
ถ้าใครเคยดูหรือเคยอ่านเรื่องนี้ จะเข้าใจว่าตัวเรื่องสื่อถึงประเด็นการเหยียดผิวในอเมริกา
ถ้าจะให้เล่าให้ฟังคงยาว ดังนั้นผมขอยกข้อความมาจากคห.16 ในกระทู้นี้นะครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/E2449092/E2449092.html
To Kill a Mockingbird เป็นนวนิยายอเมริกันที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ โดยผู้เขียนเป็นชาวอเมริกันหญิงผิวขาวที่เขียนระลึกย้อนความเมื่อยังเด็กที่มีเรื่องเหยียดผิวในเมืองที่ตนอาศัย แล้วคุณพ่อของเธอ ซึ่งเป็นคนขาวรับว่าความให้ผู้ต้องหาที่เป็นคนผิวดำที่บริสุทธิ์แต่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนวัยรุ่นผิวขาว ยุคนั้นช่วงทศวรรษที่หกสิบ เป็นช่วงรอยต่อแห่งการปฏิวัติทางสังคมอเมริกัน ในเรื่องสิทธิเท่าเทียมกันของหลากผิวพันธุ์ คุณพ่อทนายความเป็นนักเสรีนิยม (Liberal) ก็สอนลูกให้ตระหนักถึงคุณค่าของมนุษย์ ในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยไม่เลือกผิวพรรณ หรือชาติกำเนิด ซึ่งผิดจากกลุ่มนักอนุรักษ์นิยม (conservative) สมัยนั้นที่เหยี่ยดผิวและถือว่าผิวขาวเป็นเอกเหนือกว่าชาติพันธุ์อื่น และการเหยียดผิวเป็นเรื่องชอบด้วยกฏหมาย ในสมัยนั้นข้อหาดังกล่าวร้ายแรงมากครับ ยิ่งผู้ต้องหาเป็นผิวดำ และผู้เสียหายเป็นคนผิวขาว เรื่องนี้จึงลุกลามไปมากกว่าคดีอาญาธรรมดา ทำให้เกิดความแตกแยกในชุมชนตามเรื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเสรีนิยม และอนุรักษ์นิยม ในเรื่องคุณพ่อทนายความ กล่าวว่า "ไม่ผิดที่จะยิงนก Blue Jay แต่เป็นบาปที่จะฆ่านก Mockingbird"
"Shoot all the blue jays you want, but it’s a sin to kill a Mockingbird"
ประโยคนี้เป็นการเปรียบเทียบว่า การลงโทษผู้บริสุทธิ์ (Mockingbird หรือ คนผิวดำคนนั้น) นั้นบาป ผิดจากการลงโทษผู้กระทำผิดจริง (Blue jay) ซึ่งไม่บาป
ซึ่งตามพฤติกรรมของนกสองชนิดก็เป็นอย่างนั้น ของนก Mockingbird แจงไปแล้ว แต่เจ้า Blue jay นี่ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าในวงศ์กา นกกลุ่มนี้ฉลาด และเป็นพวกฉวยโอกาส (opportunists) กินไม่เลือกครับ ตั้งแต่ผลไม้ เศษอาหาร หรือเนื้อสัตว์ และที่สำคัญที่คนอเมริกันมีความรู้สึกว่านกชนิดนี้ นิสัยไม่ดี ดุร้าย เพราะว่า พวกนี้ขโมยไข่ และลูกนกชนิดอื่นกินเป็นอาหารด้วยครับ ซึ่งถือว่าผิดจากบัญญัติสิบประการในศาสนาคริสต์ที่ยังนำสังคมและหยั่งรากลึกในรัฐทางใต้ โดยเฉพาะในสมัยนั้น
ทีนี้กลับมาที่ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อคือ การเปรียบเทียบประเด็นการยิงนกในเรื่องนี้นี่แหล่ะ คือแนวความคิดเดียวกับการเหยียดผิว
เพราะสิ่งที่ตัวเอกในเรื่องสอนลูกว่า "ไม่ผิดที่จะยิงนก Blue Jay แต่เป็นบาปที่จะฆ่านก Mockingbird"
เป็นการตัดสินถูกผิด โดยดูจากชนิดหรือสายพันธ์ของนก มากกว่าที่จะมองในเรื่องการกระทำในขณะนั้น
Mockingbird ถูกเสมอเพราะมันคือนกMockingbird ส่วนนกBlue JayผิดเสมอเพราะมันคือนกBlue Jay ดังนั้นจะยิงมันเท่าไหร่ก็ได้
จริงอยู่ที่ลักษณะนิสัยส่วนตัวของนกสองชนิดนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่การเหมารวมแบ่งแยกโดยอาศัยหลักเกณฑ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี
แนวความคิดนี้แหล่ะคือแนวความคิดของคนที่เหยียดผิวเขาคิดกัน
"ถ้าเป็นคนดำก็ผิดเสมอเพราะเขาเป็นคนดำ ต้องระวังอย่าไปเข้าใกล้ เดี๋ยวจะสร้างปัญหา"
จะเห็นได้ว่าไม่ต่างอะไรกับทรรศนคติที่คนมองต่อนก Blue Jay เลย
สรุปว่าวรรณกรรมระดับรางวัลพูลิตเซอร์ที่ชูประเด็นเรื่องการเหยียดผิว
กลับใช้ทรรศนะคติเหยียดแบบเดียวกันนี้มาสอนคน ดูๆไปก็แปลกดี
