ก่อนใครจะอ่านเราขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่าไม่เหมาะกับคนที่คิดว่าไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นยังไงลูกก็ต้องกตัญญู
เราโตแล้วค่ะ จะ 30 แล้ว พี่ชายเรา 30 กว่า
แม่หย่ากับพ่อตั้งแต่เด็ก เราไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดความอบอุ่น
เราเป็นคนง่ายๆ ให้ทำอะไรก็ทำค่ะ อยู่ในโอวาสแม่ตลอดในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นเสียคนไปเยอะ
พอแม่หย่า แม่ก็ติดต่อกับแฟนเก่าสมัยเรียนแล้วเขาก็กลับมาคบกัน
เราเกลียดแฟนแม่ค่ะ ชอบตี ชอบบิดเนื้อเวลาเขาคิดว่าเราทำอะไรผิด ชอบพูดจาแรงๆ
แต่แม่เราเฉย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทำไม คิดว่าแม่คงเหนื่อยกับการเลี้ยงดูเรากับพี่คนเดียวมั้งคะ
แฟนแม่ก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย พาไปเที่ยว พาไปกินอะไรดีๆ ซื้อของเล่นให้เวลาเราสอบได้คะแนนดี
แฟนแม่อยากมีลูกชายมาก เขาก็จะเอาเวลาไปทุ่มกับพี่ชายเรา พยายามเข็นให้พี่ชายเราเป็นแบบที่เขาต้องการ
แต่พี่เราไม่เป็นแบบนั้น เขาก็เริ่มตบหัว เตะพี่เราเวลาแม่ไม่อยู่ พอพี่เราบอกแม่ แม่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าบอกเขาว่าให้เลิกทำค่ะ
สรุปคือพี่เราไม่สบาย กลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจเพราะโดนว่าอยู่ตลอด เป็นคนอารมณ์รุนแรงต้องหาจิตแพทย์อยู่พักใหญ่
ส่วนเราก็ออกจากบ้านตั้งแต่จบม.ปลายเพราะสอบได้มหาวิทยาลัยไกลบ้าน แล้วคณะเราเรียนหนักเลยไม่ค่อยได้กลับบ้าน
ช่วงเราเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ๆแฟนแม่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยค่ะ ไม่มีใครชวน ย้ายเข้ามาเอง แม่ก็ไม่ไล่เพราะเห็นว่าเคยมีบุญคุณ ช่วยเหลือกัน
จนวันนึงแฟนแม่มาหาเราที่หอพัก แล้วลวนลามเรา เราโทรบอกแม่ทันที แม่ก็คุยกับเขาแล้วบอกให้เขาย้ายออก
เขาไม่ย้ายค่ะ อยู่ต่อมา 5-6 ปี เราไม่กลับบ้านเลยค่ะ
ปกติเราก็ไม่คุยกับแม่และพี่ชายเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าคุยไปก็เท่านั้น แม่ไม่เคยฟัง
ขนาดเหนื่อยเรียนมากๆอยากโทรไปขอกำลังใจ คำตอบที่ได้มาคือ แล้วยังไง?
เป็นครั้งแรกที่โทรหาและครั้งสุดท้ายค่ะ ในเมื่อกำลังใจไม่ได้จากแม่ เราก็ไม่ง้อ เราหาจากที่อื่นได้
แม่เคยบอกเราว่า แฟนแม่ว่าแม่เรื่องห่วงแต่พี่ชายเรา ไม่ห่วง ไม่ดูแลเรา
เราคิดว่าเราเฉยๆที่แม่เป็นแบบนั้นอะค่ะ ดีซะอีกไม่ต้องมายุ่งกับเรา เราโตมาแบบคิดเองตัดสินใจเองตลอด เพราะแม่กับแฟนแม่เอาเวลาไปลงที่พี่เราหมด
เราชอบซะด้วยซ้ำที่ไม่มีใครมาจ้ำจี้ แต่เราเรียนดีนะคะ ไม่เกเรียน เป็นเด็กกิจกรรมด้วย
เรียนจบเราทำงานทันที ได้งานที่บริษัทใหญ่ แม่เอาไปคุยกับคนที่ทำงาน เรียกง่ายๆว่าเอาไปอวด
เราอยู่บ้านได้แปบนึงก็หาเรื่องออกมาอยู่หอเอง แม่ด่าเราว่า เพราะเราไม่รู้จักวิธีอยู่ร่วมกับคนอื่น เราถึงมีปัญหาเสมอ
คืออยากถามว่าเพราะอะไร เราถึงต้องอยู่คนเดียว? ทำไมเราถึงไม่อยากกลับบ้าน? แม่ไม่รู้เลยรึไง?
