ขอแจกแจงรายละเอียดพอสังเขป ตอนพระราชกุมาร(พระพุทธเจ้า)ประสูตินั้น ที่มีดอกบัวรองรับ 7 ก้าว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลต่างๆที่มาจากหลายแหล่ง ที่ยกเอามาเสนอ
และขอเชิญทุกท่านช่วยชี้แนะเสริม เพื่อความถูกต้องของพระพุทธศาสนา และชนรุ่นหลัง
และที่ท่านยังไม่ทราบตามความเป็นจริง และมีข้อสงสัย
หากมีข้อผิดพลาดประการขอโทษด้วยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อทรงประสูติ จะมีสหชาติ สหชาติก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับพระพุทธเจ้า ในวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน
ปีเดียวกันมีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระพุทธองค์ ๗ สิ่ง ซึ่งเป็นทั้งบุคคลสัตว์ ต้นไม้หรือว่าสิ่งของ
แล้วดอกบัวในที่นี้คือ 7
สิ่งที่เกิดพร้อมพระราชกุมารเพื่อรองรับพระพุทธศาสนาก้าวให้เดินไปได้
7 ก้าวที่ดอกบัวรองรับพระราชกุมาร เรียกว่า 7 ทศชาติ มีดังนี้
1.ม้ากัณฑกะ
เป็นสหชาติ คือเกิดวันเดียวกับเจ้าชาย หนังสือปฐมสมโพธิบอกส่วนยาวของม้านี้ไว้ว่า
"ยาวตั้งแต่คอจดท้ายมีประมาณ ๑๘ ศอก" แต่ส่วนสูงกี่ศอก ไม่ได้บอกไว้ บอกแต่ว่า "โดยสูงก็สมควร
กับกายอันยาว" และแจ้งถึงลักษณะอย่างอื่นไว้ว่า "สีขาวบริสุทธิ์ดุจสังข์อันขัดใหม่ ศีรษะนั้นดำดุจสี
แห่งกา มีเกศาในมุขประเทศ (หน้า)ขาวผ่องดุจไส้หญ้าปล้องงามสะอาด กอปรด้วยพหลกำลังมาก
แลยืนประดิษฐานอยู่บนแท่นแก้วมณี"
2.นายฉันนะ
ผู้เป็นอำมาตย์และเป็นสารถี มีหน้าที่ขับรถม้าทรงของเจ้าชายสิทธัตถะ พาดำเนินไปในที่ต่างๆ นี่ก็เกิดวันเดือนปี
เดียวกับพระพุทธเจ้านายฉันนะ ผู้ที่เกิดมาในภพภูมินี้มีวรรณะต่ำกว่า แต่ก็มีความผูกข้องในแรงอธิฐานมาหลาย
ภพชาติ จึงได้มาเกิดเป็นสหชาติกับพระพุทธองค์ นายฉันนะผู้นี้เป็นผู้ที่รักพระพุทธเจ้ามาก ฉันนะจะมีบทบาทใน
การที่เป็นสารถีขับรถม้าทรงของเจ้าชายสิทธัตถะ พาพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะไปพบเห็น
เทวทูตทั้ง๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ซึ่งเทพยดานิรมิตให้ทอดพระเนตร ทำให้ทรงเกิดความเบื่อหน่าย
ในการที่จะต้องเสพสุขอย่างเดียว แต่ไม่เห็นหนทางในการพ้นทุกข์
3.พระกาฬุทายีเถระ หรือ พระกาฬุทายี
เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้าชาวแคว้นสักกะ เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในเวลาเดียวกัน) เป็นหนึ่งใน
พระอสีติมหาสาวกสำคัญในสมัยพุทธกาล พระกาฬุทายีเถระ เดิมเป็นมหาดเล็กในพระองค์พระเจ้าสุทโธทนศากยราช
ภายหลังออกบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมแล้วท่านเป็นพระสงฆ์ผู้นำสำคัญที่ทำให้เหล่าชาวเมืองกบิลพัสดุ์
เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พระพุทะเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะคือพระสงฆ์ผู้เลิศกว่าภิกษุ
อื่นในด้าน ผู้ยังสกุลที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ท่านมีบทบาทสำคัญในการช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธ
กาล ท่านดำรงอายุพอสมควรแก่กาลก็ดับขันธปรินิพพาน
4.ขุมทรัพย์ทั้งสี่
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ หรือนิธิกุมภี คือขุมทอง ๔ ขุม ได้แก่ ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี ขุมทองปุณฑริกนิธี
5.พระนางพิมพายโสธรา
พระนางยโสธรา (พระนางพิมพา หรือพระนางยโสธราพิมพา) ประสูติวันเดียวกันกับเจ้าชายสิทธัตถะ (พระโคตมพุทธเจ้า)
ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พระนางยโสธราเกิดความเศร้าโศกพระทัยยิ่งนัก ได้ทรงละเว้นการตกแต่งร่างกาย
ด้วยเครื่องประดับนานาประการ ทรงมีจิตผูกพัน และมีความรักอันลึกซึ้งต่อพระองค์ แม้วัฒนธรรมอินเดีย ในยุคนั้นจะถือ
ว่า หญิงไม่มีสามีจะถือว่าไม่มีเกียรติ และหญิงนั้นสามารถมีสามีใหม่ได้ แต่พระนางพิมพาก็ไม่สนใจชายอื่นเลย พระนาง
ยังคงเฝ้ารอพระสวามีของพระนางเพียงพระองค์เดียว จนกล่าวได้ว่า
"คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด พระนางก็เปลี่ยนชุดทรงมานุ่งห่มผ้าย้อมฝาดด้วย
คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรทมบนพื้นไม้ พระนางก็บรรทมบนพื้นไม้ได้วย
คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงอดพระกระยาหาร พระนางก็ทรงอดพระกระยาหารด้วย
ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าพระสวามีปฏิบัติตนอย่างไร พระนางพิมพาก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น"
6.ต้นศรีมหาโพธิ์
เป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นต้นไม้ที่ประทับและตรัสรู้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ดังปรากฏในคัมภี
ร์ทางพระพุทธศาสนาว่าต้นโพธิ์เปรียบได้กับพุทธอุเทสิกเจดีย์อย่างหนึ่ง ทำให้พันธ์ต้นโพธิ์กลายเป็นพันธ์ไม้ที่เป็นที่เคารพ
นับถือของชาวพุทธเสมอมานับแต่สมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ในพระพุทธประวัติสองต้นคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา
สถานที่ตรัสรู้ และ ต้นอานันทโพธิ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งอานันทโพธิ์ยังคงยืนต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยคำว่า "ต้นพระ
ศรีมหาโพธิ์" นั้น อาจหมายถึงต้นที่อยู่ที่พุทธคยา ต้นโพธิ์ที่สืบมาจากหน่อโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา หรือต้นโพธิ์ที่เป็นอุเทสิกเจดีย์
อื่น ๆ ก็ได้ เช่น ต้นโพธิ์ตามวัดต่าง ๆ
ในปัจจุบันต้นพระศรีโพธิ์สำคัญที่ยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบันมี 3 ต้นด้วยกัน คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา, ต้นพระ
ศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธปุระ, และต้นอานันทโพธิ์วัดพระเชตวันมหาวิหาร แต่ต้นโพธิ์พระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ ที่นำหน่อ
พันธ์มาจากพุทธคยา ได้รับการเคารพนับถือและปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงมาตลอดตั้งแต่สองพันปีโดยไม่ขาดช่วง
มีการทำกำแพงทองคำและมีชาวพุทธผู้ศรัทธามาทำการสักการะตลอดเวลา ซึ่งต่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาที่ถูก
ทำลายและล้มลงตามธรรมชาติหลายครั้ง และต้นอานันทโพธิ์ที่วัดเชตวันที่ขาดช่วงการดูแลจากชาวพุทธหลังจากพระพุทธ
ศาสนาเสื่อมไปจากอินเดีย
7.พระอานนท์
เป็นสหชาติและพุทธอุปัฏฐากของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าพระสาวกอื่น
ถึง 5 ประการ และเป็นพหูสูต เนื่องจากเป็นผู้ทรงจำพระสูตรที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ และเป็นผู้ที่สาธยาย
พระสูตร จนทำให้ปฐมสังคายนาสำเร็จเรียบร้อย
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C
รายละเอียดและคุณอนันต์ของพระสาวกพระอานนท์ อื่นๆอีกมากมายในพระไตรปิฏก
