เรื่องเก่าเล่าใหม่...
จากความเป็นจริงในปัจจุบัน ผู้คนส่วนนึงเกิดภาวะความเครียดสูงมาก จะเริ่มมีอาการอื่นแทรกซ้อนตามมา
เช่น กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกแลัวหลับต่อยาก เช้ามาอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ดีกรีอาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ และแล้วก็เข้าสู่ภาวะโรคซึมเศร้าแบบเต็มตัว
ท้องฟ้าที่เคยสดใส กลับมืดหม่นหมอง ไม่มีความสดใสร่าเริงเหลืออยู่
เพิ่มเติมข้อมูลจากเวปเพื่อนบ้าน
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000122753
9 พฤติกรรมบ่งบอกคุณกำลังเป็น“โรคซึมเศร้า”โดยไม่รู้ตัว!
สาเหตุการฆ่าตัวตายที่พบได้บ่อย และคนไม่ค่อยทราบกันคือ เรื่องของโรคซึมเศร้า เนื่องจากมีคนจำนวนมาก ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย ซึ่งหากป่วยแล้วปล่อยไว้นานๆ โดยไม่ได้รักษา ก็จะส่งผลให้คนไข้มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้” คุณหมออภิสมัยเกริ่นนำถึงภัยร้ายแรงของโรคซึมเศร้า
ต้นตอสำคัญมาจากพันธุกรรม!
อาการที่เด่นชัดของโรคซึมเศร้าคือ อาการหงุดหงิด ก้าวร้าว อารมณ์เศร้า ถ้าผู้ป่วยเป็นวัยรุ่น อาจจะมีอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว อยู่ๆ ก็อยากหงุดหงิด ซึ่งจุดนี้บางคนคิดว่าเมื่อไปเจอเรื่องราวมรสุมชีวิต เลยกลายเป็นโรคซึมเศร้า แต่จริงๆ ไม่ใช่ ปัจจุบันทางการแพทย์เราเชื่อว่า โรคซึมเศร้านี้ เมื่อคนเราเกิดมา ร่างกายก็มียีน (Gene) ติดตัวมาอยู่แล้ว ดังนั้นหากพ่อแม่เป็นโรคซึมเศร้า หรือปู่ ย่า ตา ยาย เป็นโรคซึมเศร้า คนๆ นั้นก็มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคู่แฝด ถ้าฝาแฝด คนใดคนหนึ่งเป็น แฝดอีกคนก็จะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 50% หรือมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า
ดังนั้นโรคซึมเศร้าจึงไม่ใช่ว่าชีวิตต้องเจอกับมรสุมอะไร คนไข้หลายคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มักจะบอกกับหมอว่า ชีวิตก็ดี งานก็ดี ลูกก็ดี แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ถึงเศร้าขึ้นมา คำตอบก็คือ ยีน ที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดนี่แหละ แต่ปัจจัยภายนอกก็มีผลเช่นกัน เพราะบางคนที่มียีนอยู่แล้ว ติดตัวมาแต่เกิด และเมื่อโตขึ้นก็ไปเจอมรสุมชีวิตอีก มันก็ยิ่งเป็นเหมือนการกระตุ้นให้อาการป่วยแสดงออกมา” จิตแพทย์แห่งโรงพยาบาลศรีธัญญาอธิบายถึงต้นตอของโรค
9 สัญญาณบอกเหตุโรคซึมเศร้า
1. อารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ก้าวร้าว
2. ขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง
3. สมาธิเสีย คือ ไม่ค่อยมีสมาธิเวลาทำสิ่งต่างๆ
4. รู้สึกอ่อนเพลีย
5. เชื่องช้า ทำอะไรก็เชื่องช้าไปหมด
6. รับประทานอาหารมากขึ้น หรือรับประทานน้อยลง
7. นอนมากขึ้น หรือนอนน้อยลง
8. ตำหนิตัวเอง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่พบได้มากในคนเป็นโรคซึมเศร้า
9. ฆ่าตัวตาย หากมีการพยายามฆ่าตัวตาย ก็ตั้งข้อสันนิษฐานได้เช่นกันว่า คนนั้นอาจเป็นโรคซึมเศร้า
