คำว่า จำ และ คิด

กระทู้คำถาม
มันเป็นคำที่มีส่วนเกี่ยวพัน กันรูปแบบของการเรียนรู้

ในอดีต ไม่ว่าจะเรียนอ่านตำราจากไหนก็ตาม เรามักจะจำเป็นหลัก ไม่ค่อยได้คิดว่า บทความ ข่าวสารนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่มักจะจำไว้ก่อน

การเรียนของเด็กในอดีตจึงขึ้นชื่อเรื่องการท่องจำ

ในรูปแบบหรือกระบวนการ ของการเรียนรู้ จุดเริ่มต้นน่าจะเกิดจากการ สังเกต แล้วจดจำ มาต่อยอดคือ คิด วิเคราะห์

เมื่อเรารับข่าวสาร บางคนก็เชื่อข่าวสารนั้นโดยทันที หรือ บางคนก็ยังคิด วิเคราะห์ก่อนว่า ข่าวจากแหล่งใด ใครเป็นคนให้ข่าว เขียนข่าว

รูปแบบการจำ มันคงเกิดขึ้นในสมัยอดีต ครูคือผู้คุมกฏ และไม่นำเสนอแนวคิดการตั้งคำถาม หรือข้อสงสัยให้เด็ก  พฤติกรรมของเด็กเล็กเลยติดนิสัยมาจนเคยชิน แม้จะเรียนในระดับอุดมศึกษาก็ตาม

ระบบแนวคิดที่ผู้นำเป็นผู้สั่งหรือผู้คุมกฏ นักเรียนหรือผู้ตามห้ามแย้งห้ามสงสัย คงถูกถ่ายทอดลงเป็นลำดับ ไม่เว้นแม้แต่ครูเองก็รับอิทธิพลนี้ไปด้วย

ขนาดที่ว่า ครูตีเด็ก ก็ยังใช้คำว่า หลาบจำ ทำไมไม่ใช้คำว่า หลาบคิด  
หลาบจำ ก็ได้แค่จำว่า ถ้าทำอย่างนี้ถือว่าผิด  ห้ามทำอีก  แต่ถ้าเกิดย้ำที่คำว่า หลาบคิด อย่างน้อย คนที่โดนทำโทษก็จะได้คิด ว่าอันไหนมันสมเหตุสมผลว่ามันเหมาะสมหรือมันไม่เหมาะสม  
แม้จะใช้คำว่าหลาบจำ คนก็ได้แค่จำว่า ถ้าทำแบบเดิมอีกก็ต้องโดนทำโทษแบบเดิม  โดยไม่คิดว่า การทำโทษแบบเดิมมันเหมาะสมหรือไม่ และมันเหมาะแค่ไหนกับความผิดที่ได้ทำลงไป


มิติในการเรียนรู้ ของเด็กไทยในปัจจุบัน เปิดกว้างมากขึ้น แม้แต่ตัวผู้ใหญ่เองก็รับรู้มิติแห่งการเรียนรู้เช่นว่านี้เช่นกัน

การเรียนรู้ที่มีการตั้งข้อซักถามที่สมเหตุสมผล เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการคิดมีการพัฒนาต่อยอดไม่หยุดกับคำที่ กับคำที่มักเจอเสมอในห้องเรียน ห้ามถาม ถามแล้วไรประโยชน์อะไร ถามมาก(มากเรื่องมากความ)  เรียนที่ในหนังสือเรียนสอนก็พอ ฯลฯ

อนาคตเด็กในวันนี้ ก็คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า การที่เด็กมีพัฒนาการด้านความคิด วิเคราะห์ที่สมเหตุสมผล ไม่รับเอาแต่ข้อมูลมาอัดสมอง แล้วคายออกมาเป็นบทอาขยาน แทนที่จะเป็นการให้เหตุผลเชิงวิเคราะห์ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลากรมีคุณภาพมากกว่า


                               แม้แต่ไอสไตน์ เองก็ยังให้การตั้งคำถามคือหัวใจของการเรียนรู้ เพราะมีคำถาม มันจึงมีคำตอบ จะถูกบ้างไม่ถูกบ้าง มันก็ทำให้คนได้คิด ได้ค้นคว้าหาคำตอบที่แท้จริงของมัน

                      สิ่งสำคัญอย่างยิ่งก็คือ อย่าได้หยุดตั้งคำถาม ความกระหายใฝ่เรียนรู้นั้นมีเหตุผลในตัวมันเองที่จะต้องดำรงอยู่ ช่วยไม่ได้เลยที่เราจะรู้สึกครั่นคร้ามเมื่อได้ครุ่นคิดถึงความลึกลับแห่งนิจนิรันดร์ชีวิต และลักษณะอันน่าพิศวงของสัจจะ แค่เพียงได้คิดคำนึงถึงความลึกลับเหล่านี้วันละนิดก็เพียงพอแล้ว จงอย่าได้สูญเสียความกระหายใฝ่รู้อันศักดิ์สิทธิ์นี้
                                                          อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่