เนื้อเรื่องย่อ : ท่ามกลางเมืองที่อาชญากรเป็นใหญ่ วิศวกรคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการสร้าง 'หุ่นยนต์' ที่สามารถนึกคิด-มีความรู้สึกได้
เหมือนมนุษย์ขึ้นมา จบ
- ด้านตัวละคร
อดคิดไม่ได้เลย ว่าผู้กำกับต้องเป็นแฟนหนัง Real Steel แน่ๆ เพราะว่าพี่แกเล่นยกทีมนักแสดงชุดใหญ่มาจากหนังเรื่องนั้นเลยก็ว่าได้
ในแง่มุมของตัวละครหลักอย่าง Chappie (Sharlto Copley) ต้องปรบมือดังๆให้กับทีมกราฟิก+ออกแบบจริงๆ ที่สามารถเสกชีวิตชีวาให้กับหุ่นยนต์หนึ่งตัวได้คล้ายคลึงกับมนุษย์จริงๆได้ขนาดนั้น (ถึงแม้gestures มันจะกุ๊ยๆก็เถอะ) รายละเอียดเล็กๆน้อยอย่างเช่นการปาดจมูก หรือล้วงกระเป๋า สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวละครสมมติอย่างแชปปี้ มี'น้ำหนัก' พอที่จะเป็นแกนเรื่องได้อย่างดี
ในด้านของวายร้าย(?)อย่าง Vincent Moore (Hugh Jackman) รายนี้ก็มีประสบการณ์การเล่นหนังหุ่นยนต์มาก่อน ซึ่งในความคิดแรกแอบคิดว่าพ่อฮิวจ์จะมาแย่งซีนพระเอกหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้กลับรับบทตัวร้ายได้ร้ายจริงๆ แถมมีสีสันเกินคาด (คิดถึงยุค The Prestige) ถึงแม้บทในเรื่องจะไม่เยอะมากก็ตาม
ป.ล.มีตัวละครรองอีกตัวที่ผู้เขียนค่อนข้างชอบมาก คือ Ninja ซึ่งใครจะไปรู้ว่าชื่อจริงๆที่คนเขาเรียกหมอนี่ ก็คือ Ninja นี่แหละ! หมอนี้หน้าตาคล้ายๆกับเจ้าของสนามประลองใต้ดินใน Real Steel ด้วย (ไม่แน่ในว่าคนเดียวกันรึเปล่า)
- ด้านการดำเนินเรื่อง
ต้องขอสารภาพเลยว่า แรกเริ่มเดิมทีผู้เขียนไม่ได้คาดหวังในพล็อตหนังเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งประเด็นสำคัญของ Chappie ในช่วงต้น-กลางเรื่องนั้น ค่อนข้างเรียบง่ายและคาดเดาได้ ซึ่งสิ่งที่เราจะได้สัมผัสก็คือพัฒนาการทีละก้าวอย่างกระท่อนกระแท่นของหุ่นยนต์เด็กน้อย จนเติบโตเป็นกุ๊ยอย่างภาคภูมิได้ ซึ่งความน่ารักน่าชังก็พอจะถูไถไปได้
ความตื่นตาจริงๆกลับเกิดขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์ ที่ผู้เขียนต้องซูฮกว่าหนักกล้าจับประเด็นยอดนิยมสุดเกร่ออย่าง 'สำนึกของการคงอยู่' (conciousness) มาเล่นได้อย่างน่าสนใจและอาจหาญมาก ดังนั้นผู้เขียนจะขอละเว้นส่วนนี้ไปเพราะมันเป็นความเก๋ของหนังจริงๆ และโดยเฉพาะฉากจบของหนังนะ ให้ความรู้สึกขนลุกปนทึ่งเลยเชียว (อยากให้ไปดูเอง)
ประเด็นเสริมที่ค่อนข้างชื่นชอบ คือตลกร้ายอย่างการที่วิศวกรอย่าง Vincent พูดอวดโอ่หุ่นยนต์มูสของตัวเอง ว่าปลอดภัยแน่นอน..เพราะควบคุมด้วยมนุษย์ที่มีสำนึกและศีลธรรมเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ก็หนีไม่พ้นจิตใจของมนุษย์เองนี่แหละ
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
สิ่งที่แปลกใจ คือหนังกราฟิกระดับนี้ กลับมีงานภาพ-เพลงประกอบที่ไม่ตื่นตาเท่าไรนัก เรียกได้ว่าไม่มีอะไรให้สังเกตเลยทีเดียว แต่แอบเซอไพรส์กับความดิบของฉากแอคชั่นในช่วงท้ายเรื่องนิดนึง (ไม่คิดว่าจะทำขนาดนั้น) เรียกได้ว่ามีอะไรเซอไพรส์ไม่หยุดหย่อนกันเลยแหละ
"Chappie เป็นหนังที่หยิบประเด็นยากที่เถียงกันโลกจะแตก มาเคลมสรุปเป็นของตัวเองได้อย่างอุกอาจน่าสนใจ และมีโทนหนังที่ดูได้ง่าย เข้าใจไม่ยาก สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกกลุ่ม ถึงแม้เรื่องเอฟเฟคจะไม่ได้ตื่นตาอะไรมาก แต่โดยรวมแล้วก็ถือเป็นหนังที่คุ้มค่าอยู่ดี"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 10/10
ตอนนี้เราก็เป็นแกะดำกันทั้งคู่แล้วนะ..by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวเก่าๆได้ที่ :