แต่ถามไปก็โดนด่าค่ะ ไม่รู้จะถามหาอะไร
ทำงานไปได้ซักพักเราซื้อรถให้แม่ค่ะ เพราะคันเก่ามันเก่ามากแล้ว เราเป็นห่วงเขา กลัวมันจะไปพังระหว่างทาง
ซื้อเสร็จเราผ่อน แล้วเอาคันเก่ามาใช้เอง ไม่มีปัญหาอะไรนอกจากบางทีเราจะเอาคันใหม่ไปใช้ แม่ก็ไม่ให้ค่ะ มีด่าด้วยว่าทำไม ขับคันเก่าไม่ได้รึไง
บวกกับแม่เราเป็นคนชอบชักสีหน้าค่ะ ไม่เคยไว้หน้าลูกต่อหน้าคนอื่น
แต่กับคนที่ทำงานแม่จะทำดีด้วย พูดจาดี กับเรากับพี่นี่จะชักสีหน้าไม่พอใจทันทีเวลาเราพูดจาอะไรไม่เข้าหู หรือขอไปเที่ยวกับเพื่อน
แค่พูดเรื่องยืมรถคันใหม่ไปใช้ก็ชักสีหน้าแล้วค่ะ แล้วก็ด่าต่อว่า ทำไม งั้นเอาคืนไปเลย ไม่ใช้แล้ว
คืออะไร? แค่ยืมรถใช้? แล้วเราเป็นคนซื้อ เราผิดอะไร
ต่อมาเรามีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ เวลาของอะไรเสียอย่างพวกคอมพิวเตอร์ เราบอกแม่ขอยืมเงินซื้อก่อนได้มั้ย เดี๋ยวจะคืนเงินให้เพราะเงินเราไม่พอ
แม่เราไม่เคยให้ค่ะ ขออะไรก็ไม่ให้ จนเราเลิกขอไปนานมากตั้งแต่สมัยเรียนเลยค่ะ แต่ที่ลองขออันนี้เพราะมันไม่มีและมันจำเป็นจริงๆ แต่ก็ไม่ได้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเรามีแฟนมา 2-3 คน แม่เราไม่เคยรับรู้ค่ะ เล่าไปก็ไม่ฟัง ไม่สนใจ
มีครั้งนึงเจอกันตอนทำบุญปีใหม่ แม่เรายืนหันหลังให้ไม่คุย ไม่มองหน้า แฟนเก่าเราสวัสดี ยกมือไหว้แม่เราก็ไม่หันมา
เราชินค่ะ ไม่โกรธ ชินมากๆ แม่ไม่สนใจก็เรื่องของแม่ค่ะ
ล่าสุดเรากลับมาไทย แม่เรามีแฟนใหม่ แล้วเขาเกษียณแล้วด้วยเลยออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เราก็โอเคค่ะ
เห็นเขาจิ้มๆมือถือคุยกับเพื่อน เราซื้อไอแพดให้เพราะไม่อยากให้ใช้มือถือเล็กๆ ดูเขาจิ้มลำบาก เขาก็เอาไปอวดเพื่อนค่ะ
แล้วแม่เราเริ่มพูดถึงผู้ชายคนใหม่ เวลาพูดนี่กรี้ดกร้าด มีความสุข นั่งหัวเราะนั่งยิ้ม ชอบตะโกนเล่าให้เราฟัง
ถามว่าเราฟังมั้ยคะ เราฟังค่ะแต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
กับแฟนใหม่แม่ก็ดีค่ะ ต่างกับเวลาอยู่กับลูกหน้ามือหลังมือ กับลูกนี่ชักสีหน้าหงุดหงิด
เวลาเตือนแม่ให้ขับรถดีๆ ใจเย็นๆๆ อย่าปาดอย่าขับบนไหล่ทาง แม่ด่าค่ะ แม่ไม่ฟัง มีหนนึงเร่งเครื่องจนเกือบไปชนกับคันข้างหน้า
แต่ผู้ชายบอกให้แม่กินนู่นนี่ ออกกำลังกาย บอกให้ไปคาราโอเกะ แม่ทำค่ะ
เราพยายามเข้าหาแม่นะคะ คุยเรื่องชีวิต เรื่องอนาคต สิ่งที่ได้กลับมาคือแม่นั่งจิ้มไลน์คุยกับผู้ชายคนนั้น
ไม่ได้ฟังเราค่ะ บางทีก็ตัดบทเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องผู้ชายคนนั้นแทน
