สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ปกติผมก็ได้เข้ามาเสพกระทู้ในพันทิปบ่อยๆฮะ แต่ไม่ได้สมัครเพื่อตั้งกระทู้ ผมมักจะเขียนเรื่องราวของผมลงที่หน้าวอลของเฟซบุคซะเป็นส่วนมาก
แต่ วันนี้ผมอยากจะแชร์เรื่องราวของผมให้เพื่อนๆ ได้รับฟังกัน เผื่อไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับบางคน จะได้ถือเป็นบทเรียนที่ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าแลก (ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร ฮ่าๆๆๆ)
ผมกับแฟนของผม (ผู้ชายทั้งคู่ครับ) เราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง (เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลสีเขียวย่านบางเขน) <<< (ไม่รู้เลยว่ามออะไร ฮ่าๆๆๆๆ) ผมเจอกับเค้าตอนที่ผมอยู่ปี 3 เทอม 2 ครับ ส่วนเค้าเป็นผู้ช่วยนักวิจัยเพื่อรอทุนปริญญาโทจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเค้า (ตอนนี้ผมเรียนจบมา 1 ปีแล้วครับ)
เราสองคนเจอกันที่งานเกษตรแฟร์ครับ เราเป็นคนชอบสัตว์เหมือนกันทั้งคู่ ก็เลยเข้ากันง่ายหน่อย (เจอกันที่ร้านขายปลา)
ผมยอมรับว่า ผมชอบคุยกับเค้ามาก เนื่องจากมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ (ผมเรียนด้านศิลป์ เค้าเรียนด้านวิทย์ ความคิดของแต่ละคนมันเลยดูแปลกใหม่ต่อกันและกัน)
เราคบกันได้ 4 เดือน จึงตัดสินใจ ย้ายมาอยู่หอด้วยกันครับ เพื่อประหยัดค่าห้อง และจะได้หารค่าใช้จ่ายกัน โดยเราย้ายมาอยู่ใกล้มหาลัยมากขึ้น
ตอนนั้นผมมีความสุขมากครับ พอเรียนเสร็จ ก็นั่งรอแฟนผมว่ายน้ำ และก็หาซื้ออะไรเข้ามากินด้วยกันตอนค่ำๆ เราใช้ชีวิตกันแบบคู่แต่งงานกันใหม่ (เวอร์มาก)
ส่วนเค้าก็ช่วยงานวิจัยของอาจารย์เค้าไป ต่างคนก็ต่างมีเวลาให้กันครับ
เราอยู่ด้วยกันได้แค่ 4 เดือน จุดเปลี่ยนของชีวิตเค้า ก็มาถึง ....
เมื่อเรารู้ว่า ทุนป.โท ที่เค้ารอนั้น มันไม่มีอยู่จริง (อันนี้ผมขอไม่เอ่ยถึงสาเหตุครับ มันจะกลายเป็นอีกเรื่องใหญ่ๆ โดยปริยาย) แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่อดทน ไม่ค่อยพูด (ต่างกับผมโดยสิ้นเชิงฮะ ผมเป็นคนที่ถ้ามีอะไรคาใจ ผมจะพูดหรีอถามจนกว่าจะได้คำตอบ) ผมจึงต้องเป็นคนที่ไกด์เส้นทางให้เค้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คำพูดที่ต้องไปพูดกับอาจารย์ เส้นทางที่จะเดินต่อไป บลาๆๆๆๆ (แบบ ต้องตั้ง Mindset ให้เค้าอ่ะครับ เพราะเค้าจะเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบอยู่เรื่อย)
จนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า เค้าต้องออกมาหางานทำ ... แต่เนื่องด้วยผมยังเรียนอยู่ ผมจึงเสนอเค้าว่า ทำงานอะไรที่ใกล้ๆ หอพักไปก่อน จนกว่าผมจะเรียนจบได้มั๊ย? เพราะผมก็คงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไม่ไหว ครั้นจะกลับไปอยู่หอที่เดิมมันก็ไกลจากมหาลัยมาก
ซึ่งเค้าก็รับปากครับ ...
