนเกินไป
Credit : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ติดตามข่าวสาร ความรู้และเรื่องราวการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่
Thinkvestment Fanpage : https://www.facebook.com/thinkvestment