ตามที่มีสมาชิกได้ตั้งกระทู้แสดงความเป็นห่วงเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ทาง พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจฝากมาเพื่อท่านสมาชิกได้พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
ประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
================
ขอเรียนชี้แจงเรื่องภาษี vat ดังนี้ครับ
คสช. ได้มีคำสั่ง ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงเหลือร้อยละ7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 และถ้อยคำในคำสั่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของการร่างกฏหมายทั่วไป เหตุที่ คสช. ขยายระยะเวลาลดภาษีถึงแค่ 30 กันยายน 2558 เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลที่เข้ามาบริหารหลังจาก คสช. เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ก็มีการขยายระยะเวลาลดภาษี มาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาลนี้ คงจะได้มีการพิจารณา เมื่อใกล้ถึงระยะเวลาที่ คสช. ขยายไว้
ประเด็นภาษีบ้าน
============
ประเด็นเรื่องภาษีบ้านผมขอเรียนเป็นข้อๆอย่างนี้ครับ
1. รัฐมีความจำเป็นในเรื่องการเก็บภาษีอากรเพื่อใช้ในการบริหารประเทศและสร้างความเจริญในทุกๆด้าน
2. แต่การเก็บภาษีนั้นยึดหลักผู้มีรายได้มากเสียมากผู้มีรายได้น้อยเสียหน่อยโดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นข้อพิจารณา
3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะมาใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งจะยกเลิกเมื่อนำภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาใช้บังคับ เนื่องจากระบบการคำนวนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนบางประเด็นยังขาดความชัดเจน
4. ข่าวเรื่องการเก็บภาษีบ้านและที่ดินที่แพร่หลายอยู่ในสื่อขณะนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องพยายามคิดตัวเลขคิดหาสูตรซึ่งยังไม่ใช่จุดสุดท้ายที่จะเป็นข้อสรุปยังต้องผ่านกรรมวิธีอีกหลายขั้นตอน
5. นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกระทรวงการคลังไปแล้วว่าการกำหนดฐานของภาษีนั้นจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในขณะเดียวกันก็ คำนึงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เช่นกำหนดเพดานภาษีให้อยู่ในระดับตำ่เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างความเจริญให้กับประเทศ นอกจากนั้น ยังต้องกำหนดราคาขั้นต่ำของบ้านที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการคำนวนภาษีให้เหมาะสม ซึ่ง รมว. ก.ค. ได้รับนโยบายไปแล้ว และเชื่อว่าจะได้ปรับสัดส่วนของตัวเลขให้สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อไป
6. รัฐบาลยืนยันในนโยบายที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ แต่จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ประเด็น NGV
==========
การเพิ่มราคา NGV เป็นนโยบายของทุกรัฐบาลที่พยายามจะทำให้ราคา NGV สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง(ที่ผ่านมา มีการอุดหนุนโดยภาครัฐจากทุกรัฐบาล) ความสำเร็จในการลอยตัว NGV เพิ่งสำเร็จในรัฐบาลนี้ เพราะการที่รัฐคอยชดเชยส่วนต่างทำให้ราคากก๊าซถูกเกินความเป็นจริง. ประชาชนก็จะใช้อย่างไม่ประหยัด นอกจากนั้นอาจมีการลักลอบนำไปขายต่างประเทศเพราะราคาถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านการชักชวนให้ใช้ NGV เป็นการผลักดันของภาครัฐไม่ใช่ ปตท โดยมีเหตุผลคือ NGV เป็นก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและแหล่งบนบกในประเทศซึ่งเมื่อใช้NGVจะทำให้การใช้น้ำมันดิบและการนำเข้าลดลง ลดการสูญเสียเงินตราออกไปต่างประเทศ พร้อมทั้งลดการพึ่งพิงพลังงานจาดต่างประเทศ อีกทั้ง NGV นั้นเป็นพลังงานสะอาด เผาไหม้หมดจดกว่าเบนซินและดีเซล ลดปัญหามลภาวะทางอากาศได้ในส่วนที่บอกว่า NGV ทำมาจากก๊าซที่ต้องเผาทิ้ง ไม่เป็นความจริง ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยนั้นจะถูกใช้ทั้งหมดดังนี้
1. ผลิตกระแสไฟฟ้า
2. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
3. โรงงานอุตสาหกรรม
4. ภาคขนส่ง(NGV)
