ก่อนเล่าเรื่อง ขอไว้อาลัยให้กับอะไรดีล่ะ... กับความเชื่อใจ และความศรัทธาที่มีให้ดีแทคมานาน ไม่คิดว่าจะต้องเจอกับความหลอกลวงเช่นนี้จากดีแทค หมดเวรหมดกรรม (ครบสัญญา) เมื่อไหร่ ก็ย้ายค่ายได้เลย
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ 6 เดือนก่อน เราซื้อไอโฟน 5s พร้อมแพ็คเกจ 799 (โทร 350 นาที เน็ต 3GB) ที่ต้องจ่ายล่วงหน้า 6 เดือน จากศูนย์ดีแทค เซ็นทรัลพระราม 3 ซึ่งก่อนจะซื้อเราได้โทรเช็ครายละเอียดโปรโมชั่นกับ Call Center อยู่หลายรอบ จึงได้ข้อมูลว่า ราคาที่ตั้งไว้สำหรับแต่ละแพคเกจ เมื่อลองคำนวณแล้ว จะได้ราคาจ่ายรวมพอ ๆ กัน (โปรแพง ค่าเครื่องจะถูก) ซึ่งเราเองเป็นคนใช้โทรศัพท์ไม่เยอะมาก จริง ๆ แพคเกจ 599 ก็เหลือเกินกว่าที่ใช้จริงแล้ว แต่ CC ที่เราโทรคุยด้วยก็จะบอกว่า สามารถเปลี่ยนโปรได้หลังครบ 6 เดือนค่ะ เพียงแต่ห้ามย้ายค่ายหรือยกเลิกเบอร์ก่อนครบ 12 เดือนเท่านั้น
แล้วถ้าลำพัง CC คนเดียวบอก เราก็คงไม่อยากจะเชื่อใจอยู่แล้ว เพราะหลายเรื่องที่โทรถามเจ้าหน้าที่แต่ละคน บางทีก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ต้องย้ำให้เค้าไปเช็คใหม่กันอีกทีว่า ตกลงเอาไงแน่ ถ้าตอบตรงกันถึงจะยอมเชื่อค่ะ
เราเลยโทรเช็คอยู่ 3-4 รอบ หลังจากที่ได้ข้อมูลตรงกันแล้วว่า เปลี่ยนโปรได้แน่ ๆ เมื่อใช้ครบ 6 เดือน เราจึงไปซื้อเครื่อง ระหว่างการซื้อเครื่องก็พูดได้เลยค่ะว่า ข้อมูลหลาย ๆ เรื่อง เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่ตรงกัน จนต้องย้ำว่าคุณลองโทรไปถาม CC ได้เลยค่ะ ว่าข้อมูลฉันถูกหรือเปล่า (หลายเรื่องเลย แต่ขอข้าม ๆ ไปละกันนะคะ เพราะไม่งั้นเรื่องจะยาวมาก)
จนพอถึงขั้นตอนการเลือกแพคเกจ เราก็ถามย้ำกับเจ้าหน้าที่คนที่ดูแลเราอีกทีว่า ตกลงเปลี่ยนโปรหลัง 6 เดือนได้มั้ย ตอนแรกเค้าก็บอกว่า ต้องครบ 1 ปีถึงเปลี่ยนได้ค่ะ เราก็เลยบอกว่า แต่โทรคุยกับ CC หลายรอบแล้วเค้าบอกว่าเปลี่ยนได้นะคะ แต่ก็ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ งั้นขอเลือกแพคเกจ 599 ละกันค่ะ เพราะเราใช้ไม่เยอะ
หลังจากนั้น ก็ถึงขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งเราเลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิต ขณะที่กำลังจะเซ็นชื่อในสลิป เจ้าหน้าที่คนเดิม วิ่งมาบอกว่า ตกลงเปลี่ยนโปรได้หลัง 6 เดือนค่ะ เราก็อ่าว แล้วไมเพิ่งมาบอก รูดบัตรไปแล้วเนี่ย เค้าก็บอกว่ายังเปลี่ยนทันค่ะ เดี๋ยวเค้ายกเลิกสลิปเก่า แล้วทำสลิปใหม่ให้ เราก็เลยโอเค งั้นก็เลือก 799 ก็ได้ (ย้อนกลับไปคิดแล้วเจ็บใจจริง ที่เราพลาด ไม่มีหลักฐานยืนยัน รู้งี้ให้เจ้าหน้าที่เขียนระบุว่าเปลี่ยนโปรได้ไว้ในใบเสร็จฯ ก็คงจะดี)
และตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พูดเลยว่า ไม่เคยใช้งานถึงที่จ่ายไปเลย โทรเฉลี่ยเดือนละแค่ร้อยกว่านาที เน็ตก็ใช้ไม่เคยถึง 2 GB
เพราะฉะนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (วันที่ 9 มีนา) เราเลยรีบโทรไปขอเปลี่ยนโปรกับ CC เพราะรอบการจ่ายของเราจะตัดตอนเที่ยงคืนวันที่ 11 มีนา (เมื่อคืนนี้) เป็นโปร Smartphone Freshy 349 เพราะตรงกับการใช้งานของเราที่สุด โดยตอนคุยก็ไม่มีปัญหาอะไร และ CC ยืนยันว่า เปลี่ยนโปรทันรอบใหม่แน่นอน
จนเมื่อเช้า ด้วยประสบการณ์ที่เจอมา ทำให้ไม่ค่อยจะอยากเชื่อใครง่าย ๆ เลยเข้าไปเช็คในแอพของดีแทคจากมือถือ
นั่นไง...ยังเป็นโปรเดิม 799 อยู่ ก็เลยโทรไปเช็คกับ CC อีกที ได้รับคำยืนยันว่า ยังเป็นโปรเดิมอยู่ค่ะ ยังเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าจะครบ 1 ปี
อ่าวววววว.... อีกแล้วไง เราก็เลยเถียงไปว่า ก่อนจะเลือกแพคเกจนี้เราเช็คหลายรอบแล้วนะ ถ้าบอกแบบนี้ตั้งแต่ต้นเราก็ไม่เลือกโปรนี้หรอก เค้าก็ได้แต่ขอโทษในความไม่สะดวกค่ะ เราก็เลยบอกว่า “ความไม่สะดวกน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เรื่องเงินมันเรื่องใหญ่นะ คุณทำอย่างนี้ก็เท่ากับหลอกลวงผู้บริโภคน่ะสิ ฉันอุตส่าห์ยอมเหนื่อย เสียเวลาเช็คข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกอยู่ตั้งนาน พอถึงเวลาก็มาบอกง่าย ๆ ว่าไม่ได้อย่างนี้ ลองไปเช็คข้อมูลย้อนหลังเลยก็ได้ว่า ขนาดเราจ่ายเงินไปแล้ว เรายังใช้ไม่เคยเต็มจำนวนของโปรนี้เลยสักเดือน ถ้าตอนนั้นไม่ได้รับคำยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเปลี่ยนโปรได้หลัง 6 เดือน เราก็คงไม่เลือกโปรนี้หรอก”
CC ก็เลยบอกเราว่า งั้นเค้าขอรับเรื่องไปประสานงานให้ก่อน แล้วจะแจ้งผลทาง SMS กลับมาอีกที
และแล้วผ่านไปประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้รับ SMS มาแล้วจ้า สรุปโปรเดิม 799 !!!
หมายความว่า เป็นกรรมขอผู้บริโภคเองใช่มั้ย ที่หลงเชื่อคำพูด คำยืนยันจากเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คน ของคุณ
โอเค... จะได้จำไว้เลยว่า ควรจะต้องขอหลักฐานเก็บไว้ยืนยัน หรือถ้าจะให้ดีคงต้องขอถ่ายคลิปคำพูดจากเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานซะเลย
ก็ขอบคุณดีแทค ที่สอนให้เราได้เรียนรู้ว่า สมัยนี้อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ
นี่ขนาดองก์กรใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงนะ ยังพูดจามักง่ายกันขนาดนี้
การพูดอะไรออกไปนั้นง่ายเหลือเกิน จะพูดอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดหรอกใช่มั้ย
ไม่ต้องอบรม หรือให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์แก่พนักงานก็ได้
แล้วแต่เลย... พวกคุณอยากพูดไรพูดไปเลย ขอให้ลูกค้ายอมเชื่อ ยอมจ่ายเงินเยอะ ๆ มาก่อนก็พอ ถือว่าปฏิบัติงานได้สำเร็จลุล่วงแล้ว
เพราะสุดท้าย ยังไงเราก็มีไม้ตายไว้รับมือ ด้วยการจัดตรียมคำพูดพร้อมรับผิดชอบเสมอกับทุกสถานการณ์อยู่แล้วว่า
“ขอโทษในความไม่สะดวกด้วยนะคะ”
ปล. ไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยโหวตกันหน่อยละกันนะคะ หรือถ้าใครมีชื่อเรื่องเด็ด ๆ เสนอก็ยินดีเลยค่ะ
1. บันทึกกรรม
2. น้ำตาผู้บริโภค
3. เล่ห์..ดีแทค
4. แอบหลอกออนไลน์
5. ............................