ทั้งนี้อาการของโรคซึมเศร้า ต้องมี 5 ใน 9 อย่างนี้นาน 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก ประมาณ 5-7% ของประชากรเลยทีเดียว แต่โรคนี้ก็รักษาได้ง่ายมากรักษา 2 สัปดาห์ก็เห็นผลชัด ซึ่งบางคน 2 สัปดาห์ก็กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติแล้ว แต่หากไม่รักษาอาจจะชีวิตพัง เช่น หย่าร้างกับคู่ ต้องออกจากงาน หรือถึงขั้นฆ่าตัวตาย
การรักษาโรคซึมเศร้ามี 3 องค์ประกอบด้วยกัน อย่างแรกคือ ยา ที่จะช่วยปรับสารสื่อประสาทในสมองให้สมดุล แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือ องค์ประกอบที่ 2 นั่นคือ การทำจิตบำบัดให้คนไข้ เช่นคนไข้มีปัญหาที่การควบคุมอารมณ์ ก็แก้ที่การควบคุมอารมณ์
นอกจากนี้องค์ประกอบที่ 3 คือ เรื่องของสังคม ก็มีส่วนช่วยบำบัดฟื้นฟูมาก เช่น คนไข้ที่เมื่อมารักษากับแพทย์ กลับบ้านไปแล้วมีกิจกรรมทำ กลับไปเรียนหนังสือตามปกติ ไปทำงานมีเพื่อนฝูงตรงนี้จะยิ่งทำให้คนไข้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ไว เทียบกับคนที่กินยา แต่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร แม้จะกินยาเหมือนกันแต่ว่าผลในการบำบัดรักษาฟื้นฟูจะแตกต่างกัน คือ กลุ่มที่เก็บเนื้อเก็บตัว ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าไหร่
โรคซึมเศร้าจะมีเกณฑ์ว่ามักเริ่มเป็นตอนอายุ 25 ปี แล้วก็จะเป็นไประยะยาวเลย แม้จะรักษาแล้วก็ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เหมือนโรคเบาหวาน ความดัน ที่ต่อให้ไม่มีอาการแล้วก็ต้องทานยาควบคุมไม่ให้อาการกำเริบ แต่โรคนี้ก็มีข้อดีตรงที่ เมื่อเข้ารับการรักษาแล้ว สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เป็นคนเก่ง เรียนถึงปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสังคมได้หมด
ดังนั้นสำหรับการรักษา หากกินยาจนครบ หมอจะให้หยุดยา แต่ก็ยังต้องเฝ้าสังเกตอาการ เพราะมันอาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ เหมือนอย่างโรคมะเร็ง พอเราฆ่าเชื้อมะเร็งหมดไป เราก็ต้องเฝ้าดูอาการว่ามะเร็งมันจะกลับมาเป็นซ้ำหรือเปล่า โรคซึมเศร้าก็เป็นลักษณะนั้น ดังนั้นการรับมือกับโรคนี้คือ หมั่นสังเกตอาการที่บอกไป 9 อย่าง อย่าละเลยจนให้ถึงกับว่าคนๆ หนึ่งต้องออกจากงาน หย่าร้างกับสามี ตีลูกโดยไม่มีเหตุผล เพราะแม่ที่เป็นลูกซึมเศร้า เลี้ยงลูก ลูกก็มีปัญหา ฉะนั้นหากเจอสัญญาณอันตราย การเป็นโรคนี้แต่เนิ่นๆ อย่ารอจนเขามีความคิดฆ่าตัวตาย ควรรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาให้เร็วที่สุด
กระทู้ก่อนหน้า
โรคซึมเศร้า และการรักษา 2 ทางเลือกร่วมกัน ผมหายมาแล้ว
http://pantip.com/topic/32798336
9 สัญญาณบอกเหตุโรคซึมเศร้า และการรักษา 2 ทางเลือกร่วมกัน part 2
http://pantip.com/topic/32882933
อัพเดทเพิ่มเติม มี.ค.2558
ผมยังคงดื้อเหมือนเดิม เมื่ออาการดีได้ระดับนึงก็คิดว่าตัวเองจะเอาชนะได้ด้วยใจ หักดิบเลิกใช้ยาต้านเศร้า ( 3 ตัว )