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ !!!! เพราะเค้าได้งานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2
ซึ่งเราก็ตกลงครับ ว่าเราจะแยกกันอยู่ แต่ผมขอให้เค้าช่วยซัพพอร์ตค่าหอผมด้วย และผมก็จะย้ายไปอยู่ที่ราคาถูกลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย (ผมให้เค้าช่วยเดือนละ 1000 ครับ เพราะตอนนั้นผมก็อยู่ ปี 4 แล้ว คิดว่าคงจะไม่รบกวนเค้านาน)
ตอนที่เค้าทำงาน มันก็เกิดเรื่องราวมากมายฮะ ตั้งแต่โดนกล่าวหาว่ายักยอกของที่ทำงานบ้าง จนเค้าจะเอาตำรวจเข้ามาสอบสวน (ซึ่งมันเป็นการเข้าใจผิด),มีปัญหากับรองซุปฯมนุษย์ป้าบ้าง จนเกือบจะวางมวยกัน, ย่าเสียชีวิตจนต้องบวช บลาๆๆๆ ผมก็อยู่ข้างเค้าตลอด คอยบอกเค้าตลอดว่า ไม่เป็นไร ยังมีผมนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรยังไง หัวจะล้าน ผมจะหงอก จะพิการนั่งรถเข็น เราก็ยังจะดูแลกันและกัน...
ซึ่งเราก็ทำแบบนี้ได้ 1 ปี จนผมเรียนจบครับ ซึ่งในระยะเวลาระหว่างนี้ ผมกับเค้าก็เจอกันทุกอาทิตย์ (สลับกันไปหาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเป็นฝ่ายมาหาผมมากกว่า เพราะผมไม่ชอบไปย่านที่เค้าอยู่ครับ มันดูไม่ปลอดภัย)
ตอนที่ผมเรียนจบแล้ว(ประมาณเดือนมีนาคม 2557) เป็นช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยสงบเท่าที่ควร จึงหางานยากมาก แม่ผมเลยแนะนำให้ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านสักพัก ส่วนของที่หอพัก ให้เอาไปฝากไว้ที่หอของแฟน (คือแม่ผมรู้ครับว่าคบกัน ผมเคยพาเค้าไปที่บ้านผมที่ต่างจังหวัดด้วย)
ผมกลับบ้านได้แค่เดือนเดียวครับ ปรากฏว่า ผมได้งานแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว (เดือนกรกฎาคม 57 ครับ) (ซึ่งผมย้ายของไปอยู่หอของแฟนที่พระราม 2 หมดแล้ว) ผมจึงตัดสินใจ "นั่งรถไปกลับ" เพื่อมาทำงานทุกวันครับ (ทำงาน 8.30 - 17.30 น. ต้องตื่นนอนแบบหฤโหดมาก ใครอยู่ กทม. จะรู้ว่า พระราม 2 กับ เซ็นทรัลลาดพร้าว มันอยู่ไกลกันมากกกกก)
ต้องบอกก่อนนะครับว่า จริงๆแล้ว ผมจะย้ายหอมาอยู่แถวที่ทำงานก็ได้ แต่ ผมคิดว่า การที่เรากลับมาแล้วเจอคนที่เรารัก รอกินข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน มันน่าจะมีความสุขมากกว่ากลับไปอยู่ตัวคนเดียว (ยอมเสียเวลาแลกกับความสุขนั่นเองครับ)
เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม - ธันวาคม ครับ ผมยอมไปกลับทุกวัน ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันนั้น ช่วงเดือน ตุลา-พฤศจิกา ผมก็เห็นเค้าชอบเล่นไลน์บ่อยๆ (ซึ่งเค้าชอบหยอกๆเล่นกับผู้หญิงที่ทำงานครับ) (อ๋อ ลืมบอกไป ไม่มีใครรู้ว่า เค้าเป็นเกย์ครับ) แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ฝ่าย Purchase (ซึ่งเค้าก็เล่นไลน์ให้ผมดูตลอด) สมมติให้ชื่อว่า "น."
