[CR] Japan Check-in กิน นอน เที่ยว สุดเฟี้ยวกับ 45 สิ่ง ที่ทำได้จริงในญี่ปุ่น กับเงินทุน 45,000 บาท เฮ้ !!!!!

สวัสดีทุกท่านค่ะ นี่คือกระทู้แรกของเราในพันทิป !!!
เป็นกระทู้ที่เราอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ในการเดินทาง
เพราะเราเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
เราเริ่มเดินทางด้วยตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2011
เก็บสะสมประสบการณ์ต่างๆ มามากมาย
แต่ยังไม่เคยได้เผยแพร่และแบ่งปัน

จนกระทั่งเดินทางมาถึงทริปนี้
เป็นทริปที่เราประทับใจและใช้เวลาเดินทางนานที่สุด
จุดหมายปลายทาง คือ ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งตัวเราเองไปมาแล้วหลายครั้ง
ครั้งนี้จึงรับอาสาเป็นผู้นำทริป
เราใช้เวลา 14 วัน กับเงิน (คนละ) 45,000 บาท
เดินทางไป 3 ภูมิภาค คือ ชูบุ คันโต และคันไซ
พร้อมกับผู้ร่วมทางอีก 6 คน (รวมเราเป็น 7 คน)
ตลอดการเดินทางเราพักโรงแรมในระดับดี
ได้กินอาหารและขนมที่อยากกิน (ไม่อดอยาก)

เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนาน
เราจึงสรุปออกมาเป็น 45 สิ่งที่เราทำในญี่ปุ่น (จริงๆ มีอีกเยอะ)
ทั้งการเดินทาง ท่องเที่ยว ที่พัก อาหารการกิน
เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและติดตาม (จะมีคนติดตามมั้ยนะ อิอิ)
ใครสนใจ หรืออยากสอบถามตรงส่วนไหน
สามารถหลังไมค์มาได้เลยค่ะ

ขอย้ำว่าเราแค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ในการเดินทางเท่านั้น
แต่ละคนต่างมีวิถีและรูปแบบในการวางแผนท่องเที่ยวต่างกัน
บางคนใช้เงินมาก บางคนใช้เงินน้อย
บางคนเที่ยวแบบจัดเต็ม เที่ยวทุกที่ ถ่ายรูปให้เยอะเข้าไว้
บางคนชอบเที่ยวแบบเรื่อยเปื่อย เหนื่อยเมื่อไหร่ก็พัก
ใช้เวลาซึมซับแต่ละสถานที่ให้นานๆ ไม่ต้องสนใจใคร
ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเที่ยวแบบไหนก็ตาม.....
อยากให้ทุกคนสนุกกับการเดินทาง และมีแรงบันดาลใจที่จะออกเดินทาง
เพื่อไปสัมผัสโลกใบใหม่ ที่จะทำให้ชีวิตคุณมีสีสันมากกว่าที่เป็นอยู่
ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มที่ข้อ 1 กันเล้ยยยยย !!!!!

1.นั่งรถบัสข้ามเมือง 4 ครั้ง
(นาโกย่า-โตเกียว, โตเกียว-นาโกย่า, นาโกย่า-เกียวโต, โอซาก้า-นาโกย่า)
.....จริงๆ แล้วการนั่งรถบัสข้ามเมือง ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการเดินทางในญี่ปุ่น
โดยเฉพาะการเดินทางข้ามภูมิภาค เพราะนอกจากจะได้รับความสะดวกสบายแล้ว
ราคายังไม่สูงมากด้วย (ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท)
ขึ้นอยู่กับเส้นทาง รูปแบบ และประเภทของรถ ถ้าเดินทางระยะไกลในตอนกลางคืน
ก็สามารถนอนบนรถได้เลย (ประหยัดค่าที่พักได้ด้วย)