ในประเด็นที่บอกว่าไม่ส่งแก๊สนั้น ไม่ได้เกิดจาดการไม่อยากขาย แต่เนื่องจากในช่วงนั้น อาจจะไม่มีก๊าซธรรมชาติเพียงพอในการผลิต NGV ( อาจมีการหยุดผลิตในแหล่งจากพม่าหรือในอ่าวไทย) การที่ไม่อยากขายเองไม่สามารถทำได้เพราะมีกรมธุรกิจพลังงานควบคุมอยู่/ มีแต่ไม่ขายผิดกฎหมาย) การไม่ขยายปั๊มนั้นไม่จริง ปตท มีหน้าที่ที่ต้องขยายสถานีบริการให้ครบตามจำนวนที่ตกลงไว้ในแต่ละปีตามที่ตกลงไว้กับกระทรวงพลังงาน การที่อาจจะมองว่าล่าช้าเนื่องจากในการขยายสถานีNGVนั้น ในหลายจุดต้องรอแนวท่อก๊าซธรรมชาติให้ไปถึงก่อนถึงจะติดตั้งสถานีได้ โดยในบางครั้งแนวท่ออาจสร้างล่าช้าได้ในประเด็นที่บอกว่ามีคนอยากทำสถานีบริการมากนั้น สามารถติดต่อโดยตรงกับ ปตท ได้แต่ผู้ที่อยากทุกท่านอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง เน้นด้านความปลอดภัยและอาจไม่อยู่ในแนวท่อก๊าซธรรมชาติผ่าน ณ ตำแหน่งนั้นๆ
ส่วนการขึ้นราคาของรถเมล์นั้น ไม่ได้เกิดจากการขึ้นราคา NGV เพื่อสะท้อนราคาตลาดอย่างเดียวแต่เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมาของรถเมล์มีสภาวะขาดทุนสะสม ไม่คุ้มทุนในการดำเนินการ ดังนั้นเพื่อให้กิจการเพื่อประชาชนสามารถดำเนินการต่อได้จึงมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาเพื่อสะท้อนต้นทุน
การปรับโครงสร้างราคา NGV
กระทรวงพลังงานดำเนินการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงก๊าซ NGV ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้อ 6.9 ปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุนและให้มีภาระภาษีที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันต่างชนิดและผู้ใช้ต่างประเภท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศและให้ผู้บริโภคระมัดระวังที่จะไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ได้ให้ความเห็นชอบ กรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(1) ราคาพลังงานต้องสะท้อนต้นทุนแท้จริง
(2) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคขนส่ง ควรจะมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่ใกล้เคียงกัน
(3) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมพลังงานทดแทน
(4) ลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง (Cross Subsidy)
(5) ค่าการตลาดควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม
(6) ช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
(7) เก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละประเภทในอัตราที่ใกล้เคียงกันตามค่าความร้อน
ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าต้นทุนของก๊าซ NGV ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 14.50 บาท/กิโลกรัม โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 ได้เห็นชอบแนวทางการปรับราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้สำหรับยานยนต์ (NGV) โดยปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลขึ้นในอัตรา 0.50 บาท/กก. จากเดิม 12.50 บาท/กก. เป็น 13.00 บาท/กก. และปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะขึ้นในอัตรา 0.50 บาท/กก. จากเดิม 9.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 10.00 บาท/กก. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2558
NGV เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในภาคขนส่ง ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับราคาจนสะท้อนต้นทุนก็ยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหรือแก๊สโซฮอล โดยแม้ว่าจะต้องลงทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ก็สามารถคืนทุนได้จากส่วนประหยัดที่เกิดขึ้นจากการใช้เชื้อเพลิง NGV ซึ่งมีราคาต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่น ผลประหยัดที่เกิดขึ้น จะทำให้คืนทุนค่าติดตั้งถังและระบบ ภายใน 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับ ประเภทของรถ และ ระยะทางที่วิ่ง สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ได้แก่ แท็กซี่ รถร่วม ขสมก และ รถร่วม บขส กระทรวงพลังงานมีนโยบายช่วยเหลือด้านราคาอยู่ 3 บาท ต่อ กิโลกรัม และในส่วนของการขยายสถานีบริการ ปตท. ได้เร่งรัดให้มีการขยายสถานีบริกาiเพิ่มเติม เพื่อขยายการบริการให้ดีขึ้น