ล่าสุดจะทำงาน ต้องใช้รถ ซึ่งเราคิดว่าจะไปส่งแม่ตอนเช้าที่ทำงานก่อนเพราะเขากลับไปทำงาน
ขากลับเราบอกแม่คงต้องกลับเอง เพราะเราเลิกค่ำหารถกลับยาก
เท่านั้นล่ะค่ะ แม่ด่าเป็นชุด ถามว่าคืออะไร ทำไมแม่ต้องเป็นคนนั่งแท็กซี่ เอารถคืนไปเลยมั้ย เอาไปเลย
นี่ก็ไม่ได้อยากทำงานหรอกนะ แต่ค่าใช้จ่ายมันเยอะ ค่ารถก็ผ่อนไม่หมด บลาๆอีกมากมาย
เราขายรถคันเก่าก่อนไปตปท.เพื่อที่แม่จะได้เอาไปจ่ายค่ารถคันใหม่ให้หมด แต่แม่เราไม่ทำค่ะ เอาเงินเก็บไว้แล้วผ่อนต่อเอง
เราก็เออ ในเมื่อเขาจะทำแบบนั้นก็เรื่องของเขา แต่กลับกลายมาเป็นความผิดเราตอนนี้เพราะเราต้องเอารถไปใช้
เรากำลังจะแต่งงานกับแฟน เราไม่คิดจะจัดงานเลยค่ะ ไม่มีพิธีไหว้ผู้ใหญ่อะไรทั้งนั้น แค่ให้แฟนมาเจอแม่หนนึงพอ
แล้วจะทำเรื่องย้ายไปต่างประเทศไปอยู่นู่นถาวรเลย ไม่คิดจะกลับไทย
เราเล่าให้แฟนฟังทุกอย่าง โชคดีที่แฟนเข้าใจเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยที่ลูกต้องอยู่ในโอวาสพ่อแม่ไปจนตาย
ตอนเราไปอยู่บ้านแฟน แฟนทะเลาะกับแม่เขา แต่ถามว่าแม่เขาฟังเหตุผลแฟนมั้ย เขาฟังค่ะ เขาคุยกันดีๆก่อนจะจบด้วยการขอโทษ กอดกัน
หันมามองแม่ตัวเอง ถูกเสมอค่ะ ลูกผิดตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร
เคยโดนคนที่ทำงานแม่ถามด้วยค่ะ เป็นลูกสาวทำไมไม่อยู่ติดบ้าน ไม่ดูแลแม่ ไม่เหมือนพี่ชาย
คือพี่ชายเราไม่ทำงานค่ะ วันๆเล่นแต่เกม ไม่คิดเรื่องอนาคต อยู่บ้านช่วยงานแม่บางอย่าง ออกไปซื้อข้าวอะไรให้ ในขณะที่เราไปเรียนต่อ
เราไม่ได้ขอเกิดมาบนโลกนี้นะคะ ไม่เข้าใจทำไมตัวเองต้องโดนผูกกับค่านิยมที่บอกว่าต้องห้ามเถียง ต้องกตัญญู
ทำไมต้องทนกับคนประเภทยึดตัวเองเป็นหลัก ชั้นไม่พอใจ แกต้องฟัง ต้องทำตามชั้น
ว่างๆไม่มีทำอะไรก็เหวี่ยง อารมณ์เสียด่าลูก ด่าทุกอย่าง ด่ากระทั่งคนไม่รู้จักบนถนน
เราคิดมาตลอดตั้งแต่เด็กว่าโตไปเราจะไม่เป็นแบบแม่ เราเกลียดคนนิสัยแบบนี้ เราเกลียดคนที่ไม่ให้เกียรติลูกตัวเอง
ชอบด่า ชักสีหน้าใส่ลูกในที่สาธารณะ
เรามาโพสในนี้เพราะเราอยากระบายค่ะ ระบายในนี้มันง่ายกว่าระบายกับคนที่รู้จักในชีวิตจริง
คิดว่าคงไม่มีใครคิดแบบเราเท่าไหร่ แม่เราแก่เมื่อไหร่เราคงส่งเสียค่ะ จ้างคนมาดูแล แต่ถามว่าจะย้ายกลับมาไทยมั้ย
เราไม่ทำอะค่ะ อยากเริ่มชีวิตเริ่มครอบครัวของตัวเอง มีลูกเราก็จะไม่ปลูกฝังเขาว่า แกต้องกลับมาเลี้ยงฉันนะ แกต้องให้เงินฉันนะ
แกห้ามเถียงฉัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ถูกเสมอ