แต่ยังคงใช้ยานอนหลับ ( 2 ตัว ) ตามที่หมอสั่ง เพราะผมมีภาวะการนอนผิดปกติ ตื่นกลางดึกแล้วหลับยาก หรืออาจไม่หลับเลยยันเช้า
แต่ร่างกายไม่ไหว ปวดหัวไมเกรนเล่นงานแทน
เพียงหยุดยาไป 1 วัน ผมเกิดอาการแพนิคขึ้นมาขณะอยู่ที่บ้าน หายใจหอบถี่ ปลายมือปลายเท้าชา มือเริ่มเก็ง น้ำตาไหลเอง
ผมแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยวิธีที่ห้องฉุกเฉินทำให้ผม ผมหาถุงกระดาษมาครอบปากจมูก เพื่อหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปต่อเนื่องเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันผมใช้แวเลี่ยมเม็ด 5 mg 2 เม็ดทานเพื่อลดอาการเกร็ง และให้ผ่อนคลาย เมื่อมีแนวโน้มดีขึ้น ( เกินครึ่งช.ม. )
ผมเอาแวเลี่ยมมากินอีก 5 mg 2 เม็ด คราวก่อน ผมถูกฉีดแวเลี่ยนครั้งละ 5 mg 4 ครั้ง ผลออกมาดีคิดว่าผ่านไปได้
วันรุ่งขึ้นอาการแพนิคก็มาเล่นงานผมอีก ผมก็มือจีบ เกร็ง น้ำตาไหล หายใจสั้น หอบ ถี่ เดินไม่ได้ ต้องคลานเอา หรือกระ

กระสน
หาถุงกระดาษมา ครอบสำเร็จ สักพักใหญ่ๆ ไปอ้วก รอบนี้เล่นผมหนักมาก
หลังจากอ้วกมาราธอน ผมทานแวเลี่ยม 5mg 2 เม็ด จนอาการดีขึ้น ( ทรมานมาก ) คราวนี้ผมถึงต้องใช้แวเลี่ยมอีก 2 เม็ด
และยาต้านเศร้า 3 ตัวอีกครั้ง แล้วผมรีบเลื่อนนัดหมอให้เร็วที่สุด
หลังจากพูดคุยกับหมอแล้ว หมอสรุปว่าเป็นไบโพล่าร์แบบ Mixed อารมณ์ผมมีทั้งไฮเปอร์แอคทีฟ และซึมผสมกัน
หมอขอให้แอดมิดนอนดูอาการ 2 คืน และหมอเอายานอนหลับออกหมด เปลี่ยนยาบางตัวออก
แทนด้วยยารักษาไบโพล่าร์ ไม่น่าเชื่อ ผมนอนหลับหลังจากทานยามื้อค่ำ นอนมาราธอน 12 ช.ม. โดยไม่ใช้ยานอนหลับ
เป็นอย่างนี้ 3 - 4 วัน และตอนนี้ผมก็ใช้ยาร่วมกันระหว่างต้านเศร้ากับรักษาไบโพล่าร์ สุขภาพโดยรวมดีขึ้นมา การนอนก็ราวๆ 8 ช.ม.
เกือบปกติละครับ โดยไม่ใช้ยานอนหลับ และหมอเริ่มลดยาลงครับ
หากสนใจเข้ากลุ่มไลน์"กลุ่มมหัศจรรย์แห่งชีวิต" ผมเป็นแอดมิน
เพื่อปรึกษา และเปิดพท.ให้พูดคุยระบายปัญหาต่างๆ และมีแต่คนในกลุ่มนี้ที่เข้าใจคุณ
เพราะเขาก็มาจากพันทิปเหมือนกัน หลายคนดีขึ้น หลายคนหายแล้ว
ไม่ใช่เพราะผม แต่เป็นที่ตัวเขากล้าเปิดใจก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม
ไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวตามสะดวก ไม่มีการบังคับ
อยู่กันสบายๆ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง มีทั้งวัยเรียน วัยทำงาน
สนใจแอดมาครับ
ไลน์ไอดีผม vic-2014
9 สัญญาณบอกเหตุโรคซึมเศร้า และไบโพล่าร์
จากความเป็นจริงในปัจจุบัน ผู้คนส่วนนึงเกิดภาวะความเครียดสูงมาก จะเริ่มมีอาการอื่นแทรกซ้อนตามมา
เช่น กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกแลัวหลับต่อยาก เช้ามาอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ดีกรีอาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ และแล้วก็เข้าสู่ภาวะโรคซึมเศร้าแบบเต็มตัว
ท้องฟ้าที่เคยสดใส กลับมืดหม่นหมอง ไม่มีความสดใสร่าเริงเหลืออยู่
เพิ่มเติมข้อมูลจากเวปเพื่อนบ้าน
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000122753
9 พฤติกรรมบ่งบอกคุณกำลังเป็น“โรคซึมเศร้า”โดยไม่รู้ตัว!