นาง น. เมื่อก่อนก็อยู่หอพักเดียวกับแฟนผมครับ อยู่ห้องถัดไปแค่ 2 ห้อง แต่นาง น. ได้ย้ายออกไปอีกที่นึง เพราะ หอแฟนผมค่อนข้างมีคนโวยวายกลางดึกบ่อยๆ
นาง น. อายุ 29 ครับ แฟนผมเค้าชอบมาคุยเรื่อง นาง น. ให้ผมฟังบ่อยๆ ข้อมูลคร่าวๆคือ นาง น. มีสามีแล้ว (ปัจจุบันคือสามีคนที่ 2) มีลูกสาวแล้ว อายุ 5 ขวบ แต่ฝากลูกสาวไว้กับแม่ที่บ้านต่างจังหวัด สามีของ น. ก็ไปๆมาๆ เพราะว่าเป็นเซลส์ครับ
นาง น. รู้นะครับ ว่าแฟนผมนี่เป็นเกย์ และมีแฟนแล้วเป็นผู้ชาย (เค้าเคยเห็นผมเดินผ่านห้องเค้าบ่อยๆ ตอนเค้ายังอยู่หอเดียวกัน) ซึ่งแรกๆ ก็เล่นไลน์ไปในทางที่ค่อนข้างจะเป็น"หมาหยอกไก่"มากกว่า
แต่ช่วงหลังๆ มันเริ่มไม่ใช่ครับ !!!!! เพราะผมเช็คไลน์แฟนผมตลอด เค้าก็ไม่ได้มีความลับอะไรครับ ให้ผมดูมือถือของเค้าตลอด
///// ขอเล่าต่อในคอมเม้นต่อไปนะครับ
(เกย์ 15+) เมื่อแฟนที่คบกันมาเกือบ 3 ปี แอบไปมีอะไรกับผู้หญิง (ที่มีลูกและสามีแล้ว) เกิดติดใจ และขอแยกทางกับคุณ !!!
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ปกติผมก็ได้เข้ามาเสพกระทู้ในพันทิปบ่อยๆฮะ แต่ไม่ได้สมัครเพื่อตั้งกระทู้ ผมมักจะเขียนเรื่องราวของผมลงที่หน้าวอลของเฟซบุคซะเป็นส่วนมาก
แต่ วันนี้ผมอยากจะแชร์เรื่องราวของผมให้เพื่อนๆ ได้รับฟังกัน เผื่อไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับบางคน จะได้ถือเป็นบทเรียนที่ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าแลก (ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร ฮ่าๆๆๆ)
ผมกับแฟนของผม (ผู้ชายทั้งคู่ครับ) เราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง (เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลสีเขียวย่านบางเขน) <<< (ไม่รู้เลยว่ามออะไร ฮ่าๆๆๆๆ) ผมเจอกับเค้าตอนที่ผมอยู่ปี 3 เทอม 2 ครับ ส่วนเค้าเป็นผู้ช่วยนักวิจัยเพื่อรอทุนปริญญาโทจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเค้า (ตอนนี้ผมเรียนจบมา 1 ปีแล้วครับ)
เราสองคนเจอกันที่งานเกษตรแฟร์ครับ เราเป็นคนชอบสัตว์เหมือนกันทั้งคู่ ก็เลยเข้ากันง่ายหน่อย (เจอกันที่ร้านขายปลา)
ผมยอมรับว่า ผมชอบคุยกับเค้ามาก เนื่องจากมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ (ผมเรียนด้านศิลป์ เค้าเรียนด้านวิทย์ ความคิดของแต่ละคนมันเลยดูแปลกใหม่ต่อกันและกัน)
เราคบกันได้ 4 เดือน จึงตัดสินใจ ย้ายมาอยู่หอด้วยกันครับ เพื่อประหยัดค่าห้อง และจะได้หารค่าใช้จ่ายกัน โดยเราย้ายมาอยู่ใกล้มหาลัยมากขึ้น
ตอนนั้นผมมีความสุขมากครับ พอเรียนเสร็จ ก็นั่งรอแฟนผมว่ายน้ำ และก็หาซื้ออะไรเข้ามากินด้วยกันตอนค่ำๆ เราใช้ชีวิตกันแบบคู่แต่งงานกันใหม่ (เวอร์มาก)
ส่วนเค้าก็ช่วยงานวิจัยของอาจารย์เค้าไป ต่างคนก็ต่างมีเวลาให้กันครับ
เราอยู่ด้วยกันได้แค่ 4 เดือน จุดเปลี่ยนของชีวิตเค้า ก็มาถึง ....
