ท้าวความย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2557 ผมมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณทวารหนัก เดิมทีผมเข้าใจว่า
น่าจะเกิดจากทวารเป็นแผลถลอกจากการเสียดสีเนื่องจากผมเป็นคนทีใส่กางเกงยีนส์เข้ารูปตามสมัยนิยมบ่อยๆ
รวมทั้งพฤติกรรมบางครั้งต้องนั่งเป็นเวลานาน หรือขับรถเป็นระยะทางติดต่อกันหลายๆชั่วโมง อาการเริ่มเป็นหนักขึ้น
จนแทบจะไม่สามารถเดินได้แต่เมื่อนอนแล้วตื่นขึ้นมาอาการก็จะทุเลาลง เลยลองสังเกตตัวเองใช้มือคลำบริเวณรูทวาร
ผมเป็นก้อนกลมๆใกล้ๆรูทวาร ณ ตอนนั้นเข้าใจว่า นี่คืออาการของ"ริดสีดวง" แน่นอนๆ ก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล เบื้องต้น
ผมก็ไปหายาสอด กับยาทานDaflon ทานไป2กล่องก็ไม่รู้สึกว่ามันดีขึ้นเท่าไหร่ ส่วนยาสอดนี่ดีครับ รู้สึกไม่ค่อยแสบ
ไม่ค่อยเจ็บเวลาสอดยา อาจเนื่องด้วยยาสอดมันมีสารหล่อลื่นเลยช่วยทุเลาเวลาเดินเหิรได้บ้าง หลังจากนั้นก็เริ่มหันมาทานสลัด
มื้อเย็นตลอด เพราะเข้าใจว่า น่าจะช่วยให้ริดสีดวงทุเลา อาการก็เป็นๆหายๆ มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ต้องบอกเลยครับ
ว่า อาการนี้มันกระทบกระเทือนการใช้ชีวิตประจำวันมาก ขนาดผมเป็นคนตัวเล็ก น้ำหนักแค่56kgs ยังรู้สึกเลยว่าเราไม่คล่อง
ตัวเหมือนแต่ก่อน จะทำอะไร ยกของ ก็ต้องระวังเพราะมีการเกร็งกล้ามเนื้อหูรูดหดตัวก็เจ็บแล้วครับ คือแค่ตกใจหรือจาม
ก็แสบก้นแล้วครับทรมานมาก จุดที่ผมครางแคลงใจคือ ตามปกติ เท่าที่ผมลองอ่านข้อมูล ดูblog มาสำหรับคนที่เป็นโรค
ริดสีดวง มักถ่ายแล้วบางครั้งมีเลือดปนออกมา แต่ของผมนี่ไม่มีเลือดเลยครับ มันก็เลยเก็บเป็นข้อสงสัยมาตลอด จนกำลังสงสัย
เวลาตัวเองเป็น "ฝีคัณฑสูตร" รึปล่าว เพราะ ในระหว่างที่ผมหาข้อมูล เกี่ยวกับริดสีดวงมักจะเจอลิ้งค์ของโรคนี้โผล่มาบ่อยๆ
จนแล้วจนเล่า อาการนี้ก็เป็นๆหายๆ เจ็บบ้างหายปวดบ้าง (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงหายปวด)
สัปดาห์ก่อน ในระหว่างกำลังจะอาบน้ำ ผมดันหยิบโทรศัพท์ติดเข้าห้องน้ำ ก่อนอาบน้ำเลยฉุกคิดว่า เอ...ทำไมเราไม่ลอง
ถ่ายรูปดูว่า เจ้าเม็ดที่มันอยู่บริเวณรูทวารมันหน้าตาเป็นยังไง เลยจัดการเข้าโหมด Selfie เปิดกล้องหน้า ต้องขอบคุณ
โทรศัพท์ยุคใหม่ ที่เดี๋ยวนี้พัฒนาคุณภาพกล้องมาดีมาก ครั้งแรกตอนที่ผมถ่าย ลักษณะการถ่ายรูปคือยกขาข้างนึงพาดอ่างล้างหน้า
เลยครับ แล้วถ่ายรูป รูปแรกไม่ชัดครับ เบลอๆแต่พอเห็นเป็นเม็ดขึ้นมาประมาณ1x1cm เลยจัดการถ่ายใหม่คราวนี้ใช้กล้องหลักแล้วยิงแฟลต
ด้วยครับ คราวนี้ชัดๆเลยครับ เป็นเม็ดเป้งๆ สะท้อนแสงแฟลตเป็นหัวขาวๆนูนเลยครับ เลยร้องอ๋อเลยมิน่าทำไมมันเจ็บชะมัดเพราะ
เวลาที่เราเดิน ลุก นั่ง หรือจาม หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันทำให้หูรูดหด-ขยายตัว หรือ แก้มก้นบีบมันจะไปกดทับเจ้าเม็ดนี้ครับ
มันเลยเจ็บทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆๆ หลังจากถ่ายทีที่2 ผมก็ยกขาลงแล้ว สักพักยกขาจะถ่ายใหม่ อ้าว เม็ดนั้นอยู่ดีๆอันตรธานหายไปแล้วครับ!!!