แล้วเราก็ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญค่ะ เราเชื่อว่ากรรมมันคือผลของการกระทำในชาตินี้ ไม่มีมีชาติหน้าหรือชาติก่อน
และที่แม่เรานิสัยแบบนี้ก็เพราะการเลี้ยงดูของตายาย การเติบโตขึ้นมาในยุคสมัยนั้นๆ
เราเกิดมาบนโลกใบนี้เพราะคนสองคนคิดว่าพร้อมที่จะมีลูก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบุญกรรมชาติก่อน
แค่นี้ล่ะค่ะ
ขอบคุณที่รับฟัง
เบื่อแม่ค่ะ อยากระบาย
เราโตแล้วค่ะ จะ 30 แล้ว พี่ชายเรา 30 กว่า
แม่หย่ากับพ่อตั้งแต่เด็ก เราไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดความอบอุ่น
เราเป็นคนง่ายๆ ให้ทำอะไรก็ทำค่ะ อยู่ในโอวาสแม่ตลอดในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นเสียคนไปเยอะ
พอแม่หย่า แม่ก็ติดต่อกับแฟนเก่าสมัยเรียนแล้วเขาก็กลับมาคบกัน
เราเกลียดแฟนแม่ค่ะ ชอบตี ชอบบิดเนื้อเวลาเขาคิดว่าเราทำอะไรผิด ชอบพูดจาแรงๆ
แต่แม่เราเฉย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทำไม คิดว่าแม่คงเหนื่อยกับการเลี้ยงดูเรากับพี่คนเดียวมั้งคะ
แฟนแม่ก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย พาไปเที่ยว พาไปกินอะไรดีๆ ซื้อของเล่นให้เวลาเราสอบได้คะแนนดี
แฟนแม่อยากมีลูกชายมาก เขาก็จะเอาเวลาไปทุ่มกับพี่ชายเรา พยายามเข็นให้พี่ชายเราเป็นแบบที่เขาต้องการ
แต่พี่เราไม่เป็นแบบนั้น เขาก็เริ่มตบหัว เตะพี่เราเวลาแม่ไม่อยู่ พอพี่เราบอกแม่ แม่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าบอกเขาว่าให้เลิกทำค่ะ
สรุปคือพี่เราไม่สบาย กลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจเพราะโดนว่าอยู่ตลอด เป็นคนอารมณ์รุนแรงต้องหาจิตแพทย์อยู่พักใหญ่
ส่วนเราก็ออกจากบ้านตั้งแต่จบม.ปลายเพราะสอบได้มหาวิทยาลัยไกลบ้าน แล้วคณะเราเรียนหนักเลยไม่ค่อยได้กลับบ้าน
ช่วงเราเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ๆแฟนแม่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยค่ะ ไม่มีใครชวน ย้ายเข้ามาเอง แม่ก็ไม่ไล่เพราะเห็นว่าเคยมีบุญคุณ ช่วยเหลือกัน
จนวันนึงแฟนแม่มาหาเราที่หอพัก แล้วลวนลามเรา เราโทรบอกแม่ทันที แม่ก็คุยกับเขาแล้วบอกให้เขาย้ายออก
เขาไม่ย้ายค่ะ อยู่ต่อมา 5-6 ปี เราไม่กลับบ้านเลยค่ะ
ปกติเราก็ไม่คุยกับแม่และพี่ชายเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าคุยไปก็เท่านั้น แม่ไม่เคยฟัง
ขนาดเหนื่อยเรียนมากๆอยากโทรไปขอกำลังใจ คำตอบที่ได้มาคือ แล้วยังไง?