สาเหตุการฆ่าตัวตายที่พบได้บ่อย และคนไม่ค่อยทราบกันคือ เรื่องของโรคซึมเศร้า เนื่องจากมีคนจำนวนมาก ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย ซึ่งหากป่วยแล้วปล่อยไว้นานๆ โดยไม่ได้รักษา ก็จะส่งผลให้คนไข้มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้” คุณหมออภิสมัยเกริ่นนำถึงภัยร้ายแรงของโรคซึมเศร้า
ต้นตอสำคัญมาจากพันธุกรรม!
อาการที่เด่นชัดของโรคซึมเศร้าคือ อาการหงุดหงิด ก้าวร้าว อารมณ์เศร้า ถ้าผู้ป่วยเป็นวัยรุ่น อาจจะมีอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว อยู่ๆ ก็อยากหงุดหงิด ซึ่งจุดนี้บางคนคิดว่าเมื่อไปเจอเรื่องราวมรสุมชีวิต เลยกลายเป็นโรคซึมเศร้า แต่จริงๆ ไม่ใช่ ปัจจุบันทางการแพทย์เราเชื่อว่า โรคซึมเศร้านี้ เมื่อคนเราเกิดมา ร่างกายก็มียีน (Gene) ติดตัวมาอยู่แล้ว ดังนั้นหากพ่อแม่เป็นโรคซึมเศร้า หรือปู่ ย่า ตา ยาย เป็นโรคซึมเศร้า คนๆ นั้นก็มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคู่แฝด ถ้าฝาแฝด คนใดคนหนึ่งเป็น แฝดอีกคนก็จะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 50% หรือมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า
ดังนั้นโรคซึมเศร้าจึงไม่ใช่ว่าชีวิตต้องเจอกับมรสุมอะไร คนไข้หลายคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มักจะบอกกับหมอว่า ชีวิตก็ดี งานก็ดี ลูกก็ดี แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ถึงเศร้าขึ้นมา คำตอบก็คือ ยีน ที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดนี่แหละ แต่ปัจจัยภายนอกก็มีผลเช่นกัน เพราะบางคนที่มียีนอยู่แล้ว ติดตัวมาแต่เกิด และเมื่อโตขึ้นก็ไปเจอมรสุมชีวิตอีก มันก็ยิ่งเป็นเหมือนการกระตุ้นให้อาการป่วยแสดงออกมา” จิตแพทย์แห่งโรงพยาบาลศรีธัญญาอธิบายถึงต้นตอของโรค
9 สัญญาณบอกเหตุโรคซึมเศร้า
1. อารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ก้าวร้าว
2. ขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง
3. สมาธิเสีย คือ ไม่ค่อยมีสมาธิเวลาทำสิ่งต่างๆ
4. รู้สึกอ่อนเพลีย
5. เชื่องช้า ทำอะไรก็เชื่องช้าไปหมด
6. รับประทานอาหารมากขึ้น หรือรับประทานน้อยลง
7. นอนมากขึ้น หรือนอนน้อยลง
8. ตำหนิตัวเอง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่พบได้มากในคนเป็นโรคซึมเศร้า
9. ฆ่าตัวตาย หากมีการพยายามฆ่าตัวตาย ก็ตั้งข้อสันนิษฐานได้เช่นกันว่า คนนั้นอาจเป็นโรคซึมเศร้า