แต่รู้สึกว่าร่องก้นเราจะชื้นๆ เหนียวๆ (ตลอดระยะเวลาที่เป็น อาการที่บ่งชี้ว่าเป็นฝีคัณฑสูตรไม่ใช่ริดสีดวงอีกอย่างคือก้นคุณจะชื้นๆเหนียวๆเหมือนมีเมือกตลอดเวลาครับ คล้ายๆอาการเหงื่อออก เมือกจะมีกลิ้นคาวปลาอ่อนๆครับ)
หลังจากเม็ดฝีแตกไปปุ้บ อาการเจ็บหายเป็นปลิดทิ้งเรียกง่ายๆว่าจากเดินไม่ได้ผมฝีแตกนี่ ให้ผมไปวิ่ง4X100เมตร เดี๋ยวนั้นยังสบายเลยครับ
แต่หลังจากนั้น3-4วันก็จะเริ่มเจ็บนิดๆแต่ถ้ากดๆให้น้ำมันออกมาคุณก็จะมีชีวิตเหมือนคนปกติ หลังจากวันนั้นผมได้ไปพบอาจารย์ที่รพ.รามาธิบดี
เพื่อคอนเฟิร์มว่าตัวเองเป็นฝีคัณฑสูตรแน่ๆ หลังจากอาจารย์ลองตรวจดูท่านก็บอกว่าผมเป็นฝีคัณฑสูตร แต่ยังโชคดีที่เป็นแบบตื้น ก็นัดวันผ่าได้เลย
ซึ่งผมเองยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะ ยังไม่ได้ศึกษาโรคนี้อย่างจริงจัง เลยกลับมาปรึกษาที่บ้าน ตอนแรกก็มีคนแนะนำว่าให้ลองแพทย์ทางเลือก แต่หลัง
จากหาข้อมูลแล้ว สุดท้ายคงหนีเรื่องผ่าตัดไม่ได้แน่ๆ
ที่ผมกังวลคือ 1.การบล๊อคหลังกับการดมยาสลบจะมีผลข้างเคียงใดๆมั้ยครับ
2.การผ่าตัดแบบLIFT โดยอาจารย์อรุณ โรจนสกุล ซึ่งเป็นผู้คิดค้นการผ่าตัดแบบนี้ จะทำให้มีความเสี่ยงอันตรายต่อหูรูดน้อยกว่าผ่าปกติจริง มั้ย มีใครเคยผ่าแบบนี้บ้างครับ
3.ผมตรวจรักษาครั้งแรกกับอาจารย์วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา ที่รามา เพิ่งมาทราบทีหลังว่าอาจารย์ลงตรวจที่ บำรุงราษฎร์เช่นเดียวกันกับอาจารย์อรุณ โรจนสกุล เลยไม่แน่ใจว่า ที่รามาจะมีการผ่าตัดแบบLIFT หรือไม่?