ดีแทค หลอกลวงผู้บริโภค ?!!!
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ 6 เดือนก่อน เราซื้อไอโฟน 5s พร้อมแพ็คเกจ 799 (โทร 350 นาที เน็ต 3GB) ที่ต้องจ่ายล่วงหน้า 6 เดือน จากศูนย์ดีแทค เซ็นทรัลพระราม 3 ซึ่งก่อนจะซื้อเราได้โทรเช็ครายละเอียดโปรโมชั่นกับ Call Center อยู่หลายรอบ จึงได้ข้อมูลว่า ราคาที่ตั้งไว้สำหรับแต่ละแพคเกจ เมื่อลองคำนวณแล้ว จะได้ราคาจ่ายรวมพอ ๆ กัน (โปรแพง ค่าเครื่องจะถูก) ซึ่งเราเองเป็นคนใช้โทรศัพท์ไม่เยอะมาก จริง ๆ แพคเกจ 599 ก็เหลือเกินกว่าที่ใช้จริงแล้ว แต่ CC ที่เราโทรคุยด้วยก็จะบอกว่า สามารถเปลี่ยนโปรได้หลังครบ 6 เดือนค่ะ เพียงแต่ห้ามย้ายค่ายหรือยกเลิกเบอร์ก่อนครบ 12 เดือนเท่านั้น
แล้วถ้าลำพัง CC คนเดียวบอก เราก็คงไม่อยากจะเชื่อใจอยู่แล้ว เพราะหลายเรื่องที่โทรถามเจ้าหน้าที่แต่ละคน บางทีก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ต้องย้ำให้เค้าไปเช็คใหม่กันอีกทีว่า ตกลงเอาไงแน่ ถ้าตอบตรงกันถึงจะยอมเชื่อค่ะ
เราเลยโทรเช็คอยู่ 3-4 รอบ หลังจากที่ได้ข้อมูลตรงกันแล้วว่า เปลี่ยนโปรได้แน่ ๆ เมื่อใช้ครบ 6 เดือน เราจึงไปซื้อเครื่อง ระหว่างการซื้อเครื่องก็พูดได้เลยค่ะว่า ข้อมูลหลาย ๆ เรื่อง เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่ตรงกัน จนต้องย้ำว่าคุณลองโทรไปถาม CC ได้เลยค่ะ ว่าข้อมูลฉันถูกหรือเปล่า (หลายเรื่องเลย แต่ขอข้าม ๆ ไปละกันนะคะ เพราะไม่งั้นเรื่องจะยาวมาก)
จนพอถึงขั้นตอนการเลือกแพคเกจ เราก็ถามย้ำกับเจ้าหน้าที่คนที่ดูแลเราอีกทีว่า ตกลงเปลี่ยนโปรหลัง 6 เดือนได้มั้ย ตอนแรกเค้าก็บอกว่า ต้องครบ 1 ปีถึงเปลี่ยนได้ค่ะ เราก็เลยบอกว่า แต่โทรคุยกับ CC หลายรอบแล้วเค้าบอกว่าเปลี่ยนได้นะคะ แต่ก็ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ งั้นขอเลือกแพคเกจ 599 ละกันค่ะ เพราะเราใช้ไม่เยอะ
หลังจากนั้น ก็ถึงขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งเราเลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิต ขณะที่กำลังจะเซ็นชื่อในสลิป เจ้าหน้าที่คนเดิม วิ่งมาบอกว่า ตกลงเปลี่ยนโปรได้หลัง 6 เดือนค่ะ เราก็อ่าว แล้วไมเพิ่งมาบอก รูดบัตรไปแล้วเนี่ย เค้าก็บอกว่ายังเปลี่ยนทันค่ะ เดี๋ยวเค้ายกเลิกสลิปเก่า แล้วทำสลิปใหม่ให้ เราก็เลยโอเค งั้นก็เลือก 799 ก็ได้ (ย้อนกลับไปคิดแล้วเจ็บใจจริง ที่เราพลาด ไม่มีหลักฐานยืนยัน รู้งี้ให้เจ้าหน้าที่เขียนระบุว่าเปลี่ยนโปรได้ไว้ในใบเสร็จฯ ก็คงจะดี)
และตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พูดเลยว่า ไม่เคยใช้งานถึงที่จ่ายไปเลย โทรเฉลี่ยเดือนละแค่ร้อยกว่านาที เน็ตก็ใช้ไม่เคยถึง 2 GB
เพราะฉะนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (วันที่ 9 มีนา) เราเลยรีบโทรไปขอเปลี่ยนโปรกับ CC เพราะรอบการจ่ายของเราจะตัดตอนเที่ยงคืนวันที่ 11 มีนา (เมื่อคืนนี้) เป็นโปร Smartphone Freshy 349 เพราะตรงกับการใช้งานของเราที่สุด โดยตอนคุยก็ไม่มีปัญหาอะไร และ CC ยืนยันว่า เปลี่ยนโปรทันรอบใหม่แน่นอน