ทั้งนี้อาการของโรคซึมเศร้า ต้องมี 5 ใน 9 อย่างนี้นาน 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก ประมาณ 5-7% ของประชากรเลยทีเดียว แต่โรคนี้ก็รักษาได้ง่ายมากรักษา 2 สัปดาห์ก็เห็นผลชัด ซึ่งบางคน 2 สัปดาห์ก็กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติแล้ว แต่หากไม่รักษาอาจจะชีวิตพัง เช่น หย่าร้างกับคู่ ต้องออกจากงาน หรือถึงขั้นฆ่าตัวตาย
การรักษาโรคซึมเศร้ามี 3 องค์ประกอบด้วยกัน อย่างแรกคือ ยา ที่จะช่วยปรับสารสื่อประสาทในสมองให้สมดุล แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือ องค์ประกอบที่ 2 นั่นคือ การทำจิตบำบัดให้คนไข้ เช่นคนไข้มีปัญหาที่การควบคุมอารมณ์ ก็แก้ที่การควบคุมอารมณ์
นอกจากนี้องค์ประกอบที่ 3 คือ เรื่องของสังคม ก็มีส่วนช่วยบำบัดฟื้นฟูมาก เช่น คนไข้ที่เมื่อมารักษากับแพทย์ กลับบ้านไปแล้วมีกิจกรรมทำ กลับไปเรียนหนังสือตามปกติ ไปทำงานมีเพื่อนฝูงตรงนี้จะยิ่งทำให้คนไข้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ไว เทียบกับคนที่กินยา แต่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร แม้จะกินยาเหมือนกันแต่ว่าผลในการบำบัดรักษาฟื้นฟูจะแตกต่างกัน คือ กลุ่มที่เก็บเนื้อเก็บตัว ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าไหร่
โรคซึมเศร้าจะมีเกณฑ์ว่ามักเริ่มเป็นตอนอายุ 25 ปี แล้วก็จะเป็นไประยะยาวเลย แม้จะรักษาแล้วก็ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เหมือนโรคเบาหวาน ความดัน ที่ต่อให้ไม่มีอาการแล้วก็ต้องทานยาควบคุมไม่ให้อาการกำเริบ แต่โรคนี้ก็มีข้อดีตรงที่ เมื่อเข้ารับการรักษาแล้ว สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เป็นคนเก่ง เรียนถึงปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสังคมได้หมด
ดังนั้นสำหรับการรักษา หากกินยาจนครบ หมอจะให้หยุดยา แต่ก็ยังต้องเฝ้าสังเกตอาการ เพราะมันอาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ เหมือนอย่างโรคมะเร็ง พอเราฆ่าเชื้อมะเร็งหมดไป เราก็ต้องเฝ้าดูอาการว่ามะเร็งมันจะกลับมาเป็นซ้ำหรือเปล่า โรคซึมเศร้าก็เป็นลักษณะนั้น ดังนั้นการรับมือกับโรคนี้คือ หมั่นสังเกตอาการที่บอกไป 9 อย่าง อย่าละเลยจนให้ถึงกับว่าคนๆ หนึ่งต้องออกจากงาน หย่าร้างกับสามี ตีลูกโดยไม่มีเหตุผล เพราะแม่ที่เป็นลูกซึมเศร้า เลี้ยงลูก ลูกก็มีปัญหา ฉะนั้นหากเจอสัญญาณอันตราย การเป็นโรคนี้แต่เนิ่นๆ อย่ารอจนเขามีความคิดฆ่าตัวตาย ควรรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาให้เร็วที่สุด
กระทู้ก่อนหน้า
โรคซึมเศร้า และการรักษา 2 ทางเลือกร่วมกัน ผมหายมาแล้ว
http://pantip.com/topic/32798336
9 สัญญาณบอกเหตุโรคซึมเศร้า และการรักษา 2 ทางเลือกร่วมกัน part 2