4.ตอนนี้ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปผ่าตัดที่ไหนดีครับ การบริการ ผมไปรามาครั้งแรกเพราะมีเพื่อนเป็นพยาบาลวิชาชีพ
เป็นคนจัดการให้หมด ไปตรวจนอกเวลา แต่อย่างว่าครับต้องทำใจ กับเจ้าหน้าที่บางคนครับ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า รพ.รัฐบาล ยังไงก็ยังต้อง
พัฒนาเรื่องบุคลิก การบริการอีกมากครับ ขนาดผมเป็นคนที่ทำการบ้านก่อนไปหา รู้ระบบการตรวจขั้นตอนต่างๆของรพ รามา แต่แค่ถามในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เจ้าหน้าที่ ยังเสียงแข็ง แล้วยื่นเอกสารของผมโดยการโยนใส่บนโต๊ะ ขนาดผมเลือกตรวจเป็นคลีนิคนอกเวลา,พรีเมี่ยมยังไม่วายโดนแบบนี้เลยครับ
สิ่งที่ผมฉุกคิดขึ้นมา คือ ขนาดตัวผมเอง พอรู้เรื่องพอสมควร ยังโดนขนาดนี้ แล้วถ้า เป็นตาสีตาสา มาจากตจว ไม่รู้เรื่อง มาเงอะๆงะๆ ไม่โดนตะเพิดไล่ออกจาก รพ เลยหรอครับ คิดแล้วผมสงสารคนตจว ยิ่งถ้ามีอายุด้วย ผมนี่สงสารมากเลยครับ
สุดท้ายแล้วขอให้ใครที่ไม่เป็นโรคนี้ ขอให้ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีครับอย่าให้ท้องผูก อย่าให้มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย การเกงยีนส์
ไม่จำเป็นอย่าไปใส่รัดติ้วครับ ผมมั่นใจว่าผมเกิดโรคแบบนี้เพราะส่วนหนึ่งน่าจะใส่การเกงยีนส์รัดด้วยแน่ๆครับ เลยอาจจะเกิดแผลแล้วติดเชื้อลาม
ไปจนถึงท่อFistulaครับ
ฝีคัณฑสูตร โรคที่คนเป็นมักไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ขอคำปรึกษาด้วยครับ
น่าจะเกิดจากทวารเป็นแผลถลอกจากการเสียดสีเนื่องจากผมเป็นคนทีใส่กางเกงยีนส์เข้ารูปตามสมัยนิยมบ่อยๆ
รวมทั้งพฤติกรรมบางครั้งต้องนั่งเป็นเวลานาน หรือขับรถเป็นระยะทางติดต่อกันหลายๆชั่วโมง อาการเริ่มเป็นหนักขึ้น
จนแทบจะไม่สามารถเดินได้แต่เมื่อนอนแล้วตื่นขึ้นมาอาการก็จะทุเลาลง เลยลองสังเกตตัวเองใช้มือคลำบริเวณรูทวาร
ผมเป็นก้อนกลมๆใกล้ๆรูทวาร ณ ตอนนั้นเข้าใจว่า นี่คืออาการของ"ริดสีดวง" แน่นอนๆ ก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล เบื้องต้น
ผมก็ไปหายาสอด กับยาทานDaflon ทานไป2กล่องก็ไม่รู้สึกว่ามันดีขึ้นเท่าไหร่ ส่วนยาสอดนี่ดีครับ รู้สึกไม่ค่อยแสบ