เป็นครั้งแรกที่โทรหาและครั้งสุดท้ายค่ะ ในเมื่อกำลังใจไม่ได้จากแม่ เราก็ไม่ง้อ เราหาจากที่อื่นได้
แม่เคยบอกเราว่า แฟนแม่ว่าแม่เรื่องห่วงแต่พี่ชายเรา ไม่ห่วง ไม่ดูแลเรา
เราคิดว่าเราเฉยๆที่แม่เป็นแบบนั้นอะค่ะ ดีซะอีกไม่ต้องมายุ่งกับเรา เราโตมาแบบคิดเองตัดสินใจเองตลอด เพราะแม่กับแฟนแม่เอาเวลาไปลงที่พี่เราหมด
เราชอบซะด้วยซ้ำที่ไม่มีใครมาจ้ำจี้ แต่เราเรียนดีนะคะ ไม่เกเรียน เป็นเด็กกิจกรรมด้วย
เรียนจบเราทำงานทันที ได้งานที่บริษัทใหญ่ แม่เอาไปคุยกับคนที่ทำงาน เรียกง่ายๆว่าเอาไปอวด
เราอยู่บ้านได้แปบนึงก็หาเรื่องออกมาอยู่หอเอง แม่ด่าเราว่า เพราะเราไม่รู้จักวิธีอยู่ร่วมกับคนอื่น เราถึงมีปัญหาเสมอ
คืออยากถามว่าเพราะอะไร เราถึงต้องอยู่คนเดียว? ทำไมเราถึงไม่อยากกลับบ้าน? แม่ไม่รู้เลยรึไง?
แต่ถามไปก็โดนด่าค่ะ ไม่รู้จะถามหาอะไร
ทำงานไปได้ซักพักเราซื้อรถให้แม่ค่ะ เพราะคันเก่ามันเก่ามากแล้ว เราเป็นห่วงเขา กลัวมันจะไปพังระหว่างทาง
ซื้อเสร็จเราผ่อน แล้วเอาคันเก่ามาใช้เอง ไม่มีปัญหาอะไรนอกจากบางทีเราจะเอาคันใหม่ไปใช้ แม่ก็ไม่ให้ค่ะ มีด่าด้วยว่าทำไม ขับคันเก่าไม่ได้รึไง
บวกกับแม่เราเป็นคนชอบชักสีหน้าค่ะ ไม่เคยไว้หน้าลูกต่อหน้าคนอื่น
แต่กับคนที่ทำงานแม่จะทำดีด้วย พูดจาดี กับเรากับพี่นี่จะชักสีหน้าไม่พอใจทันทีเวลาเราพูดจาอะไรไม่เข้าหู หรือขอไปเที่ยวกับเพื่อน
แค่พูดเรื่องยืมรถคันใหม่ไปใช้ก็ชักสีหน้าแล้วค่ะ แล้วก็ด่าต่อว่า ทำไม งั้นเอาคืนไปเลย ไม่ใช้แล้ว
คืออะไร? แค่ยืมรถใช้? แล้วเราเป็นคนซื้อ เราผิดอะไร
ต่อมาเรามีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ เวลาของอะไรเสียอย่างพวกคอมพิวเตอร์ เราบอกแม่ขอยืมเงินซื้อก่อนได้มั้ย เดี๋ยวจะคืนเงินให้เพราะเงินเราไม่พอ
แม่เราไม่เคยให้ค่ะ ขออะไรก็ไม่ให้ จนเราเลิกขอไปนานมากตั้งแต่สมัยเรียนเลยค่ะ แต่ที่ลองขออันนี้เพราะมันไม่มีและมันจำเป็นจริงๆ แต่ก็ไม่ได้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเรามีแฟนมา 2-3 คน แม่เราไม่เคยรับรู้ค่ะ เล่าไปก็ไม่ฟัง ไม่สนใจ