การเดินทางในทริปนี้ เราใช้บริการรถบัสหลายประเภทมาก แต่ที่ประทับใจที่สุด
คือ รถบัสของ JR เพราะเป็นรถบัสที่มีความทันสมัย เบาะปรับเอนนอนได้เยอะ
มีข่องเก็บของหน้าที่นั่ง มีไม้แขวนเสื้อ และตะขอแขวนสัมภาระอยู่ข้างเบาะ
ที่เริ่ดที่สุด คือ มีปลั๊กไฟ และ Free wifi บนรถ ที่ใช้ได้ตลอดการเดินทาง คือดี !!!!!
ตลอดการเดินทางรถบัสจะหยุดพัก 2-3 ครั้ง ดังนั้นมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้เลย



2.ใส่ชุดยูกาตะ นอนโรงแรมแบบเรียวกัง
.....ชุดยูกาตะ (Yukata) เป็นชุดกิโมโนประเภทหนึ่งทำด้วยผ้าฝ้ายสำหรับใส่ในฤดูร้อน
มีราคาถูก สามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย จึงทำให้ผู้คนทุกวัยนิยมใส่ชุดยูกาตะ
และตามโรงแรมต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือเรียวกัง (Ryokan)
มักจะมีชุดยูกาตะไว้ให้นักท่องเที่ยวสวมใส่เมื่อเข้าพัก ถือเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่ง
และพวกเราเองก็ได้มีโอกาสใส่ชุดยูกาตะกันด้วย คือดี !!!!!



3.กินซีฟู้ดแบบปิ้งย่างในย่านอุเอโนะ
.....มาถึงโตเกียววันแรก เราพักอยู่ในย่านอุเอโนะ เดินดูแถวๆ ที่พัก
พบว่ามีร้านปิ้งย่างที่น่าสนใจอยู่ร้านนึง (จำชื่อไม่ได้ละ) เห็นว่าคนเยอะ
เลยคิดว่าต้องอร่อยแน่ๆ ตัดสินใจนั่งรอคิว 5 นาที ก็ได้เข้าไปด้านใน
โอ้ว แม่เจ้า !!! คนไทยอยู่ด้านในหลายโต๊ะเชียว เค้าว่ากันว่าตามมาจากพันทิป
มื้อนี้เราจัดหนักกับอาหารทะเล ที่ขอบอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง
ของสด รสชาติดี หอมหวานมาก โดยเฉพาะหอยและปู คือดี !!!!!



4.ขึ้นรถไฟไปฮาโกเนะ
.....มาญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องไปดูภูเขาไฟฟูจิกันซักหน่อย
อันที่จริงจากโตเกียว เราสามารถเลือกไปดูภูเขาไฟฟูจิได้หลายเส้นทาง
แต่จุดหมายปลายทางที่เราเลือก คือ ฮาโกเนะ
เพราะซื้อ Hakone Free Pass บัตรเดียว เที่ยวได้คุ้มสุดๆ คือดี !!!!!
ได้ตั๋วรถไฟไปกลับ ได้นั่งรถราง กระเช้า ล่องเรือ และรถบัสฟรี
จากสถานีชินจูกุ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงสถานี Hakone Yumoto แล้ว



5.นั่งกระเช้าชมภูเขาไฟฟูจิ
.....มาถึงสถานี Hakone Yumoto แล้ว เราก็เปลี่ยนมานั่งรถราง
เพื่อเดินทางขึ้นเขา และนั่งกระเช้าไปชมภูเขาไฟฟูจิ ตื่นเต้นสุดๆ
น่าเสียดายที่เมฆเยอะไปหน่อย วันนี้ก็เลยมองไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิ
แต่วิวภูเขาด้านล่างก็ทำให้ประทับใจ และมีความสุขได้เหมือนกันนะ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ และเป็นเรื่องราวดีๆ ละกันเนอะ