ชมตั้งแต่ตันหรือช่วงนาทีที่ ประมาณ 7.10
ขอแจกแจง พระกุมารประสูติ เดินได้ 7 ก้าว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลต่างๆที่มาจากหลายแหล่ง ที่ยกเอามาเสนอ
และขอเชิญทุกท่านช่วยชี้แนะเสริม เพื่อความถูกต้องของพระพุทธศาสนา และชนรุ่นหลัง
และที่ท่านยังไม่ทราบตามความเป็นจริง และมีข้อสงสัย
หากมีข้อผิดพลาดประการขอโทษด้วยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อทรงประสูติ จะมีสหชาติ สหชาติก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับพระพุทธเจ้า ในวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน
ปีเดียวกันมีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระพุทธองค์ ๗ สิ่ง ซึ่งเป็นทั้งบุคคลสัตว์ ต้นไม้หรือว่าสิ่งของ
แล้วดอกบัวในที่นี้คือ 7 สิ่งที่เกิดพร้อมพระราชกุมารเพื่อรองรับพระพุทธศาสนาก้าวให้เดินไปได้
7 ก้าวที่ดอกบัวรองรับพระราชกุมาร เรียกว่า 7 ทศชาติ มีดังนี้
1.ม้ากัณฑกะ
เป็นสหชาติ คือเกิดวันเดียวกับเจ้าชาย หนังสือปฐมสมโพธิบอกส่วนยาวของม้านี้ไว้ว่า
"ยาวตั้งแต่คอจดท้ายมีประมาณ ๑๘ ศอก" แต่ส่วนสูงกี่ศอก ไม่ได้บอกไว้ บอกแต่ว่า "โดยสูงก็สมควร
กับกายอันยาว" และแจ้งถึงลักษณะอย่างอื่นไว้ว่า "สีขาวบริสุทธิ์ดุจสังข์อันขัดใหม่ ศีรษะนั้นดำดุจสี
แห่งกา มีเกศาในมุขประเทศ (หน้า)ขาวผ่องดุจไส้หญ้าปล้องงามสะอาด กอปรด้วยพหลกำลังมาก
แลยืนประดิษฐานอยู่บนแท่นแก้วมณี"
2.นายฉันนะ
ผู้เป็นอำมาตย์และเป็นสารถี มีหน้าที่ขับรถม้าทรงของเจ้าชายสิทธัตถะ พาดำเนินไปในที่ต่างๆ นี่ก็เกิดวันเดือนปี
เดียวกับพระพุทธเจ้านายฉันนะ ผู้ที่เกิดมาในภพภูมินี้มีวรรณะต่ำกว่า แต่ก็มีความผูกข้องในแรงอธิฐานมาหลาย
ภพชาติ จึงได้มาเกิดเป็นสหชาติกับพระพุทธองค์ นายฉันนะผู้นี้เป็นผู้ที่รักพระพุทธเจ้ามาก ฉันนะจะมีบทบาทใน
การที่เป็นสารถีขับรถม้าทรงของเจ้าชายสิทธัตถะ พาพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะไปพบเห็น
เทวทูตทั้ง๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ซึ่งเทพยดานิรมิตให้ทอดพระเนตร ทำให้ทรงเกิดความเบื่อหน่าย
ในการที่จะต้องเสพสุขอย่างเดียว แต่ไม่เห็นหนทางในการพ้นทุกข์
3.พระกาฬุทายีเถระ หรือ พระกาฬุทายี
เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้าชาวแคว้นสักกะ เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในเวลาเดียวกัน) เป็นหนึ่งใน
พระอสีติมหาสาวกสำคัญในสมัยพุทธกาล พระกาฬุทายีเถระ เดิมเป็นมหาดเล็กในพระองค์พระเจ้าสุทโธทนศากยราช
ภายหลังออกบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมแล้วท่านเป็นพระสงฆ์ผู้นำสำคัญที่ทำให้เหล่าชาวเมืองกบิลพัสดุ์
เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พระพุทะเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะคือพระสงฆ์ผู้เลิศกว่าภิกษุ
อื่นในด้าน ผู้ยังสกุลที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ท่านมีบทบาทสำคัญในการช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธ
กาล ท่านดำรงอายุพอสมควรแก่กาลก็ดับขันธปรินิพพาน
4.ขุมทรัพย์ทั้งสี่
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ หรือนิธิกุมภี คือขุมทอง ๔ ขุม ได้แก่ ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี ขุมทองปุณฑริกนิธี
5.พระนางพิมพายโสธรา
พระนางยโสธรา (พระนางพิมพา หรือพระนางยโสธราพิมพา) ประสูติวันเดียวกันกับเจ้าชายสิทธัตถะ (พระโคตมพุทธเจ้า)
ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พระนางยโสธราเกิดความเศร้าโศกพระทัยยิ่งนัก ได้ทรงละเว้นการตกแต่งร่างกาย
ด้วยเครื่องประดับนานาประการ ทรงมีจิตผูกพัน และมีความรักอันลึกซึ้งต่อพระองค์ แม้วัฒนธรรมอินเดีย ในยุคนั้นจะถือ
ว่า หญิงไม่มีสามีจะถือว่าไม่มีเกียรติ และหญิงนั้นสามารถมีสามีใหม่ได้ แต่พระนางพิมพาก็ไม่สนใจชายอื่นเลย พระนาง
ยังคงเฝ้ารอพระสวามีของพระนางเพียงพระองค์เดียว จนกล่าวได้ว่า
"คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด พระนางก็เปลี่ยนชุดทรงมานุ่งห่มผ้าย้อมฝาดด้วย
คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรทมบนพื้นไม้ พระนางก็บรรทมบนพื้นไม้ได้วย
คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงอดพระกระยาหาร พระนางก็ทรงอดพระกระยาหารด้วย
ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าพระสวามีปฏิบัติตนอย่างไร พระนางพิมพาก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น"
6.ต้นศรีมหาโพธิ์
เป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นต้นไม้ที่ประทับและตรัสรู้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ดังปรากฏในคัมภี
ร์ทางพระพุทธศาสนาว่าต้นโพธิ์เปรียบได้กับพุทธอุเทสิกเจดีย์อย่างหนึ่ง ทำให้พันธ์ต้นโพธิ์กลายเป็นพันธ์ไม้ที่เป็นที่เคารพ
นับถือของชาวพุทธเสมอมานับแต่สมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ในพระพุทธประวัติสองต้นคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา
สถานที่ตรัสรู้ และ ต้นอานันทโพธิ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งอานันทโพธิ์ยังคงยืนต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยคำว่า "ต้นพระ
ศรีมหาโพธิ์" นั้น อาจหมายถึงต้นที่อยู่ที่พุทธคยา ต้นโพธิ์ที่สืบมาจากหน่อโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา หรือต้นโพธิ์ที่เป็นอุเทสิกเจดีย์
อื่น ๆ ก็ได้ เช่น ต้นโพธิ์ตามวัดต่าง ๆ
ในปัจจุบันต้นพระศรีโพธิ์สำคัญที่ยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบันมี 3 ต้นด้วยกัน คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา, ต้นพระ
ศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธปุระ, และต้นอานันทโพธิ์วัดพระเชตวันมหาวิหาร แต่ต้นโพธิ์พระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ ที่นำหน่อ
พันธ์มาจากพุทธคยา ได้รับการเคารพนับถือและปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงมาตลอดตั้งแต่สองพันปีโดยไม่ขาดช่วง
มีการทำกำแพงทองคำและมีชาวพุทธผู้ศรัทธามาทำการสักการะตลอดเวลา ซึ่งต่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาที่ถูก
ทำลายและล้มลงตามธรรมชาติหลายครั้ง และต้นอานันทโพธิ์ที่วัดเชตวันที่ขาดช่วงการดูแลจากชาวพุทธหลังจากพระพุทธ
ศาสนาเสื่อมไปจากอินเดีย
7.พระอานนท์
เป็นสหชาติและพุทธอุปัฏฐากของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าพระสาวกอื่น
ถึง 5 ประการ และเป็นพหูสูต เนื่องจากเป็นผู้ทรงจำพระสูตรที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ และเป็นผู้ที่สาธยาย
พระสูตร จนทำให้ปฐมสังคายนาสำเร็จเรียบร้อย
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C
รายละเอียดและคุณอนันต์ของพระสาวกพระอานนท์ อื่นๆอีกมากมายในพระไตรปิฏก
ชมตั้งแต่ตันหรือช่วงนาทีที่ ประมาณ 7.10