http://pantip.com/topic/32882933
อัพเดทเพิ่มเติม มี.ค.2558
ผมยังคงดื้อเหมือนเดิม เมื่ออาการดีได้ระดับนึงก็คิดว่าตัวเองจะเอาชนะได้ด้วยใจ หักดิบเลิกใช้ยาต้านเศร้า ( 3 ตัว )
แต่ยังคงใช้ยานอนหลับ ( 2 ตัว ) ตามที่หมอสั่ง เพราะผมมีภาวะการนอนผิดปกติ ตื่นกลางดึกแล้วหลับยาก หรืออาจไม่หลับเลยยันเช้า
แต่ร่างกายไม่ไหว ปวดหัวไมเกรนเล่นงานแทน
เพียงหยุดยาไป 1 วัน ผมเกิดอาการแพนิคขึ้นมาขณะอยู่ที่บ้าน หายใจหอบถี่ ปลายมือปลายเท้าชา มือเริ่มเก็ง น้ำตาไหลเอง
ผมแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยวิธีที่ห้องฉุกเฉินทำให้ผม ผมหาถุงกระดาษมาครอบปากจมูก เพื่อหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปต่อเนื่องเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันผมใช้แวเลี่ยมเม็ด 5 mg 2 เม็ดทานเพื่อลดอาการเกร็ง และให้ผ่อนคลาย เมื่อมีแนวโน้มดีขึ้น ( เกินครึ่งช.ม. )
ผมเอาแวเลี่ยมมากินอีก 5 mg 2 เม็ด คราวก่อน ผมถูกฉีดแวเลี่ยนครั้งละ 5 mg 4 ครั้ง ผลออกมาดีคิดว่าผ่านไปได้
วันรุ่งขึ้นอาการแพนิคก็มาเล่นงานผมอีก ผมก็มือจีบ เกร็ง น้ำตาไหล หายใจสั้น หอบ ถี่ เดินไม่ได้ ต้องคลานเอา หรือกระ
หาถุงกระดาษมา ครอบสำเร็จ สักพักใหญ่ๆ ไปอ้วก รอบนี้เล่นผมหนักมาก
หลังจากอ้วกมาราธอน ผมทานแวเลี่ยม 5mg 2 เม็ด จนอาการดีขึ้น ( ทรมานมาก ) คราวนี้ผมถึงต้องใช้แวเลี่ยมอีก 2 เม็ด
และยาต้านเศร้า 3 ตัวอีกครั้ง แล้วผมรีบเลื่อนนัดหมอให้เร็วที่สุด
หลังจากพูดคุยกับหมอแล้ว หมอสรุปว่าเป็นไบโพล่าร์แบบ Mixed อารมณ์ผมมีทั้งไฮเปอร์แอคทีฟ และซึมผสมกัน
หมอขอให้แอดมิดนอนดูอาการ 2 คืน และหมอเอายานอนหลับออกหมด เปลี่ยนยาบางตัวออก
แทนด้วยยารักษาไบโพล่าร์ ไม่น่าเชื่อ ผมนอนหลับหลังจากทานยามื้อค่ำ นอนมาราธอน 12 ช.ม. โดยไม่ใช้ยานอนหลับ
เป็นอย่างนี้ 3 - 4 วัน และตอนนี้ผมก็ใช้ยาร่วมกันระหว่างต้านเศร้ากับรักษาไบโพล่าร์ สุขภาพโดยรวมดีขึ้นมา การนอนก็ราวๆ 8 ช.ม.
เกือบปกติละครับ โดยไม่ใช้ยานอนหลับ และหมอเริ่มลดยาลงครับ
หากสนใจเข้ากลุ่มไลน์"กลุ่มมหัศจรรย์แห่งชีวิต" ผมเป็นแอดมิน
เพื่อปรึกษา และเปิดพท.ให้พูดคุยระบายปัญหาต่างๆ และมีแต่คนในกลุ่มนี้ที่เข้าใจคุณ
เพราะเขาก็มาจากพันทิปเหมือนกัน หลายคนดีขึ้น หลายคนหายแล้ว
ไม่ใช่เพราะผม แต่เป็นที่ตัวเขากล้าเปิดใจก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม
ไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวตามสะดวก ไม่มีการบังคับ
อยู่กันสบายๆ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง มีทั้งวัยเรียน วัยทำงาน
สนใจแอดมาครับ
ไลน์ไอดีผม vic-2014