6.กินไข่ดำที่หุบเขากำมะถันโอวาคุดานิ
.....ระหว่างนั่งกระเช้า จะมีจุดพักระหว่างทางที่เรียกว่า Owakudani
หรือ "หุบเขานรก" โอวาคุดานิตั้งอยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟโบราณ
ที่ชื่อว่าฮาโกเนะ แม้จะไม่มีการระเบิดอีกแล้ว แต่ใต้พื้นผิวของภูเขาไฟ
ยังมีความร้อนอยู่ ทำให้น้ำที่อยู่ข้างใต้พวยพุ่งหรือระเหย
กลายเป็นไอน้ำออกมาข้างบนตลอดเวลา และที่นี่ยังมีแร่กำมะถันอยู่มาก
ทำให้ไอน้ำที่พวยพุ่งออกมานั้นมีกลิ่นกำมะถันปนอยู่ด้วย

ถึงแม้กลิ่นกำมะถันจะค่อนข้างแรง แต่ก็มีประโยชน์มากทีเดียว
แอบรู้มาว่ามีการต่อท่อส่งน้ำจากบ่อต่างๆ ออกไปตามออนเซน
ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ นั้นอยู่หลายที่ เพื่อให้ลูกค้าใช้สำหรับแช่ตัว
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และรักษาโรคภัยต่างๆ
และไฮไลท์สุดๆ ของที่นี่ก็คือ "ไข่ดำ"
ที่เกิดจากการนำไข่ดิบมาต้มในบ่อน้ำร้อนที่อยู่บนเขา
เมื่อสุกแล้วเปลือกไข่จะมีสีดำ แต่ตัวไข่ยังคงเป็นสีขาวเหมือนเดิม
ว่ากันว่าถ้ากินไข่ดำไป 1 ฟอ จะทำให้อายุยืนไปอีก 7 ปีเลยนะ
อย่ารอช้า !!!!! จัดกันไปคนละฟองเลยจ้า



7.ล่องเรือโจรสลัดในทะเลสาบอะชิ
.....หลังจากกินไข่ดำแล้ว เราต้องนั่งกระเช้าต่อ เพื่อมายังสถานีปลายทาง
และล่องเรือโจรสลัดในทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
จะว่าไปเรือโจรสลัดนี้ถูกตกแต่ง สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยว
มีทั้งเรือโจรสลัด และเรือรบแบบต่างๆ แถมยังมีชั้นดาดฟ้า
เป็นจุดชมวิว สำหรับถ่ายรูปสวยๆ  ถ้าวันไหนฟ้าใส อากาศดี
เราก็จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย แต่เราไม่เห็น อิอิ เน้นถ่ายรูปแทนละกัน



8.ดูโคมแดงใหญ่ที่วัดเซนโจจิ อาซาคุสะ
.....วัดเซนโจจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซาคุสะ เป็นวัดพุทธในย่านอาซาคุสะ
ถือเป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว
ทางเข้าวัดจะมีประตูและโคมสีแดงขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนต้องมาเยือน
บริเวณรอบๆ วัดจะเต็มไปด้วยร้านค้าเล็กๆ ที่ขายขนม เครื่องราง และของที่ระลึก
ละลานตามหาศาล กว่าจะฝ่าร้านค้าเข้าไปถึงวัด ใครที่ใจไม่แข็ง
อาจจะต้องเทกระเป๋ากันตั้งแต่หน้าวัดเลยทีเดียว



9.ถ่ายรูปกับ Tokyo Skytree
.....ออกจากวัดเซนโจจิ หันมาทางซ้ายมือจะเจอสะพานสีแดง Azumabashi
ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสุมิดะ จากจุดนี้เราจะมองเห็นตึกเบียร์ Asahi
หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า "ตึกอุนจิ" และจะมองเห็น Tokyo Skytree ด้วย
สำหรับ Tokyo Skytree นั้น ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในตอนนี้ของญี่ปุ่น
และกลายเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย คือดี !!!!!


โปรดติดตามต่อไปนะคะ