จนเมื่อเช้า ด้วยประสบการณ์ที่เจอมา ทำให้ไม่ค่อยจะอยากเชื่อใครง่าย ๆ เลยเข้าไปเช็คในแอพของดีแทคจากมือถือ
นั่นไง...ยังเป็นโปรเดิม 799 อยู่ ก็เลยโทรไปเช็คกับ CC อีกที ได้รับคำยืนยันว่า ยังเป็นโปรเดิมอยู่ค่ะ ยังเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าจะครบ 1 ปี
อ่าวววววว.... อีกแล้วไง เราก็เลยเถียงไปว่า ก่อนจะเลือกแพคเกจนี้เราเช็คหลายรอบแล้วนะ ถ้าบอกแบบนี้ตั้งแต่ต้นเราก็ไม่เลือกโปรนี้หรอก เค้าก็ได้แต่ขอโทษในความไม่สะดวกค่ะ เราก็เลยบอกว่า “ความไม่สะดวกน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เรื่องเงินมันเรื่องใหญ่นะ คุณทำอย่างนี้ก็เท่ากับหลอกลวงผู้บริโภคน่ะสิ ฉันอุตส่าห์ยอมเหนื่อย เสียเวลาเช็คข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกอยู่ตั้งนาน พอถึงเวลาก็มาบอกง่าย ๆ ว่าไม่ได้อย่างนี้ ลองไปเช็คข้อมูลย้อนหลังเลยก็ได้ว่า ขนาดเราจ่ายเงินไปแล้ว เรายังใช้ไม่เคยเต็มจำนวนของโปรนี้เลยสักเดือน ถ้าตอนนั้นไม่ได้รับคำยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเปลี่ยนโปรได้หลัง 6 เดือน เราก็คงไม่เลือกโปรนี้หรอก”
CC ก็เลยบอกเราว่า งั้นเค้าขอรับเรื่องไปประสานงานให้ก่อน แล้วจะแจ้งผลทาง SMS กลับมาอีกที
และแล้วผ่านไปประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้รับ SMS มาแล้วจ้า สรุปโปรเดิม 799 !!!
หมายความว่า เป็นกรรมขอผู้บริโภคเองใช่มั้ย ที่หลงเชื่อคำพูด คำยืนยันจากเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คน ของคุณ
โอเค... จะได้จำไว้เลยว่า ควรจะต้องขอหลักฐานเก็บไว้ยืนยัน หรือถ้าจะให้ดีคงต้องขอถ่ายคลิปคำพูดจากเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานซะเลย
ก็ขอบคุณดีแทค ที่สอนให้เราได้เรียนรู้ว่า สมัยนี้อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ
นี่ขนาดองก์กรใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงนะ ยังพูดจามักง่ายกันขนาดนี้
การพูดอะไรออกไปนั้นง่ายเหลือเกิน จะพูดอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดหรอกใช่มั้ย
ไม่ต้องอบรม หรือให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์แก่พนักงานก็ได้
แล้วแต่เลย... พวกคุณอยากพูดไรพูดไปเลย ขอให้ลูกค้ายอมเชื่อ ยอมจ่ายเงินเยอะ ๆ มาก่อนก็พอ ถือว่าปฏิบัติงานได้สำเร็จลุล่วงแล้ว
เพราะสุดท้าย ยังไงเราก็มีไม้ตายไว้รับมือ ด้วยการจัดตรียมคำพูดพร้อมรับผิดชอบเสมอกับทุกสถานการณ์อยู่แล้วว่า
ปล. ไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยโหวตกันหน่อยละกันนะคะ หรือถ้าใครมีชื่อเรื่องเด็ด ๆ เสนอก็ยินดีเลยค่ะ
1. บันทึกกรรม
2. น้ำตาผู้บริโภค
3. เล่ห์..ดีแทค
4. แอบหลอกออนไลน์
5. ............................