https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1
[REVIEW] Chappie - บอยฮู้ดแห่งแชปปี้
เหมือนมนุษย์ขึ้นมา จบ
- ด้านตัวละคร
อดคิดไม่ได้เลย ว่าผู้กำกับต้องเป็นแฟนหนัง Real Steel แน่ๆ เพราะว่าพี่แกเล่นยกทีมนักแสดงชุดใหญ่มาจากหนังเรื่องนั้นเลยก็ว่าได้
ในแง่มุมของตัวละครหลักอย่าง Chappie (Sharlto Copley) ต้องปรบมือดังๆให้กับทีมกราฟิก+ออกแบบจริงๆ ที่สามารถเสกชีวิตชีวาให้กับหุ่นยนต์หนึ่งตัวได้คล้ายคลึงกับมนุษย์จริงๆได้ขนาดนั้น (ถึงแม้gestures มันจะกุ๊ยๆก็เถอะ) รายละเอียดเล็กๆน้อยอย่างเช่นการปาดจมูก หรือล้วงกระเป๋า สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวละครสมมติอย่างแชปปี้ มี'น้ำหนัก' พอที่จะเป็นแกนเรื่องได้อย่างดี
ในด้านของวายร้าย(?)อย่าง Vincent Moore (Hugh Jackman) รายนี้ก็มีประสบการณ์การเล่นหนังหุ่นยนต์มาก่อน ซึ่งในความคิดแรกแอบคิดว่าพ่อฮิวจ์จะมาแย่งซีนพระเอกหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้กลับรับบทตัวร้ายได้ร้ายจริงๆ แถมมีสีสันเกินคาด (คิดถึงยุค The Prestige) ถึงแม้บทในเรื่องจะไม่เยอะมากก็ตาม
ป.ล.มีตัวละครรองอีกตัวที่ผู้เขียนค่อนข้างชอบมาก คือ Ninja ซึ่งใครจะไปรู้ว่าชื่อจริงๆที่คนเขาเรียกหมอนี่ ก็คือ Ninja นี่แหละ! หมอนี้หน้าตาคล้ายๆกับเจ้าของสนามประลองใต้ดินใน Real Steel ด้วย (ไม่แน่ในว่าคนเดียวกันรึเปล่า)
- ด้านการดำเนินเรื่อง
ต้องขอสารภาพเลยว่า แรกเริ่มเดิมทีผู้เขียนไม่ได้คาดหวังในพล็อตหนังเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งประเด็นสำคัญของ Chappie ในช่วงต้น-กลางเรื่องนั้น ค่อนข้างเรียบง่ายและคาดเดาได้ ซึ่งสิ่งที่เราจะได้สัมผัสก็คือพัฒนาการทีละก้าวอย่างกระท่อนกระแท่นของหุ่นยนต์เด็กน้อย จนเติบโตเป็นกุ๊ยอย่างภาคภูมิได้ ซึ่งความน่ารักน่าชังก็พอจะถูไถไปได้
ความตื่นตาจริงๆกลับเกิดขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์ ที่ผู้เขียนต้องซูฮกว่าหนักกล้าจับประเด็นยอดนิยมสุดเกร่ออย่าง 'สำนึกของการคงอยู่' (conciousness) มาเล่นได้อย่างน่าสนใจและอาจหาญมาก ดังนั้นผู้เขียนจะขอละเว้นส่วนนี้ไปเพราะมันเป็นความเก๋ของหนังจริงๆ และโดยเฉพาะฉากจบของหนังนะ ให้ความรู้สึกขนลุกปนทึ่งเลยเชียว (อยากให้ไปดูเอง)
ประเด็นเสริมที่ค่อนข้างชื่นชอบ คือตลกร้ายอย่างการที่วิศวกรอย่าง Vincent พูดอวดโอ่หุ่นยนต์มูสของตัวเอง ว่าปลอดภัยแน่นอน..เพราะควบคุมด้วยมนุษย์ที่มีสำนึกและศีลธรรมเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ก็หนีไม่พ้นจิตใจของมนุษย์เองนี่แหละ
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
สิ่งที่แปลกใจ คือหนังกราฟิกระดับนี้ กลับมีงานภาพ-เพลงประกอบที่ไม่ตื่นตาเท่าไรนัก เรียกได้ว่าไม่มีอะไรให้สังเกตเลยทีเดียว แต่แอบเซอไพรส์กับความดิบของฉากแอคชั่นในช่วงท้ายเรื่องนิดนึง (ไม่คิดว่าจะทำขนาดนั้น) เรียกได้ว่ามีอะไรเซอไพรส์ไม่หยุดหย่อนกันเลยแหละ
"Chappie เป็นหนังที่หยิบประเด็นยากที่เถียงกันโลกจะแตก มาเคลมสรุปเป็นของตัวเองได้อย่างอุกอาจน่าสนใจ และมีโทนหนังที่ดูได้ง่าย เข้าใจไม่ยาก สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกกลุ่ม ถึงแม้เรื่องเอฟเฟคจะไม่ได้ตื่นตาอะไรมาก แต่โดยรวมแล้วก็ถือเป็นหนังที่คุ้มค่าอยู่ดี"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 10/10
ตอนนี้เราก็เป็นแกะดำกันทั้งคู่แล้วนะ..by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวเก่าๆได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1