ไม่ค่อยเจ็บเวลาสอดยา อาจเนื่องด้วยยาสอดมันมีสารหล่อลื่นเลยช่วยทุเลาเวลาเดินเหิรได้บ้าง หลังจากนั้นก็เริ่มหันมาทานสลัด
มื้อเย็นตลอด เพราะเข้าใจว่า น่าจะช่วยให้ริดสีดวงทุเลา อาการก็เป็นๆหายๆ มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ต้องบอกเลยครับ
ว่า อาการนี้มันกระทบกระเทือนการใช้ชีวิตประจำวันมาก ขนาดผมเป็นคนตัวเล็ก น้ำหนักแค่56kgs ยังรู้สึกเลยว่าเราไม่คล่อง
ตัวเหมือนแต่ก่อน จะทำอะไร ยกของ ก็ต้องระวังเพราะมีการเกร็งกล้ามเนื้อหูรูดหดตัวก็เจ็บแล้วครับ คือแค่ตกใจหรือจาม
ก็แสบก้นแล้วครับทรมานมาก จุดที่ผมครางแคลงใจคือ ตามปกติ เท่าที่ผมลองอ่านข้อมูล ดูblog มาสำหรับคนที่เป็นโรค
ริดสีดวง มักถ่ายแล้วบางครั้งมีเลือดปนออกมา แต่ของผมนี่ไม่มีเลือดเลยครับ มันก็เลยเก็บเป็นข้อสงสัยมาตลอด จนกำลังสงสัย
เวลาตัวเองเป็น "ฝีคัณฑสูตร" รึปล่าว เพราะ ในระหว่างที่ผมหาข้อมูล เกี่ยวกับริดสีดวงมักจะเจอลิ้งค์ของโรคนี้โผล่มาบ่อยๆ
จนแล้วจนเล่า อาการนี้ก็เป็นๆหายๆ เจ็บบ้างหายปวดบ้าง (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงหายปวด)
สัปดาห์ก่อน ในระหว่างกำลังจะอาบน้ำ ผมดันหยิบโทรศัพท์ติดเข้าห้องน้ำ ก่อนอาบน้ำเลยฉุกคิดว่า เอ...ทำไมเราไม่ลอง
ถ่ายรูปดูว่า เจ้าเม็ดที่มันอยู่บริเวณรูทวารมันหน้าตาเป็นยังไง เลยจัดการเข้าโหมด Selfie เปิดกล้องหน้า ต้องขอบคุณ
โทรศัพท์ยุคใหม่ ที่เดี๋ยวนี้พัฒนาคุณภาพกล้องมาดีมาก ครั้งแรกตอนที่ผมถ่าย ลักษณะการถ่ายรูปคือยกขาข้างนึงพาดอ่างล้างหน้า
เลยครับ แล้วถ่ายรูป รูปแรกไม่ชัดครับ เบลอๆแต่พอเห็นเป็นเม็ดขึ้นมาประมาณ1x1cm เลยจัดการถ่ายใหม่คราวนี้ใช้กล้องหลักแล้วยิงแฟลต
ด้วยครับ คราวนี้ชัดๆเลยครับ เป็นเม็ดเป้งๆ สะท้อนแสงแฟลตเป็นหัวขาวๆนูนเลยครับ เลยร้องอ๋อเลยมิน่าทำไมมันเจ็บชะมัดเพราะ
เวลาที่เราเดิน ลุก นั่ง หรือจาม หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันทำให้หูรูดหด-ขยายตัว หรือ แก้มก้นบีบมันจะไปกดทับเจ้าเม็ดนี้ครับ
มันเลยเจ็บทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆๆ หลังจากถ่ายทีที่2 ผมก็ยกขาลงแล้ว สักพักยกขาจะถ่ายใหม่ อ้าว เม็ดนั้นอยู่ดีๆอันตรธานหายไปแล้วครับ!!!