จาก... ไก่อู ครับ
เรียน เพื่อนสมาชิกทาง พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้ฝากให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระทู้ประเด็นการแก้ไขปัญหาเศษฐกิจดังต่อไปนี้ค่ะ
ประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
================
ขอเรียนชี้แจงเรื่องภาษี vat ดังนี้ครับ
คสช. ได้มีคำสั่ง ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงเหลือร้อยละ7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 และถ้อยคำในคำสั่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของการร่างกฏหมายทั่วไป เหตุที่ คสช. ขยายระยะเวลาลดภาษีถึงแค่ 30 กันยายน 2558 เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลที่เข้ามาบริหารหลังจาก คสช. เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ก็มีการขยายระยะเวลาลดภาษี มาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาลนี้ คงจะได้มีการพิจารณา เมื่อใกล้ถึงระยะเวลาที่ คสช. ขยายไว้
ประเด็นภาษีบ้าน
============
ประเด็นเรื่องภาษีบ้านผมขอเรียนเป็นข้อๆอย่างนี้ครับ
1. รัฐมีความจำเป็นในเรื่องการเก็บภาษีอากรเพื่อใช้ในการบริหารประเทศและสร้างความเจริญในทุกๆด้าน
2. แต่การเก็บภาษีนั้นยึดหลักผู้มีรายได้มากเสียมากผู้มีรายได้น้อยเสียหน่อยโดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นข้อพิจารณา
3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะมาใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งจะยกเลิกเมื่อนำภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาใช้บังคับ เนื่องจากระบบการคำนวนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนบางประเด็นยังขาดความชัดเจน
4. ข่าวเรื่องการเก็บภาษีบ้านและที่ดินที่แพร่หลายอยู่ในสื่อขณะนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องพยายามคิดตัวเลขคิดหาสูตรซึ่งยังไม่ใช่จุดสุดท้ายที่จะเป็นข้อสรุปยังต้องผ่านกรรมวิธีอีกหลายขั้นตอน
5. นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกระทรวงการคลังไปแล้วว่าการกำหนดฐานของภาษีนั้นจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในขณะเดียวกันก็ คำนึงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เช่นกำหนดเพดานภาษีให้อยู่ในระดับตำ่เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างความเจริญให้กับประเทศ นอกจากนั้น ยังต้องกำหนดราคาขั้นต่ำของบ้านที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการคำนวนภาษีให้เหมาะสม ซึ่ง รมว. ก.ค. ได้รับนโยบายไปแล้ว และเชื่อว่าจะได้ปรับสัดส่วนของตัวเลขให้สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อไป
6. รัฐบาลยืนยันในนโยบายที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ แต่จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ประเด็น NGV
==========
การเพิ่มราคา NGV เป็นนโยบายของทุกรัฐบาลที่พยายามจะทำให้ราคา NGV สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง(ที่ผ่านมา มีการอุดหนุนโดยภาครัฐจากทุกรัฐบาล) ความสำเร็จในการลอยตัว NGV เพิ่งสำเร็จในรัฐบาลนี้ เพราะการที่รัฐคอยชดเชยส่วนต่างทำให้ราคากก๊าซถูกเกินความเป็นจริง. ประชาชนก็จะใช้อย่างไม่ประหยัด นอกจากนั้นอาจมีการลักลอบนำไปขายต่างประเทศเพราะราคาถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านการชักชวนให้ใช้ NGV เป็นการผลักดันของภาครัฐไม่ใช่ ปตท โดยมีเหตุผลคือ NGV เป็นก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและแหล่งบนบกในประเทศซึ่งเมื่อใช้NGVจะทำให้การใช้น้ำมันดิบและการนำเข้าลดลง ลดการสูญเสียเงินตราออกไปต่างประเทศ พร้อมทั้งลดการพึ่งพิงพลังงานจาดต่างประเทศ อีกทั้ง NGV นั้นเป็นพลังงานสะอาด เผาไหม้หมดจดกว่าเบนซินและดีเซล ลดปัญหามลภาวะทางอากาศได้ในส่วนที่บอกว่า NGV ทำมาจากก๊าซที่ต้องเผาทิ้ง ไม่เป็นความจริง ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยนั้นจะถูกใช้ทั้งหมดดังนี้
1. ผลิตกระแสไฟฟ้า
2. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
3. โรงงานอุตสาหกรรม
4. ภาคขนส่ง(NGV)