เมื่อเรารู้ว่า ทุนป.โท ที่เค้ารอนั้น มันไม่มีอยู่จริง (อันนี้ผมขอไม่เอ่ยถึงสาเหตุครับ มันจะกลายเป็นอีกเรื่องใหญ่ๆ โดยปริยาย) แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่อดทน ไม่ค่อยพูด (ต่างกับผมโดยสิ้นเชิงฮะ ผมเป็นคนที่ถ้ามีอะไรคาใจ ผมจะพูดหรีอถามจนกว่าจะได้คำตอบ) ผมจึงต้องเป็นคนที่ไกด์เส้นทางให้เค้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คำพูดที่ต้องไปพูดกับอาจารย์ เส้นทางที่จะเดินต่อไป บลาๆๆๆๆ (แบบ ต้องตั้ง Mindset ให้เค้าอ่ะครับ เพราะเค้าจะเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบอยู่เรื่อย)
จนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า เค้าต้องออกมาหางานทำ ... แต่เนื่องด้วยผมยังเรียนอยู่ ผมจึงเสนอเค้าว่า ทำงานอะไรที่ใกล้ๆ หอพักไปก่อน จนกว่าผมจะเรียนจบได้มั๊ย? เพราะผมก็คงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไม่ไหว ครั้นจะกลับไปอยู่หอที่เดิมมันก็ไกลจากมหาลัยมาก
ซึ่งเค้าก็รับปากครับ ...
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ !!!! เพราะเค้าได้งานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2
ซึ่งเราก็ตกลงครับ ว่าเราจะแยกกันอยู่ แต่ผมขอให้เค้าช่วยซัพพอร์ตค่าหอผมด้วย และผมก็จะย้ายไปอยู่ที่ราคาถูกลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย (ผมให้เค้าช่วยเดือนละ 1000 ครับ เพราะตอนนั้นผมก็อยู่ ปี 4 แล้ว คิดว่าคงจะไม่รบกวนเค้านาน)
ตอนที่เค้าทำงาน มันก็เกิดเรื่องราวมากมายฮะ ตั้งแต่โดนกล่าวหาว่ายักยอกของที่ทำงานบ้าง จนเค้าจะเอาตำรวจเข้ามาสอบสวน (ซึ่งมันเป็นการเข้าใจผิด),มีปัญหากับรองซุปฯมนุษย์ป้าบ้าง จนเกือบจะวางมวยกัน, ย่าเสียชีวิตจนต้องบวช บลาๆๆๆ ผมก็อยู่ข้างเค้าตลอด คอยบอกเค้าตลอดว่า ไม่เป็นไร ยังมีผมนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรยังไง หัวจะล้าน ผมจะหงอก จะพิการนั่งรถเข็น เราก็ยังจะดูแลกันและกัน...