แต่รู้สึกว่าร่องก้นเราจะชื้นๆ เหนียวๆ (ตลอดระยะเวลาที่เป็น อาการที่บ่งชี้ว่าเป็นฝีคัณฑสูตรไม่ใช่ริดสีดวงอีกอย่างคือก้นคุณจะชื้นๆเหนียวๆเหมือนมีเมือกตลอดเวลาครับ คล้ายๆอาการเหงื่อออก เมือกจะมีกลิ้นคาวปลาอ่อนๆครับ)
หลังจากเม็ดฝีแตกไปปุ้บ อาการเจ็บหายเป็นปลิดทิ้งเรียกง่ายๆว่าจากเดินไม่ได้ผมฝีแตกนี่ ให้ผมไปวิ่ง4X100เมตร เดี๋ยวนั้นยังสบายเลยครับ
แต่หลังจากนั้น3-4วันก็จะเริ่มเจ็บนิดๆแต่ถ้ากดๆให้น้ำมันออกมาคุณก็จะมีชีวิตเหมือนคนปกติ หลังจากวันนั้นผมได้ไปพบอาจารย์ที่รพ.รามาธิบดี
เพื่อคอนเฟิร์มว่าตัวเองเป็นฝีคัณฑสูตรแน่ๆ หลังจากอาจารย์ลองตรวจดูท่านก็บอกว่าผมเป็นฝีคัณฑสูตร แต่ยังโชคดีที่เป็นแบบตื้น ก็นัดวันผ่าได้เลย
ซึ่งผมเองยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะ ยังไม่ได้ศึกษาโรคนี้อย่างจริงจัง เลยกลับมาปรึกษาที่บ้าน ตอนแรกก็มีคนแนะนำว่าให้ลองแพทย์ทางเลือก แต่หลัง
จากหาข้อมูลแล้ว สุดท้ายคงหนีเรื่องผ่าตัดไม่ได้แน่ๆ
ที่ผมกังวลคือ 1.การบล๊อคหลังกับการดมยาสลบจะมีผลข้างเคียงใดๆมั้ยครับ
2.การผ่าตัดแบบLIFT โดยอาจารย์อรุณ โรจนสกุล ซึ่งเป็นผู้คิดค้นการผ่าตัดแบบนี้ จะทำให้มีความเสี่ยงอันตรายต่อหูรูดน้อยกว่าผ่าปกติจริง มั้ย มีใครเคยผ่าแบบนี้บ้างครับ
3.ผมตรวจรักษาครั้งแรกกับอาจารย์วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา ที่รามา เพิ่งมาทราบทีหลังว่าอาจารย์ลงตรวจที่ บำรุงราษฎร์เช่นเดียวกันกับอาจารย์อรุณ โรจนสกุล เลยไม่แน่ใจว่า ที่รามาจะมีการผ่าตัดแบบLIFT หรือไม่?
4.ตอนนี้ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปผ่าตัดที่ไหนดีครับ การบริการ ผมไปรามาครั้งแรกเพราะมีเพื่อนเป็นพยาบาลวิชาชีพ
เป็นคนจัดการให้หมด ไปตรวจนอกเวลา แต่อย่างว่าครับต้องทำใจ กับเจ้าหน้าที่บางคนครับ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า รพ.รัฐบาล ยังไงก็ยังต้อง
พัฒนาเรื่องบุคลิก การบริการอีกมากครับ ขนาดผมเป็นคนที่ทำการบ้านก่อนไปหา รู้ระบบการตรวจขั้นตอนต่างๆของรพ รามา แต่แค่ถามในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เจ้าหน้าที่ ยังเสียงแข็ง แล้วยื่นเอกสารของผมโดยการโยนใส่บนโต๊ะ ขนาดผมเลือกตรวจเป็นคลีนิคนอกเวลา,พรีเมี่ยมยังไม่วายโดนแบบนี้เลยครับ
สิ่งที่ผมฉุกคิดขึ้นมา คือ ขนาดตัวผมเอง พอรู้เรื่องพอสมควร ยังโดนขนาดนี้ แล้วถ้า เป็นตาสีตาสา มาจากตจว ไม่รู้เรื่อง มาเงอะๆงะๆ ไม่โดนตะเพิดไล่ออกจาก รพ เลยหรอครับ คิดแล้วผมสงสารคนตจว ยิ่งถ้ามีอายุด้วย ผมนี่สงสารมากเลยครับ
สุดท้ายแล้วขอให้ใครที่ไม่เป็นโรคนี้ ขอให้ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีครับอย่าให้ท้องผูก อย่าให้มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย การเกงยีนส์
ไม่จำเป็นอย่าไปใส่รัดติ้วครับ ผมมั่นใจว่าผมเกิดโรคแบบนี้เพราะส่วนหนึ่งน่าจะใส่การเกงยีนส์รัดด้วยแน่ๆครับ เลยอาจจะเกิดแผลแล้วติดเชื้อลาม
ไปจนถึงท่อFistulaครับ