ในประเด็นที่บอกว่าไม่ส่งแก๊สนั้น ไม่ได้เกิดจาดการไม่อยากขาย แต่เนื่องจากในช่วงนั้น อาจจะไม่มีก๊าซธรรมชาติเพียงพอในการผลิต NGV ( อาจมีการหยุดผลิตในแหล่งจากพม่าหรือในอ่าวไทย) การที่ไม่อยากขายเองไม่สามารถทำได้เพราะมีกรมธุรกิจพลังงานควบคุมอยู่/ มีแต่ไม่ขายผิดกฎหมาย) การไม่ขยายปั๊มนั้นไม่จริง ปตท มีหน้าที่ที่ต้องขยายสถานีบริการให้ครบตามจำนวนที่ตกลงไว้ในแต่ละปีตามที่ตกลงไว้กับกระทรวงพลังงาน การที่อาจจะมองว่าล่าช้าเนื่องจากในการขยายสถานีNGVนั้น ในหลายจุดต้องรอแนวท่อก๊าซธรรมชาติให้ไปถึงก่อนถึงจะติดตั้งสถานีได้ โดยในบางครั้งแนวท่ออาจสร้างล่าช้าได้ในประเด็นที่บอกว่ามีคนอยากทำสถานีบริการมากนั้น สามารถติดต่อโดยตรงกับ ปตท ได้แต่ผู้ที่อยากทุกท่านอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง เน้นด้านความปลอดภัยและอาจไม่อยู่ในแนวท่อก๊าซธรรมชาติผ่าน ณ ตำแหน่งนั้นๆ
ส่วนการขึ้นราคาของรถเมล์นั้น ไม่ได้เกิดจากการขึ้นราคา NGV เพื่อสะท้อนราคาตลาดอย่างเดียวแต่เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมาของรถเมล์มีสภาวะขาดทุนสะสม ไม่คุ้มทุนในการดำเนินการ ดังนั้นเพื่อให้กิจการเพื่อประชาชนสามารถดำเนินการต่อได้จึงมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาเพื่อสะท้อนต้นทุน
การปรับโครงสร้างราคา NGV
กระทรวงพลังงานดำเนินการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงก๊าซ NGV ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้อ 6.9 ปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุนและให้มีภาระภาษีที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันต่างชนิดและผู้ใช้ต่างประเภท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศและให้ผู้บริโภคระมัดระวังที่จะไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ได้ให้ความเห็นชอบ กรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(1) ราคาพลังงานต้องสะท้อนต้นทุนแท้จริง
(2) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคขนส่ง ควรจะมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่ใกล้เคียงกัน
(3) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมพลังงานทดแทน
(4) ลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง (Cross Subsidy)
(5) ค่าการตลาดควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม
(6) ช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
(7) เก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละประเภทในอัตราที่ใกล้เคียงกันตามค่าความร้อน
ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าต้นทุนของก๊าซ NGV ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 14.50 บาท/กิโลกรัม โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 ได้เห็นชอบแนวทางการปรับราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้สำหรับยานยนต์ (NGV) โดยปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลขึ้นในอัตรา 0.50 บาท/กก. จากเดิม 12.50 บาท/กก. เป็น 13.00 บาท/กก. และปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะขึ้นในอัตรา 0.50 บาท/กก. จากเดิม 9.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 10.00 บาท/กก. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2558
NGV เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในภาคขนส่ง ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับราคาจนสะท้อนต้นทุนก็ยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหรือแก๊สโซฮอล โดยแม้ว่าจะต้องลงทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ก็สามารถคืนทุนได้จากส่วนประหยัดที่เกิดขึ้นจากการใช้เชื้อเพลิง NGV ซึ่งมีราคาต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่น ผลประหยัดที่เกิดขึ้น จะทำให้คืนทุนค่าติดตั้งถังและระบบ ภายใน 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับ ประเภทของรถ และ ระยะทางที่วิ่ง สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ได้แก่ แท็กซี่ รถร่วม ขสมก และ รถร่วม บขส กระทรวงพลังงานมีนโยบายช่วยเหลือด้านราคาอยู่ 3 บาท ต่อ กิโลกรัม และในส่วนของการขยายสถานีบริการ ปตท. ได้เร่งรัดให้มีการขยายสถานีบริกาiเพิ่มเติม เพื่อขยายการบริการให้ดีขึ้น
จาก... ไก่อู ครับ