มีครั้งนึงเจอกันตอนทำบุญปีใหม่ แม่เรายืนหันหลังให้ไม่คุย ไม่มองหน้า แฟนเก่าเราสวัสดี ยกมือไหว้แม่เราก็ไม่หันมา
เราชินค่ะ ไม่โกรธ ชินมากๆ แม่ไม่สนใจก็เรื่องของแม่ค่ะ
ล่าสุดเรากลับมาไทย แม่เรามีแฟนใหม่ แล้วเขาเกษียณแล้วด้วยเลยออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เราก็โอเคค่ะ
เห็นเขาจิ้มๆมือถือคุยกับเพื่อน เราซื้อไอแพดให้เพราะไม่อยากให้ใช้มือถือเล็กๆ ดูเขาจิ้มลำบาก เขาก็เอาไปอวดเพื่อนค่ะ
แล้วแม่เราเริ่มพูดถึงผู้ชายคนใหม่ เวลาพูดนี่กรี้ดกร้าด มีความสุข นั่งหัวเราะนั่งยิ้ม ชอบตะโกนเล่าให้เราฟัง
ถามว่าเราฟังมั้ยคะ เราฟังค่ะแต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
กับแฟนใหม่แม่ก็ดีค่ะ ต่างกับเวลาอยู่กับลูกหน้ามือหลังมือ กับลูกนี่ชักสีหน้าหงุดหงิด
เวลาเตือนแม่ให้ขับรถดีๆ ใจเย็นๆๆ อย่าปาดอย่าขับบนไหล่ทาง แม่ด่าค่ะ แม่ไม่ฟัง มีหนนึงเร่งเครื่องจนเกือบไปชนกับคันข้างหน้า
แต่ผู้ชายบอกให้แม่กินนู่นนี่ ออกกำลังกาย บอกให้ไปคาราโอเกะ แม่ทำค่ะ
เราพยายามเข้าหาแม่นะคะ คุยเรื่องชีวิต เรื่องอนาคต สิ่งที่ได้กลับมาคือแม่นั่งจิ้มไลน์คุยกับผู้ชายคนนั้น
ไม่ได้ฟังเราค่ะ บางทีก็ตัดบทเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องผู้ชายคนนั้นแทน
ล่าสุดจะทำงาน ต้องใช้รถ ซึ่งเราคิดว่าจะไปส่งแม่ตอนเช้าที่ทำงานก่อนเพราะเขากลับไปทำงาน
ขากลับเราบอกแม่คงต้องกลับเอง เพราะเราเลิกค่ำหารถกลับยาก
เท่านั้นล่ะค่ะ แม่ด่าเป็นชุด ถามว่าคืออะไร ทำไมแม่ต้องเป็นคนนั่งแท็กซี่ เอารถคืนไปเลยมั้ย เอาไปเลย
นี่ก็ไม่ได้อยากทำงานหรอกนะ แต่ค่าใช้จ่ายมันเยอะ ค่ารถก็ผ่อนไม่หมด บลาๆอีกมากมาย
เราขายรถคันเก่าก่อนไปตปท.เพื่อที่แม่จะได้เอาไปจ่ายค่ารถคันใหม่ให้หมด แต่แม่เราไม่ทำค่ะ เอาเงินเก็บไว้แล้วผ่อนต่อเอง
เราก็เออ ในเมื่อเขาจะทำแบบนั้นก็เรื่องของเขา แต่กลับกลายมาเป็นความผิดเราตอนนี้เพราะเราต้องเอารถไปใช้
เรากำลังจะแต่งงานกับแฟน เราไม่คิดจะจัดงานเลยค่ะ ไม่มีพิธีไหว้ผู้ใหญ่อะไรทั้งนั้น แค่ให้แฟนมาเจอแม่หนนึงพอ
แล้วจะทำเรื่องย้ายไปต่างประเทศไปอยู่นู่นถาวรเลย ไม่คิดจะกลับไทย