ซึ่งเราก็ทำแบบนี้ได้ 1 ปี จนผมเรียนจบครับ ซึ่งในระยะเวลาระหว่างนี้ ผมกับเค้าก็เจอกันทุกอาทิตย์ (สลับกันไปหาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเป็นฝ่ายมาหาผมมากกว่า เพราะผมไม่ชอบไปย่านที่เค้าอยู่ครับ มันดูไม่ปลอดภัย)
ตอนที่ผมเรียนจบแล้ว(ประมาณเดือนมีนาคม 2557) เป็นช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยสงบเท่าที่ควร จึงหางานยากมาก แม่ผมเลยแนะนำให้ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านสักพัก ส่วนของที่หอพัก ให้เอาไปฝากไว้ที่หอของแฟน (คือแม่ผมรู้ครับว่าคบกัน ผมเคยพาเค้าไปที่บ้านผมที่ต่างจังหวัดด้วย)
ผมกลับบ้านได้แค่เดือนเดียวครับ ปรากฏว่า ผมได้งานแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว (เดือนกรกฎาคม 57 ครับ) (ซึ่งผมย้ายของไปอยู่หอของแฟนที่พระราม 2 หมดแล้ว) ผมจึงตัดสินใจ "นั่งรถไปกลับ" เพื่อมาทำงานทุกวันครับ (ทำงาน 8.30 - 17.30 น. ต้องตื่นนอนแบบหฤโหดมาก ใครอยู่ กทม. จะรู้ว่า พระราม 2 กับ เซ็นทรัลลาดพร้าว มันอยู่ไกลกันมากกกกก)
ต้องบอกก่อนนะครับว่า จริงๆแล้ว ผมจะย้ายหอมาอยู่แถวที่ทำงานก็ได้ แต่ ผมคิดว่า การที่เรากลับมาแล้วเจอคนที่เรารัก รอกินข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน มันน่าจะมีความสุขมากกว่ากลับไปอยู่ตัวคนเดียว (ยอมเสียเวลาแลกกับความสุขนั่นเองครับ)
เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม - ธันวาคม ครับ ผมยอมไปกลับทุกวัน ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันนั้น ช่วงเดือน ตุลา-พฤศจิกา ผมก็เห็นเค้าชอบเล่นไลน์บ่อยๆ (ซึ่งเค้าชอบหยอกๆเล่นกับผู้หญิงที่ทำงานครับ) (อ๋อ ลืมบอกไป ไม่มีใครรู้ว่า เค้าเป็นเกย์ครับ) แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ฝ่าย Purchase (ซึ่งเค้าก็เล่นไลน์ให้ผมดูตลอด) สมมติให้ชื่อว่า "น."
นาง น. เมื่อก่อนก็อยู่หอพักเดียวกับแฟนผมครับ อยู่ห้องถัดไปแค่ 2 ห้อง แต่นาง น. ได้ย้ายออกไปอีกที่นึง เพราะ หอแฟนผมค่อนข้างมีคนโวยวายกลางดึกบ่อยๆ
นาง น. อายุ 29 ครับ แฟนผมเค้าชอบมาคุยเรื่อง นาง น. ให้ผมฟังบ่อยๆ ข้อมูลคร่าวๆคือ นาง น. มีสามีแล้ว (ปัจจุบันคือสามีคนที่ 2) มีลูกสาวแล้ว อายุ 5 ขวบ แต่ฝากลูกสาวไว้กับแม่ที่บ้านต่างจังหวัด สามีของ น. ก็ไปๆมาๆ เพราะว่าเป็นเซลส์ครับ
นาง น. รู้นะครับ ว่าแฟนผมนี่เป็นเกย์ และมีแฟนแล้วเป็นผู้ชาย (เค้าเคยเห็นผมเดินผ่านห้องเค้าบ่อยๆ ตอนเค้ายังอยู่หอเดียวกัน) ซึ่งแรกๆ ก็เล่นไลน์ไปในทางที่ค่อนข้างจะเป็น"หมาหยอกไก่"มากกว่า
แต่ช่วงหลังๆ มันเริ่มไม่ใช่ครับ !!!!! เพราะผมเช็คไลน์แฟนผมตลอด เค้าก็ไม่ได้มีความลับอะไรครับ ให้ผมดูมือถือของเค้าตลอด
///// ขอเล่าต่อในคอมเม้นต่อไปนะครับ