ความลักลั่นย้อนแย้งใน To Kill a Mockingbird
ถ้าใครเคยดูหรือเคยอ่านเรื่องนี้ จะเข้าใจว่าตัวเรื่องสื่อถึงประเด็นการเหยียดผิวในอเมริกา
ถ้าจะให้เล่าให้ฟังคงยาว ดังนั้นผมขอยกข้อความมาจากคห.16 ในกระทู้นี้นะครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/E2449092/E2449092.html
To Kill a Mockingbird เป็นนวนิยายอเมริกันที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ โดยผู้เขียนเป็นชาวอเมริกันหญิงผิวขาวที่เขียนระลึกย้อนความเมื่อยังเด็กที่มีเรื่องเหยียดผิวในเมืองที่ตนอาศัย แล้วคุณพ่อของเธอ ซึ่งเป็นคนขาวรับว่าความให้ผู้ต้องหาที่เป็นคนผิวดำที่บริสุทธิ์แต่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนวัยรุ่นผิวขาว ยุคนั้นช่วงทศวรรษที่หกสิบ เป็นช่วงรอยต่อแห่งการปฏิวัติทางสังคมอเมริกัน ในเรื่องสิทธิเท่าเทียมกันของหลากผิวพันธุ์ คุณพ่อทนายความเป็นนักเสรีนิยม (Liberal) ก็สอนลูกให้ตระหนักถึงคุณค่าของมนุษย์ ในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยไม่เลือกผิวพรรณ หรือชาติกำเนิด ซึ่งผิดจากกลุ่มนักอนุรักษ์นิยม (conservative) สมัยนั้นที่เหยี่ยดผิวและถือว่าผิวขาวเป็นเอกเหนือกว่าชาติพันธุ์อื่น และการเหยียดผิวเป็นเรื่องชอบด้วยกฏหมาย ในสมัยนั้นข้อหาดังกล่าวร้ายแรงมากครับ ยิ่งผู้ต้องหาเป็นผิวดำ และผู้เสียหายเป็นคนผิวขาว เรื่องนี้จึงลุกลามไปมากกว่าคดีอาญาธรรมดา ทำให้เกิดความแตกแยกในชุมชนตามเรื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเสรีนิยม และอนุรักษ์นิยม ในเรื่องคุณพ่อทนายความ กล่าวว่า "ไม่ผิดที่จะยิงนก Blue Jay แต่เป็นบาปที่จะฆ่านก Mockingbird"
"Shoot all the blue jays you want, but it’s a sin to kill a Mockingbird"
ประโยคนี้เป็นการเปรียบเทียบว่า การลงโทษผู้บริสุทธิ์ (Mockingbird หรือ คนผิวดำคนนั้น) นั้นบาป ผิดจากการลงโทษผู้กระทำผิดจริง (Blue jay) ซึ่งไม่บาป
ซึ่งตามพฤติกรรมของนกสองชนิดก็เป็นอย่างนั้น ของนก Mockingbird แจงไปแล้ว แต่เจ้า Blue jay นี่ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าในวงศ์กา นกกลุ่มนี้ฉลาด และเป็นพวกฉวยโอกาส (opportunists) กินไม่เลือกครับ ตั้งแต่ผลไม้ เศษอาหาร หรือเนื้อสัตว์ และที่สำคัญที่คนอเมริกันมีความรู้สึกว่านกชนิดนี้ นิสัยไม่ดี ดุร้าย เพราะว่า พวกนี้ขโมยไข่ และลูกนกชนิดอื่นกินเป็นอาหารด้วยครับ ซึ่งถือว่าผิดจากบัญญัติสิบประการในศาสนาคริสต์ที่ยังนำสังคมและหยั่งรากลึกในรัฐทางใต้ โดยเฉพาะในสมัยนั้น
ทีนี้กลับมาที่ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อคือ การเปรียบเทียบประเด็นการยิงนกในเรื่องนี้นี่แหล่ะ คือแนวความคิดเดียวกับการเหยียดผิว
เพราะสิ่งที่ตัวเอกในเรื่องสอนลูกว่า "ไม่ผิดที่จะยิงนก Blue Jay แต่เป็นบาปที่จะฆ่านก Mockingbird"
เป็นการตัดสินถูกผิด โดยดูจากชนิดหรือสายพันธ์ของนก มากกว่าที่จะมองในเรื่องการกระทำในขณะนั้น
Mockingbird ถูกเสมอเพราะมันคือนกMockingbird ส่วนนกBlue JayผิดเสมอเพราะมันคือนกBlue Jay ดังนั้นจะยิงมันเท่าไหร่ก็ได้
จริงอยู่ที่ลักษณะนิสัยส่วนตัวของนกสองชนิดนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่การเหมารวมแบ่งแยกโดยอาศัยหลักเกณฑ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี
แนวความคิดนี้แหล่ะคือแนวความคิดของคนที่เหยียดผิวเขาคิดกัน
"ถ้าเป็นคนดำก็ผิดเสมอเพราะเขาเป็นคนดำ ต้องระวังอย่าไปเข้าใกล้ เดี๋ยวจะสร้างปัญหา"
จะเห็นได้ว่าไม่ต่างอะไรกับทรรศนคติที่คนมองต่อนก Blue Jay เลย
สรุปว่าวรรณกรรมระดับรางวัลพูลิตเซอร์ที่ชูประเด็นเรื่องการเหยียดผิว
กลับใช้ทรรศนะคติเหยียดแบบเดียวกันนี้มาสอนคน ดูๆไปก็แปลกดี