เราเล่าให้แฟนฟังทุกอย่าง โชคดีที่แฟนเข้าใจเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยที่ลูกต้องอยู่ในโอวาสพ่อแม่ไปจนตาย
ตอนเราไปอยู่บ้านแฟน แฟนทะเลาะกับแม่เขา แต่ถามว่าแม่เขาฟังเหตุผลแฟนมั้ย เขาฟังค่ะ เขาคุยกันดีๆก่อนจะจบด้วยการขอโทษ กอดกัน
หันมามองแม่ตัวเอง ถูกเสมอค่ะ ลูกผิดตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร
เคยโดนคนที่ทำงานแม่ถามด้วยค่ะ เป็นลูกสาวทำไมไม่อยู่ติดบ้าน ไม่ดูแลแม่ ไม่เหมือนพี่ชาย
คือพี่ชายเราไม่ทำงานค่ะ วันๆเล่นแต่เกม ไม่คิดเรื่องอนาคต อยู่บ้านช่วยงานแม่บางอย่าง ออกไปซื้อข้าวอะไรให้ ในขณะที่เราไปเรียนต่อ
เราไม่ได้ขอเกิดมาบนโลกนี้นะคะ ไม่เข้าใจทำไมตัวเองต้องโดนผูกกับค่านิยมที่บอกว่าต้องห้ามเถียง ต้องกตัญญู
ทำไมต้องทนกับคนประเภทยึดตัวเองเป็นหลัก ชั้นไม่พอใจ แกต้องฟัง ต้องทำตามชั้น
ว่างๆไม่มีทำอะไรก็เหวี่ยง อารมณ์เสียด่าลูก ด่าทุกอย่าง ด่ากระทั่งคนไม่รู้จักบนถนน
เราคิดมาตลอดตั้งแต่เด็กว่าโตไปเราจะไม่เป็นแบบแม่ เราเกลียดคนนิสัยแบบนี้ เราเกลียดคนที่ไม่ให้เกียรติลูกตัวเอง
ชอบด่า ชักสีหน้าใส่ลูกในที่สาธารณะ
เรามาโพสในนี้เพราะเราอยากระบายค่ะ ระบายในนี้มันง่ายกว่าระบายกับคนที่รู้จักในชีวิตจริง
คิดว่าคงไม่มีใครคิดแบบเราเท่าไหร่ แม่เราแก่เมื่อไหร่เราคงส่งเสียค่ะ จ้างคนมาดูแล แต่ถามว่าจะย้ายกลับมาไทยมั้ย
เราไม่ทำอะค่ะ อยากเริ่มชีวิตเริ่มครอบครัวของตัวเอง มีลูกเราก็จะไม่ปลูกฝังเขาว่า แกต้องกลับมาเลี้ยงฉันนะ แกต้องให้เงินฉันนะ
แกห้ามเถียงฉัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ถูกเสมอ
แล้วเราก็ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญค่ะ เราเชื่อว่ากรรมมันคือผลของการกระทำในชาตินี้ ไม่มีมีชาติหน้าหรือชาติก่อน
และที่แม่เรานิสัยแบบนี้ก็เพราะการเลี้ยงดูของตายาย การเติบโตขึ้นมาในยุคสมัยนั้นๆ
เราเกิดมาบนโลกใบนี้เพราะคนสองคนคิดว่าพร้อมที่จะมีลูก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบุญกรรมชาติก่อน
แค่นี้ล่ะค่ะ
ขอบคุณที่รับฟัง